ค่าย "ยามาฮ่า" เตรียมปล่อยทีเด็ด รถจักรยานยนต์ออโตเมติก เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ กำหนดเปิดตัว 2 ธันวาคมนี้ โดยเป็นโมเดลพัฒนาใหม่หมด หวังท้าชนเจ้าตลาด "ฮอนด้า" ที่ฟุ้งเรื่องหัวฉีดมานาน พร้อมปรับเป้าขายรวมปีนี้เพิ่มเป็น 5.1 แสนคัน
จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติกตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทเตรียมส่ง รถออโตเมติก พร้อมเครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ลุยตลาด และเตรียมเปิดตัวกับสื่อมวลชนวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมริเวอร์ไซค์ กรุงเทพฯ
"รถที่เตรียมเปิดตัวต้นเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นรถเครื่องยนต์หัวฉีดโมเดลที่สองของยามาฮ่า (โมเดลแรก "สปาร์ก 135ไอ" เกียร์ธรรมดา) แต่ถือเป็นโมเดลแรกที่เป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ เชื่อว่าหลังการเปิดตัวจะสร้างความคึกคักให้ตลาดช่วงปลายปีได้เป็นอย่าางดี"
ในส่วนยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2553)ทำได้ 401,218 คัน เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว(354,879 คัน) ขณะเดียวกันบริษัทยังปรับเป้าหมายการขายในปีนี้เป็น 510,000 คัน สูงกว่าที่คาดการไว้ช่วงต้นปี 480,000 คัน
จินตนา กล่าวว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าปลายปีตลาดจะกลับมาสดใสอีกครั้ง อย่างปีนี้บริษัทจะทำยอดขายรวมได้ถึง 510,000 คัน ขยายตัว 19% เมื่อเทียบกับปี 2552 ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดอาจจะลดลงจาก 28% เป็น26% ซึ่งบริษัทไม่ได้ถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร เพราะผ่านมาก็มียอดขายโตขึ้นตลอด
นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เปิดตัวน้ำมันเครื่องยามาลู้ปสูตรใหม่ "Yamalube ECO PLUS " น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ระดับพรีเมียม เกรด 10W-40 ตัวแรกของยามาฮ่า สำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 4 จังหวะ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ที่ต้องการน้ำมันครื่องประสิทธิภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่า คาดว่าหลังการเปิดตัวจะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มากกว่า 50%
เพิ่มเติม : http://www.langrod.com/
ผ่าน 3 ไตรมาสของปี 2553 ตลาดรถจักรยานยนต์ยังแรงไม่หยุด ด้วยยอดขายรวม 1,404,626 คัน โต 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรถแบบเอ.ที ยังได้รับความนิยมสูงสด หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% จากยอดขายรถทุกประเภท ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปิดฉากไตรมาสสามของปี เติบโตสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 1,404,626 คัน โดยฮอนด้าเจ้าเดียวโตขึ้น 27% พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 68%
“เหตุผลส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยเติบโตขึ้นนี้ สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าเอง ในฐานะของผู้นำตลาด ได้เตรียมส่งความหลากหลายของสินค้า ในทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในประเภทรถครอบครัว รถเอ.ที และล่าสุดกับรถสปอร์ต เพื่อเติมเต็มในทุกส่วนของความต้องการของผู้บริโภค และเติมเต็มให้เหนือยิ่งกว่า ด้วยการตอบสนองในส่วนที่เหนือความต้องการเพื่อมุ่งเปิดเซกเมนต์ใหม่ๆ ขยายตลาดรถจักรยานยนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น”
ด้านตัวเลขสะสม 9 เดือนแรกของปีของตลาดรถจักรยายนต์เมืองไทย มียอดจำหน่ายรวมที่ 1,404,626 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 716,848 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 51%, แบบครอบครัวที่ 643,927 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 18,718 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%, แบบสปอร์ต 6,998 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 18,135 คัน
หากแบ่งแยกตามประเภทของผู้ผลิต ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนที่ 954,901 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 68%, ยามาฮ่า 366,499 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 26%, ซูซูกิ 51,070 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 16,634 คัน อัตราครองตลาด 1% , เจอาร์ดี 237 คัน, แพล็ตตินั่ม 565 คัน, ไทเกอร์ 1,577 คัน และอื่นๆ 13,143 คัน
สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนกันยายน 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 152,366 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที 78,617 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนที่ 70,788 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% สำหรับรถจักรยานยนต์ในแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 631 คัน, แบบสปอร์ต 421 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,909 คัน
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนกันยายน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 102,672 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,716 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,480 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,642 คัน , เจอาร์ดี 11 คัน, แพล็ตตินั่ม 87 คัน, ไทเกอร์ 177 คัน และอื่นๆ 1,581 คัน
เพิ่มเติม : http://www.langrod.com/