วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"ซูซูกิ"สางปัญหาพื้นที่ขายทับซ้อน เปิดรับตัวแทนใหม่หลังเทกโอเวอร์"พรประภา"จบ

"ซูซูกิ" เตรียมเดินหน้าทำตลาดมอเตอร์ไซค์เต็มสูบ หลังจากซื้อหุ้นคืนจากเอส.พี.ซูซูกิ คาดลุยสะสางปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ส่วนดีลเลอร์ 200 แห่งยังไม่ชัดเจน เตรียมให้สมัครเข้าเป็นดีลเลอร์ใหม่ ขณะที่ "ฮอนด้า-ยามาฮ่า" ลั่น แม้บริษัทแม่เข้ามาทำตลาด เชื่อไม่กระเทือน คาดปีนี้ตลาดโตแตะระดับ 1.78 ล้านคัน

ผลพวงจากการที่กลุ่มพรประภาถอดใจเลิกขายมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ ปล่อยให้ญี่ปุ่น เข้ามาลุยเมืองไทยเอง โดยแจ้งตลาด หลักทรัพย์ฯขอเพิกถอนหุ้น เอส.พี.ซูซูกิ เนื่องจากบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ของญี่ปุ่น มีนโยบายจะทำธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทยด้วยตัวเอง และได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด พร้อมยกเลิกสัญญา Distributorship Agreement หรือการเป็นตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด

นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีการเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะส่งผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้น โดยบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ จะมีหุ้นอยู่ 5.56% เท่าเดิม ขณะที่หุ้นที่เหลือทั้งหมดก็จะถือโดยซูซูกิประเทศญี่ปุ่น

จากเดิม บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ที่ 42.38% แต่หลังจากเอส.พี.ฯ ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดคืนกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น และขอยุติบทบาทการเป็นดิสทริบิวเตอร์ของซูซูกิลงตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ปัจจุบัน ซูซูกิมีโชว์รูม

ทั่วประเทศ 600 กว่าแห่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของบริษัท ไทยซูซูกิ จำกัด, บริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด และบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด

โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้มีการประกาศแต่งตั้งดีลเลอร์ไปแล้ว 53 แห่ง และล่าสุด จะมีการพิจารณารับเพิ่มเป็น 60 แห่งทั่วประเทศ ยกเว้นเพียงแต่ในเขตพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งดูแลโดยบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด เท่านั้น ขณะที่เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของซูซูกิ ในปีนี้บริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมที่ 1 แสนคัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง แต่เป็นไปได้ทั้งเชิงบวกและลบ ดังนั้น บริษัทจึงขอยืนยันเป้าหมายเดิมก่อน

แหล่งข่าวจากบริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า บริษัทได้ตัดสินใจแจ้งบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังจากที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายมายาวนานกว่า 40 ปี โดยนอกจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการขายหุ้น 42.38% คืนให้กับบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และบริษัทจะไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกับธุรกิจดังกล่าวทั้งหมด

ส่วนดีลเลอร์ที่บริษัทมีอยู่ประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศนั้น คาดว่าบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด จะเปิดโอกาสให้สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิใหม่ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ ดีลเลอร์

"การตัดสินใจยุติบทบาทของเราครั้งนี้ ถือเป็นการจากลากันด้วยดี เพราะที่ผ่านมา ไทยซูซูกิก็มีการตั้งตัวแทนจำหน่ายของตัวเองในพื้นที่ 62 จังหวัดที่เราดูแลอยู่ตั้งแต่เมื่อปี 2550 แล้ว เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของซูซูกิต่อจากนี้ ส่วนการบริหารจัดการรถจักรยานยนต์ในสต๊อกของเรานั้น เท่าที่ได้มีการ หารือกับทางไทยซูซูกิฯ คาดว่าทางซูซูกิจะเป็นผู้รับผิดชอบและซื้อคืนทั้งหมด" แหล่งข่าวกล่าว

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า โดยรวมของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ซูซูกิมีการพัฒนาระบบเครือข่ายการจำหน่ายได้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา อาจจะมีบางช่องทาง และบางพื้นที่มีความซ้ำซ้อน ซึ่งหากบริษัทแม่เข้ามาดูแล และควบคุมอย่างเต็มที่ ก็น่าจะทำให้ตรงนี้ดีขึ้น ส่วนจะทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์มีสภาพการแข่งขันที่รุนแรงหรือไม่นั้น ถือว่าปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงมาโดยตลอด และสินค้า รวมทั้งพื้นที่การจำหน่ายของซูซูกิก็ไม่ได้ด้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ

"ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะจุดประสงค์ใหญ่ของการเข้ามาของซูซูกิครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาเครือข่ายให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว บริษัทแม่คงไม่ทุ่มเงินลงทุนขนาดนี้ ส่วนเรื่องสินค้า และพื้นที่การขาย ถ้ามีการพัฒนาให้เหมือนคู่แข่ง ก็เชื่อว่าน่าจับตาทีเดียว" นายธีระพัฒน์กล่าว

สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 25% และเอ.พี.ฮอนด้ามีอัตราการเติบโตที่ 30% ซึ่งถือเป็นยอดที่น่าพอใจ ส่วนครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์ยังคงดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตร คาดว่าตลาดโดยรวมน่าจะอยู่ในระดับ 1.78 ล้านคัน สูงขึ้นจากเป้าเดิมที่ 1.7 ล้านคัน และฮอนด้าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 1.14 ล้านคันอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับนายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับซูซูกิ ในเชิงตลาดรวม คงไม่ แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมา ซูซูกิก็ได้มีความพยายามทำตลาดอย่างเต็มที่ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะได้เห็นครั้งนี้ คือโครงสร้างการบริหารมากกว่า ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับซูซูกิ เพราะหากเทียบกับค่ายรถจักรยานยนต์อื่น ๆ ที่บริษัทแม่เข้ามาดูแล 100%

เพราะเดิม การบริหารจัดการของ "ซูซูกิ" นั้นมีความหลากหลาย อาจจะส่งผลทำให้การบริหารจัดการไม่ชัดเจน แต่จากการตัดสินใจของบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไทยซูซูกิ ว่าจะทำทุกอย่างได้มีมากน้อยเพียงใดด้วย

สำหรับยามาฮ่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการทำตลาดมากนัก เพราะลำพังเพียงแค่ฮอนด้าและยามาฮ่า ก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 95% แล้ว ดังนั้น การปรับเปลี่ยนของซูซูกิครั้งนี้ น่าจะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น ในแง่ของเป้าหมายการจำหน่ายของปีนี้ เดิมยามาฮ่าตั้งเป้ามียอดขายที่ 4.8 แสนคัน แต่ขณะนี้ได้ปรับเพิ่มเป้าเป็น 5.2 แสนคันขึ้นไปแล้ว เนื่องจากตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก

สำหรับบริษัท เอส.พี.อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน ในราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญ 16.20 บาทต่อหุ้น และมีบริษัท เคพีเอ็มจี ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของผู้เสนอซื้อ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ

เพิ่มเติม http://www.prachachat.net/

"ยามาฮ่า" ใช้รถลายใหม่บิดยูเอสฯ

เฟียต-ยามาฮ่า ทีมแข่งดังแห่งศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี ตกแต่งลวลลายรถ YZR-M1ของวาเลนติโน รอสซี และฮอร์เก ลอเรนโซ เป็นการเฉพาะกิจ สำหรับการแข่งขันรายการยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามลากูนา เซกา สหรัฐอเมริกา ในสุดสัปดาห์นี้

ทีมแข่งโรงงานจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวลวดลายรถแข่งที่รอสซี และลอเรนโซ จะใช้ทำศึกที่สนามลากูนา เซกา เซอร์กิต ด้วยการตกแต่งลวดลายที่เป็นการฉลองการนำเข้ารถ "เฟียต 500" รถยนต์ขนาดเล็กจากประเทศอิตาลี ที่จะเข้าไปทำตลาดอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา

โดยลวดลายดังกล่าวเป็นการนำใบหน้าแฟนคลับทีมเฟียต-ยามาฮ่า หลายร้อยคนมาตกแต่งเป็นลวลลายบนรถรถ YZR-M1 ทั้ง 2 คัน พร้อมด้วยตัวเลข 500 ซึ่งเป็นลายธงชาติสหรัฐอเมริกา อันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการดังกล่าว

โดยมีรายงานว่าเพียง 30 นาทีที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเฟียต-ยามาฮ่า เปิดให้แฟนๆได้ส่งรูปใบหน้าตัวเองเข้ามาเพื่อนำมารวมเป็นลวดลายบนรถแข่ง แฟนคลับจากทั่วโลกหลายพันก็ต่างส่งรูปของตัวเองเข้ามาจนเว็บไซต์ต้องปิดรับภายในเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามลากูนา เซกา จะเป็นสนามเดียวของเวิลด์ จีพี 2010 ที่แข่งขันเฉพาะรุ่นโมโตจีพี โดยรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

"ภราดร" ชื่อขายได้ 11 บริษัทหนุนทีมซิ่งสองล้อ

ความโด่งดังของ ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลกขวัญใจชาวไทย ยังไม่ลดน้อยถอยลง เมื่อล่าสุดมีสินค้าน้อยใหญ่ 11 รายการแห่สนับสนุนทีมมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์ "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" ซึ่งมี "ซูเปอร์บอล" เป็นสิงห์นักบิด

หลังประกาศแขวนแร็กเกตเทนนิสเต็มตัว เมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ภราดร วัย 31 ปี เดินตามความฝันเปิดตัวเข้าร่วมทีมซูเปอร์ไบค์ไทย "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" พร้อมกับ "ซูเปอร์เบิร์ด" แสน เชยศักดิ์ เพื่อลงแข่งขันรายการในไทยปี 2010 ทั้งหมด 7 รายการ

ทีมข่าว MGR Sport ทำการสอบถามข้อมูลไปที่ที "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" พบว่ามีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนทีมลงแข่งขันในปี 2010 ถึง 11 รายการ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากชื่อเสียงของ "ซูเปอร์บอล" หนึ่งในนักบิดของทีม ซึ่งประชาชนชาวไทยรวมถึงทั้งโลกรู้จักเป็นอย่างดี

โดย สปอนเซอร์ทีมแข่งประกอบด้วย 1.น้ำมันเครื่อง เอลฟ์ และ 2. สิทธิผล กรุ๊ป ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ตามมาด้วย สมาร์ท สปอร์ต โปรโมชัน จำกัด บริษัทในเครือของ สิทธิผล

ด้านของผู้สนับสนุนในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์หมายเลข 78 ของ แสน และ 79 ของ ภราดร ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ ฮอนดา CBR 1000 RR ปี 2009 เครื่องยนต์ 999 ซีซี ตามมาด้วย ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี และโซ่รถจักรยานยนต์ ดีไดดี รวมถึงหัวเทียนจาก เด็นโซ และ หมวกกันน๊อต "เรียว" ( Real)

นอกจากนี้ยังมี หลอดไฟและโคมไฟ สแตนเลย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ตราสิงห์และอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย แมจิก ไอริส (Majic Iris) ของ "เจ้าบอล" เอง ซึ่งจะติดโลโกไว้ที่ตัวรถด้วย

นาย แวงซองต์ มินาร์ด กรรมการผู้จัดการบริษัท โททัล ออย ประเทศไทย จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเอลฟ์ กล่าวถึงการหลั่งไหลเข้ามาของสปอนเซอร์ว่า "แน่นอนว่า ภราดร เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก และการที่ได้เขาเข้ามาเป็นนักบิดภายในทีมย่อมส่งผลดีต่อทีมของเราเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าถ้าผลงานในปีนี้พอใช้ได้ ปีหน้าทีมของเราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องแน่นอน"

สำหรับ ภราดร พร้อมด้วยทีม "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" เตรียมลงแข่งขัน ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ โปรซีรีส์ สนามที่ 2 สุดสัปดาห์นี้ วันที่ 24-25 ก.ค. ณ สนาม พีระเซอร์กิต พัทยา จังหวัด ชลบุรี ต่อไป

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บ.แม่ญี่ปุ่นโดดเทคฯ เอสพีซูซูกิจาก"พรประภา" ขอทำตลาดเอง เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์

กลุ่มพรประภาถอดใจเลิกขายมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ หลังญี่ปุ่นเข้ามาลุยเมืองไทยเอง แจ้งตลาดขอเพิกถอนหุ้นเอส.พี.ซูซูกิ พร้อมตั้งโต๊ะรับซื้อที่หุ้นละ 16.20 บาท ดันราคาหุ้นกระฉูดพรวดเดียว 5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50% หลังปลดเอสพี มาปิดที่ 15.80 บาท

นายสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เนื่องจากทางบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นของญี่ปุ่น มีนโยบายจะทำธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทยด้วยตนเอง และได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด ซึ่งบริษัทได้พิจารณาภาพรวมแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจรถจักรยานยนต์ประกอบกับอัตราการแข่งขันของธุรกิจดังกล่าวภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งภาคเศรษฐกิจและการเมืองแล้วเห็นว่า หากบริษัทประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป อาจทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้

ทั้งนี้ บริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังเสนอให้บริษัทยกเลิกสัญญา Distributorship Agreement ที่บริษัทได้ทำไว้กับบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ซึ่งหากมีการยกเลิกสัญญาดังกล่าวบริษัทก็จะต้องยกเลิกสัญญา Dealership Agreements ที่บริษัทได้ทำกับตัวแทนจำหน่ายรายต่างๆ ไปในคราวเดียวกัน ขณะที่บริษัทก็เจรจาขายสินค้าคงเหลือคืนให้กับไทยซูซูกิฯ นอกจากนี้ บริษัทต้องขายหุ้น บริษัท สินพล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป

"การทำรายการทั้งหมด เข้าข่ายเป็นการจำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติของบริษัทไปเกือบทั้งหมด เป็นผลให้บริษัทมีทรัพย์สินทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น และบริษัทมีความประสงค์ที่จะหยุดประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และบริษัทไม่มีแผนการลงทุนและการดำเนินงานในอนาคต จึงขอเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์ คาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนตุลาคมนี้"

นายสถิตย์พงษ์กล่าวว่า ในการขายหุ้นไทยซูซูกิที่บริษัทถืออยู่ 5,088 หุ้น มูลค่าพาร์หุ้นละ 10,000 บาท คิดเป็น 18.78% มีมูลค่ารวม 699.91 ล้านบาท รวมเงินปันผลที่บริษัทจะได้รับก่อนการขายหุ้นมูลค่า 804.71 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าการขายสินค้าคงเหลือคืนให้บริษัทไทยซูซูกิ 82 ล้านบาท การขายหุ้นบริษัทสินพล อีก 24 ล้านบาท
หุ้นเอสพีซูซูกิ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 158 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 790 ล้านบาท

โดยช่วงเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอหยุดพักการซื้อขายเป็นการชั่วคราว หรือขึ้นเครื่องหมายเอสพี เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงทุน ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะของบริษัท และหลังจากชี้แจงข้อมูลว่า บริษัท เอส.พี. อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคาหุ้นละ 16.20 บาท และเอสพีซูซูกิได้ขอเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตลาดจึงได้ปลดเอสพีตั้งแต่ช่วงบ่าย ซึ่งราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างแรง โดยมาปิดที่ 15.80 บาท เพิ่มขึ้นถึง 5.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50.48%

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 11 มีนาคม 2553 ประกอบด้วยบริษัท ซี.เอ.อาร์.เอส จำกัด 30.38% บริษัท เอส.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล 30.38% นางสาวปฤณ พรประภา 5.39% นางสาวลดาวัลย์ อัศวะประภา 3.62% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ 2.75% และนายรักสนิท พรประภา 2.66%

เพิ่มเติม http://www.matichon.co.th/

เอลฟ์ผุด'ELF MOTOZONE'ปั้นยอด20%

ตลาดน้ำมันเครื่องแข่งเดือด ค่ายเอลฟ์เปิดช็อปรูปแบบใหม่ "ELF MOTOZONE"หวังสร้างแบรนด์อะแวร์เนสกับลูกค้า พร้อมเดินหน้ากิจกรรมทางการตลาดไม่ยั้ง ตั้งเป้าสิ้นปีเติบโต 20%

นายพิภพ ยิ่งพัฒนา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเอลฟ์ บริษัทสิทธิพล 1919 จำกัด บริษัทในเครือกลุ่มสิทธิพล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทโททาล ออยล์ (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งถือเป็นบริษัทแม่ของน้ำมันเครื่องเอลฟ์ ได้มีการพัฒนารูปแบบร้านค้าใหม่ โดยมีการตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ "ELF MOTOZONE"ซึ่งในต่างประเทศมีการเปิดในรูปแบบนี้อยู่แล้ว ในเบื้องต้นจะมีการปรับปรุงร้านค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องเอลฟ์จำนวน 30 ร้านค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

สำหรับรูปแบบ"ELF MOTOZONE"จะมีคอนเซ๋ปต์หลักๆคือ คัดเลือกร้านค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานตามที่บริษัทได้ตั้งไว้ และหลังจากนั้นจะมีการเข้าไปตกแต่ง มีการใช้ผลิตภัณฑ์ของเอลฟ์ และสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์เทคโนโลยี การอบรมช่าง และกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบในครั้งนี้จะมี 3 รูปแบบ เอ บี และ ซี เนื่องจากพื้นที่แต่ละร้านไม่เท่ากัน แต่เฉลี่ยจะมีการใช้งบประมาณ100,000 บาท หรืออาจจะมากหรือน้อยกว่านั้น

ปัจจุบันเอลฟ์มีตัวแทนจำหน่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวนกว่า 370 แห่ง ซึ่งการปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่ในครั้งนี้จะทยอยปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง และเอลฟ์คาดว่าผลของการปรับโฉมใหม่จะเป็นการสร้างการรับรู้ของผู้บริโภค หรือแบรนด์อะแวร์เนส ทำให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำแบรนด์ของเอลฟ์ ขณะเดียวกันเอลฟ์มีแผนงานขยายเครือข่ายต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันมีปริมาณลูกค้าที่รอกว่า 1,000 ราย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะขยายแบบค่อยเป็นค่อยไป

นอกจากแผนงานด้านเครือข่ายแล้ว ในปีนี้เอลฟ์ยังรุกตลาดต่อเนื่อง โดยมีการจับมือกับบริษัทโททาล ออยล์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดตัวทีมแข่ง " ELF SMART SPORT RACING TEAM"ซึ่งจะเป็นผู้สนับสนุนหลักในการเข้าแข่งขันในปีนี้ จำนวน 7สนาม และมีนักแข่งในทีมที่มีชื่อเสียงอย่าง แสน เชยศักดิ์ ,ภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่จะใช้รถจักรยานยนต์ในรุ่น ฮอนด้า รุ่นซีบีอาร์ 1000อาร์อาร์ ปี 2009 หมายเลข 78 และ 79 ในการแข่งขัน โดยมีประทีป ปริสุทธิ์สุนทร เป็นผู้จัดการทีม

"ปีนี้เราจะเน้นกิจกรรมทางด้านการตลาดผ่านมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นที่รู้จักและแบรนด์มีความแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันเราจะมีกิจกรรมทางการตลาดที่พ่วงไปกับบริษัทสุทธิผลฯ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมความบันเทิง ชมคอนเสิร์ต อีเวนต์ต่างๆ"

นายพิภพ กล่าวว่า ภาพการแข่งขันในตลาดน้ำมันเครื่องของจักรยานยนต์เป็นไปอย่างดุเดือด โดยมีเบอร์หนึ่งคือคาสตรอล ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 20% ขณะที่เอลฟ์ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 2% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อย เนื่องมาจากปริมาณการขายของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งยังมีจำนวนน้อย เฉลี่ยขายได้ประมาณ 2 ล้านลิตร จากตลาดรวมที่ขายได้ 60-70 ล้านลิตรต่อปี

โดยผลการดำเนินงานของคาสตรอลในช่วงที่ผ่านมาพบว่า ยอดขายน้ำมันเครื่องแบบสี่จังหวะเติบโตมากว่า 20% ขณะที่สัดส่วนของสองจังหวะเริ่มลดลง เนื่องจากรถในตลาดมีน้อย ซึ่งปัจจัยการเติบโตดังกล่าวมาจากตลาดรวมเติบโต มีคู่แข่งขันหลายรายที่มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด อาทิ คาสตรอล ที่มีการจัดระเบียบราคาเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน การปรับเปลี่ยนเส้นทางการจำหน่าย หรือปตท.ที่มีการแข่งขันด้านราคา โดยเอลฟ์คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะสามารถทำยอดขายเติบโตประมาณ 20% หรือคิดเป็นจำนวนน้ำมัน 2 ล้านลิตร

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/

"เปโดรซา" ซิวโมโตฯ "รอสซี" ที่ 4 เยอรมันจีพี

ดานี เปโดรซา ยอดนักบิดชาวสเปนบดเอาชนะ ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมชาติเข้าเส้นชัยเป็นคันแรกคว้าแชมป์จักรยานยนตร์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 8 รุ่นโมโต จีพี มาครองศึกเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ "เดอะ ด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี สร้างความฮือฮาเข้ามาในอันดับ 4

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 8 ของฤดูกาล 2010 รายการเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามแซสเซนริง เซอร์กิต ประเทศเยอรมนี ระยะทางต่อรอบ 3.671 กิโลเมตร ในรุ่นโมโต จีพี เมื่อค่ำวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2553 น่าตื่นเต้นไม่น้อยสำหรับการขับเคี่ยวกันแย่งชัยกันระหว่าง ฮอร์เก ลอเรนโซ แห่งทีมเฟียต-ยามาฮา ออกตัวในตำแหน่งโพลโพซิชัน, เคซีย์ สโตเนอร์ และ ดานี เปรโดซา ขณะที่ วาเลนติโน รอสซี สร้างความฮือหากลับมาบิดได้อีกครั้ง นับจากขาหักไปเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว ออกสตาร์ทในอันดับที่ 5

โดยตลอดการบิดทั้ง 30 รอบ กลุ่มผู้นำไล่บดไล่บี้เบียดแซงกันอย่างสนุก ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น เปโดรซา ยอดนักบิดชาวสเปนของทีมเรปโซล-ฮอนดา ซิ่งผ่านธงตราหมากรุกได้เป็นคันแรก ด้วยเวลา 28 นาที 50.476 วินาที ส่วน ลอเรนโซ น่าเสียดายได้เพียงอันดับ 2 เวลาตามหลังแชมป์สนามที่ 8 อยู่ 3.355 วินาที ด้าน เคซีย์ สโตเนอร์ ชาวออสเตรเลียนของทีมดูคาติ เข้าป้ายอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 5.257 วินาที ส่วน วาเลนติโน รอสซี สตาร์ชาวอิตาเลียนของเฟียต-ยามาฮา ยอดเยี่ยมแซง อังเดร โดวิซิโอโซ ขึ้นมาคว้าอันดับ 4 ตาม เปโดรซา 5.623 วินาที ขณะที่เพื่อนร่วมชาติ (สตาร์ทกริด 4) หล่นไปได้ที่ 5 แทน

จากชัยชนะสนามนี้ส่งผลให้ เปโดรซา เก็บเพิ่มได้อีก 25 คะแนน รวมเป็น 138 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของตารางรวมนักขับ ยังตามหลัง ลอเรนโซ ห่างอยู่ 47 แต้ม โดยอันดับ 3 เป็นของ โดวิซิโอโซ ที่ 102 คะแนน ตามมาด้วย สโตเนอร์ 83 คะแนน นิคกี เฮย์เดน หนุ่มหล่อชาวอเมริกันรั้งที่ 5 มี 78 คะแนน ด้านของ รอสซี อยู่ที่ 6 สะสมไปแล้ว 74 แต้มด้วยกัน

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"ฟีม" ยังไร้แต้ม "อีเลียส" แชมป์แซสเซนริง

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหน้าตี๋สังกัด ไทยฮอนดาพีทีทีสิงห์แซค แห่งศึก โมโตทู ชิงแชมป์โลก ยังไม่สามารถล้างอาถรรพ์สนาม แซสเซนริง ประเทศเยอรมนี ไร้แต้มติดมือเมื่อจบด้วยอันดับ 17 ส่วนแชมป์ตกเป็นของ โทนี อีเลียส บิดสแปนิช จาก เกรซินี เรซซิง ในการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนาม 8 ฤดูกาล 2010 "เยอรมัน กรังด์ปรีซ์" ที่ แซสเซนริง เซอร์กิต ทั้งหมด 29 รอบระยะทางต่อรอบ 3.671 กิโลเมตร รุ่นโมโตทู อังเดร เอียนโนเน นักบิดอิตาเลี่ยนจากค่ายสปีดอัพ คว้าโพลโพซิชัน ส่วน รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนดาพีทีทีสิงห์แซคจากประเทศไทย อันดับ 18

ปรากฎว่า 2 นักขับจาก สปีด อัพ ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นนำวัน-ทู กาบอร์ ทาลมัคซี กับ เอียนโนเน อย่างไรก็ตามเป็นฝ่ายหลังที่ทำได้ดีกว่า เพราะผ่านไปเพียงแค่ 3 รอบก็แซงขึ้นเป็นผู้นำ แต่ทว่ามีคนที่ยอดเยี่ยมกว่าคือ โทนี อีเลียส จาก เกรซินี เรซซิง ออกตัวจากอันดับ 3 แซงขึ้นนำก่อนจะเข้าป้ายด้วยเวลา 41 นาที 57.745 วินาที อันดับ 2 เอียนโนเน ตามหลัง 3.297 วินาทีและอันดับ 3 โรแบร์โต โรลโฟ จากค่ายซูเตอร์ ตามหลัง 6.574 วินาที

ส่วน "ฟีม" รัฐภาคย์ นักขับหนึ่งเดียวของไทย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาบนสนาม แซสเซนริง ไม่เคยมีแต้มกลับออกไป ออกสตาร์ทอันดับ 18 ก่อนจะรูดลงมาอยู่ที่ 22 อย่างไรก็ตามสามารถไต่อันดับจนจบด้วยที่ 17 ทำเวลาตามหลังแชมป์ 29.007 วินาที มี 25 แต้มเท่าเดิมตกมาอยู่อันดับ 15 ส่วนผู้นำ อีเลียส มี 136 แต้ม

อนึ่ง หลังจากแข่งขันที่เยอรมันเสร็จแล้ว รัฐภาคย์ จะเดินทางกลับถึงเมืองไทยในวันอังคารที่ 20 ก.ค.นี้ พร้อมกันนี้จะมีเวลาพักผ่อนในบ้านเกิด ก่อนการแข่งขันในสนามต่อไป สนามที่ 9 รายการ เช็กกรังด์ปรีซ์ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 15 ส.ค.53 ณ สนามเบอร์โน สาธารณรัฐเชก

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ฟุตบอลโลก กับ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เส้นทางยามาฮ่า เบียดตลาดสองล้อ

การแข่งขันฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2010 สิ้นสุดการรอคอยไปแล้วเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง สิ่งที่ยังเหลือให้ลุ้นกันต่อไปก็คงจะเป็นผลการจับฉลากผู้ร่วมทายผล ซึ่งมีเงินรางวัลก้อนโต จากหลายสำนักด้วยกัน

ยามาฮ่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีส่วนร่วมกับรางวัลชิ้นใหญ่ โดยร่วมกับพันธมิตรมอบรางวัลเงินสด 30 ล้านบาท และรางวัลรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่, มีโอ 125 และ สปาร์ค นาโน อีก 30 คัน

นอกจากนั้นแล้ว ยามาฮ่ายังถือว่าเป็นองค์กรที่มีบทบาทหลักกับการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้อย่างมาก ทั้งการเป็นผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสดครบทุกนัด การจัด "ยามาฮ่า ฟุตบอล ปาร์ค" ที่สนามศุภชลาศัย การจัด "ยามาฮ่า ฟุตบอล เฟสติวัล" 8 จังหวัด นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกหลายรายการ เช่น การดึงนักเตะทีมเมืองทองหนองจอก ยูไนเต็ด มาเป็นพรีเซ็นเตอร์งานโฆษณา มีโอ 125 รวมถึงกิจกรรมคัดเลือกลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย สื่อมวลชน ไปชมการแข่งขันที่แอฟริกาใต้

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ บอกว่าผลการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า คนไทยประมาณ 44 ล้านคน ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ที่มีการถ่ายรวม 64 แมทช์ มีโฆษณาวันละ 21 สปอต ดังนั้น การเป็นสปอนเซอร์ร่วมในการถ่ายทอดสดจะช่วยสร้างการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ดีขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้ปีนี้ยามาฮ่า ควักเงินรวม 100 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลก
จินตนาบอกว่า ไม่เพียงแต่ฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่ในช่วงที่ผ่านมายามาฮ่าหันมาให้ความสำคัญกับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น โดยปีนี้ใช้งบประมาณรวม 150 ล้านบาท จากงบการตลาดรวม 1,000 ล้านบาท

ความเคลื่อนไหวของยามาฮ่าในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่งโดยเฉพาะการสามารถเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ล่าสุด คือ 28% ซึ่งนอกจากการมีสินค้าที่ตรงกับความต้องการแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือ การประสบความสำเร็จจากการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมด้านดนตรี หรือ มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ที่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

"แนวทางของเราก็คือ จะจัดอะไรก็ได้ที่เห็นว่ามีอิมแพคท์กับกลุ่มลูกค้า มิวสิค ยามาฮ่าก็ยังจัดอยู่ แต่การเข้าสู่สปอร์ต เพราะเราต้องการสร้างความแตกต่าง ฉีกรูปแบบการตลาดที่เริ่มมีคนหันมาทำเหมือนกันเยอะขึ้น"

จินตนา บอกว่า ทั้งนี้การให้ความสำคัญกับสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเกิดจากการสำรวจความต้องการของลูกค้า และพบว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่ชื่นชอบมากที่สุด ดังนั้นที่ผ่านมาจึงได้เห็นยามาฮ่าเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เช่น การเป็นผู้สนับสนุนทีมเมืองทองหนองจอกมาแล้ว 3 ปี การสนับสนุนการถ่ายทอดพรีเมียร์ ลีก การจัดแข่งขันฟุตบอลกิจกรรมปลีกย่อยอย่างการชวนลูกค้าชมฟุตบอลตามร้านอาหาร

"กิจกรรมนี้เป็นกลุ่มย่อยๆ ไม่ต้องการคนมาก แค่ 200-300 คนต่อครั้ง ก็พอ แต่ให้ผลตอบรับที่ดี ทั้งนี้กิจกรรมด้านกีฬาของเราจะแตกต่างกันไปแล้วแต่รุ่นรถ และกลุ่มลูกค้า"

และในเร็วๆ นี้ ยามาฮ่า ก็เตรียมจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน ยามาฮ่า อาเซียน คัพ ยู 13 อีกด้วย

ผู้บริหารยามาฮ่า บอกว่าผลที่ได้จากกิจกรรมด้านกีฬาเห็นผลชัดเจน เช่น ล่าสุด มีโอ 125 สามารถทำสถิติการขายได้สูงสุดช่วงเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ ยามาฮ่า ก็รุกตลาดมีโอ 125 อีกครั้ง ด้วยกีฬาแข่งรถ นั่นคือการส่งรุ่น โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น ที่ผลิตออกมา 3,000 คัน เจาะตลาดผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถ และ วาเลนติโน่ รอสโซ่ นักแข่งโมโตจีพี ดีกรีแชมป์โลกหลายสมัย สังกัดทีมยามาฮ่า

ทั้งนี้ สำหรับกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้งของยามาฮ่านั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสนับสนุนด้านงบประมาณเท่านั้น แต่ที่ผ่านมามีหลายๆ กิจกรรมที่ลงลึกไปมากกว่านั้น เช่น โครงการ "ยามาฮ่า ฟุตบอล คลินิก" ที่เปิดคอร์สสอนให้เยาวชน และลูกค้า และบุคคลทั่วไป

จินตนา เคยบอกไว้ว่า การทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งเป็นแผนการระยะยาวที่เรากำหนดไว้ ซึ่งไลฟ์สไตล์ของเยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาเล่นกีฬา ยามาฮ่าจะเดินนโยบายในด้านนี้ และการลงไปถึงระดับชุมชนเป็นการทำซีเอสอาร์อย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้เด็กๆ ในท้องถิ่นได้มีโอกาสเล่นฟุตบอลในระดับที่พัฒนาขึ้น อนาคตเราวางเป้าหมายทำฟุตบอล คลินิก ทุกจังหวัด

แต่สิ่งหนึ่งผู้บริหารไม่ได้บอก ก็คือ การรับรู้ ความสนใจ และความภักดีต่อสินค้า ก็จะเกิดขึ้นได้จากกิจกรรมเหล่านี้เช่นกัน

เพิ่มเติม http://www.bangkokbiznews.com

ทึ่ง! "รอสซี" ผ่านฟิตซิ่งอาทิตย์นี้

วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกรถจักรยานยนต์ทางเรียบ 9 สมัย สร้างความตกตะลึงให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ต หลังใช้เวลาเพียง 6 สัปดาห์สามารถฟื้นร่างกายจากอาการขาหักกลับมาลงบิดได้ในศึกเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ วันอาทิตย์นี้
ยอดนักบิดจากค่ายเฟียต-ยามาฮา ประสบอุบัติเหตุขาหักในรอบฝึกซ้อมของศึกอิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนต้องเข้ารับการผ่าตัดและคาดว่าต้องพักฟื้นนาน 6 เดือน ทว่า "เดอะ ด็อกเตอร์" สามารถเรียกความฟิตกลับมาได้รวดเร็วเหลือเชื่อ และได้นำรถซูเปอร์ไบค์ ของยามาฮ่า ลงฝึกซ้อมที่สนามมิซาโน ประเทศอิตาลีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้นักซิ่งชาวอิตาลีที่พักฟื้นร่างกายมา 6 สัปดาห์จะเลื่อนการประกาศคัมแบ็กจากวันที่ 14 กรกฎาคมออกไป 1 วัน ทว่าล่าสุด เฟียต-ยามาฮา ต้นสังกัดก็ออกมาแถลงถึงความพร้อมของ รอสซี ว่า “เป็นที่แน่นอนแล้วว่า วาเลนติโน รอสซี สามารถลงแข่งรายการเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ ได้”

“เขาเข้ารับการตรวจกับ ดร.ฮูเบอร์ ฟิชเชอร์ หัวหน้าแพทย์ประจำการแข่งขันรายการนี้ ซึ่งผลการวินิจฉัยออกมาว่าสภาพร่างกายของเขาสมบูรณ์พอที่จะลงแข่งในสุดสัปดาห์นี้ได้”

อนึ่ง นักบิดวัย 31 ปี เคยตั้งเป้าที่จะกลับมาลงสนามอีกครั้งในศึกเช็ก จีพี วันที่ 15 ส.ค. แต่จากคำแถลงล่าสุดทำให้เจ้าตัวจะกลับมาลงแข่งขันเยอรมัน จีพี วันที่ 18 ก.ค.นี้ หลังพลาดลงแข่งมาทั้งสิ้น 4 เรซ หล่นไปอยู่อันดับที่ 7 มีแต้มตามหลัง ฆอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมชาวสเปนถึง 104 คะแนน ขณะที่เหลือการชิงชัยอีก 11 สนาม

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"2ล้อฮอนด้า"ฉลุย 5เดือนขาย5แสน "ออโต"มัดอยู่หมัด

"ฮอนด้า" ตอกย้ำความเป็นผู้นำ พร้อมทำตลาดรถ เอ.ที.ขึ้นเป็นที่ 1 กวาดสัดส่วนถึง 56% รถหัวฉีดสุดฟีเวอร์ต้อนรับเปิดเทอมใหม่ ชี้ชัดวัยรุ่นไทยนิยมใช้ โตพรวด 63%

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ว่า "ช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมามีปริมาณยอดสะสมทั้งสิ้น 750,607 คัน โตขึ้น 26.84% ส่วนฮอนด้าขายได้ 518,865 คัน คิดเป็น 69.12% ของตลาด"

"สะท้อนตัวเลขเชิงลึกที่ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที.ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นมาเป็นลำดับ คาดการณ์ว่ารถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที.จะสร้างความคึกคักและความตื่นตัวให้กับตลาดได้ต่อไป ซึ่งฮอนด้าสามารถกวาดแชร์เซ็กเมนต์ดังกล่าวได้สูงถึง 56% หรืออยู่ที่ 43,510 คัน"

ขณะที่ฮอนด้าในฐานะผู้นำตลาดตัวจริงได้นำเอากลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดมาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการผลักดันตลาดรถประเภท เอ.ที.ตลอดมาด้วยการเปิดเกม

รุกกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุก และเป็นการต้อนรับมหกรรมเกมกีฬายอด นิยมของมวลมนุษยชาติ การแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 โดยร่วมกับร้านผู้จำหน่ายรถ จักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศจัดแคมเปญ "เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้าสกู๊ปปี้ ไอ" พร้อมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรณรงค์ "เชียร์กีฬาอย่างสร้างสรรค์ ห่างไกลการพนันและยาเสพติด" แก่สังคมไทย จนได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าและประชาชนทั่วไปอย่างล้นหลาม เนื่องจากไม่ว่าจะ "ทายถูกหรือทายพลาด" ก็สามารถลุ้นรับโชคจากแคมเปญนี้ได้โดยไม่มีเงื่อนไข ใด ๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งยังเปิดให้ผู้สนใจมาขอรับคูปองทายผลได้ใหม่แบบไม่อั้น ซึ่งขณะนี้มีประชาชนที่มาขอรับคูปองทายผลลุ้นโชคกับสกู๊ปปี้ ไอ รวมกว่า 1 ล้านใบ

รายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนพฤษภาคม 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 149,696 คัน ฮอนด้า 100,266 คัน ส่วนแบ่งตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,826 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 27%, ซูซูกิ 5,412 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4% ที่เหลือเป็นยี่ห้ออื่น ๆ

เพิ่มเติม http://www.prachachat.net

สตาเลี่ยนส์รุกรีแบรนดิ้งใหม่

สตาเลี่ยนส์ รีแบรนดิ้ง เปลี่ยนผู้ถือหุ้น ปรับโครงสร้างใหม่ ตั้ง"เพาเวอร์ สตาเลี่ยนส์" ทำหน้าที่จัดจำหน่ายเพียงรายเดียวในไทย ส่งมอเตอร์ไซค์จิ๋ว ตระกูลมินิ สร้างความแปลกใหม่ เจาะลูกค้าอินเทรนด์

นายเจริญ ลาภล้นเหลือหลาย ประธานกรรมการ บริษัท พาวเวอร์ สตาเลี่ยนส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์สตาเลี่ยน เปิดเผยว่า หลังจากที่ผลักดันรถจักรยานยนต์แบรนด์ สตาเลี่ยน(Stallion) เข้าสู่ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ในนามบริษัท โปร ไบค์ จำกัด ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ โดยตั้ง บริษัท เดอะ สตาเลี่ยนส์ฯ โดยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตและพัฒนาสินค้า นอกจากนี้ ยังตั้ง บริษัท เพาเวอร์ สตาเลี่ยนส์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ เปลี่ยนแบรนด์ Stallion เป็น Stallions และเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ ประกอบด้วยนายเจริญ ลาภล้นเหลือหลาย นายเกรียงไกร ลาภจตุรพิธ และนายธงชัย ลาภจตุรพิธ พร้อมดึงผู้บริหารมืออาชีพมากประสบการณ์อย่าง นายสุเทพ คงคราญ และนายสุรชัย พิพัฒน์ศิริศักดิ์ มาร่วมบริหารงานด้วย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ที่ต้องการความปราดเปรียวและแข็งแกร่งเฉกเช่นม้าศึกที่คึกคะนองอยู่เสมอ พร้อมส่งโมเดลใหม่ Stallions Mini รถจักรยานยนต์ขนาดจิ๋ว เครื่องยนต์ ขนาด 50-125 ซีซี ราคา 35,500-39,500 บาท ออกมาจำหน่ายด้วย

"ความเป็นมาของสตาเลี่ยนเริ่มต้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยมีโปร ไบค์ คอยดูแลบริการอยู่ เราจึงอยากสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยจัดตั้งบริษัท เดอะสตาเลี่ยนส์ฯ และบริษัท เพาเวอร์ สตาเลี่ยนส์ฯ ขึ้นมาซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหม่ด้วย ในส่วนของโลโกได้มีการเปลี่ยนจากคำว่า "Stallions" จะมีตัว S เพิ่มขึ้นมา ส่วนตัวม้าใช้รูปม้าสีแดงคู่แทนรูปม้าตัวเดียว ซึ่งแสดงถึงการรวมพลังกัน นอกจากนี้เรายังได้ทีมบริหารมืออาชีพระดับอดีตผู้บริหารจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการ หลายๆ ท่านมาช่วยในส่วนงานบริหารต่างๆ ด้วย ทำให้รถจักรยานยนต์สตาเลี่ยน มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น"

นายเจริญ กล่าวต่อไปว่า แนวคิดการตลาดของสตาเลี่ยนส์ มีเป้าหมายให้เป็นแบรนด์ทางเลือกหนึ่งของเมืองไทย และเป็นตัวเลือกที่แตกต่าง ภายใต้สโลแกนว่า "More Than Motorcycle" หรือ "มากกว่าคำว่ามอเตอร์ไซค์" ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่ได้จากเราคือ ความแตกต่าง โดยบริษัทจะจัดกิจกรรมสำหรับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ทางบริษัทได้จัดพื้นที่พิเศษทั้งภายใน-ภายนอกโชว์รูมเพื่อให้สมาชิกได้พบปะ พูดคุย จัดกิจกรรม และเป็นที่นัดหมายของกลุ่มลูกค้าสตาเลี่ยนส์ โดยไม่คิดมูลค่า เพื่อสร้างสังคมชาวรถจักรยานยนต์มินิให้เหนียวแน่น และที่สำคัญในเรื่องการบริการหลังการขายที่แปลกใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาโดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาศูนย์บริการ เพียงใช้อินเตอร์เน็ตก็จะสามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้

"รถจักรยานยนต์ สตาเลี่ยนส์ มีทั้งหมด 3 ประเภท คือรถครอบครัว ซึ่งภายในปีนี้จะได้เห็นรถรุ่นใหม่หลากหลายสไตล์ที่เคยผ่านตาในงานมอเตอร์โชว์มาจำหน่าย อีกประเภทคือรถ SMEs หรือรถพ่วงข้างที่มาต่อยอดธุรกิจให้กับผู้ใช้ และสุดท้ายเป็นรถอินเทรนด์ซึ่งกำลังโปรโมตอยู่อย่างรถจักรยานยนต์สายพันธุ์ Mini ทั้ง 3 รุ่น คือ Mini MOMO ,Mini GIO และ Mini SOLO

โดยไม่คาดหวังกับยอดขายมากนัก เพราะต้องการโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะถือว่ารถประเภทนี้ยังเป็นกลุ่มเล็กๆ น่าจะเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้มากกว่า ยังไม่คิดที่จะแข่งกับใครนอกจากแข่งกับตัวเอง และมีเป้าหมายให้เป็นรถได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพได้มาตรฐาน มีบริการหลังการขายเป็นเยี่ยม และสามารถจัดกิจกรรมที่ดี อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รกจักรยานยนต์ในตระกูล Mini ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะรุ่น Mini GIO เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น และสีทูโทนที่ดูสวยงาม"

เพิ่มเติม http://www.thannews.co.th/

ตลาดรวม “มอ’ไซต์” พ.ค. ยอดขายแตะ 150,000 คัน

ตลาดรวมรถยจักรยานต์ เดือนพ.ค. ยอดขายพุ่ง 10.57 % มียอดจำหน่าย 149,676 คันเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา ฮอนด้าครองตลาดถึง 56%

ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2553 ฉลุย มีปริมาณยอดการจำหน่ายทั้งสิ้น 149, 676 คัน เติบโตขึ้น 10.57% หรือ 14,305 คัน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยรถประเภท เอ.ที. ฮอตฮิตสุดขั้ว ด้วยอัตราเติบโตสูงสุดถึง 52% สูงกว่ารถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวที่มีสัดส่วน 45% ส่งผลให้ฮอนด้าครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้เป็นอันดับ 1 ในทุกเซ็กเม้นท์ที่ฮอนด้ามีการวางจำหน่าย ขณะที่เทรนด์การขับขี่ใหม่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดฟีเว่อร์สุดๆ โกยสัดส่วนตลาดรวมสูงสุด 63% ชี้ชัดในความยอดนิยมของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ สะท้อนวัยรุ่นไทยนิยมใช้รถแบบหัวฉีดเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่ง ฮอนด้ายังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดตัวจริงด้านกลยุทธ์การตลาด โดยรวมกับดีลเลอร์ทั่วประเทศจัดแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ”สร้างความฮือฮาให้วงการ เนื่องจากมีผู้สนใจขอคูปองทายผลจากร้านผู้จำหน่ายในจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบ ทั้งที่ยังไม่หมดกำหนดรับคูปอง ถือว่าบรรลุผลสำเร็จเกินความคาดหมาย ในการใช้กลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ รวมทั้งได้ภาพลักษณ์และกระตุ้นยอดขายให้แก่รถหัวฉีด
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ว่า “ช่วงระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณยอดสะสมจดทะเบียนป้ายวงกลมของรถจักรยานยนต์ทั้งสิ้น 750,607 คัน เทียบเท่าอัตราการเติบโตของตลาดสูงถึง 26.84% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 591,755 คัน ซึ่งมีปริมาณการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 158,852 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้าขานรับสัญญาณการเติบโตของทิศทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่โดยมียอดจดทะเบียนรวมระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา 518,865 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดที่ 69.12%”

หากศึกษาในรายละเอียดจะพบว่า ภายใต้สัญญาณการเติบโตตลาดในภาพรวม สะท้อนตัวเลขเชิงลึกที่ชี้ให้เห็นถึงกระแสการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นมาเป็นลำดับ และครองสัดส่วนความนิยมสูงกว่ารถประเภทครอบครัว โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีอัตราครองตลาดสูงถึง 52% เหตุผลหนึ่งของการเติบโตนี้ เพราะเป็นผลจากการที่ทุกค่ายผู้ผลิตต่างแข่งขันและชิงความนิยมกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีการใช้กลยุทธ์ในการส่งเสริมการจำหน่าย ผลักดันแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้ามากขึ้น คาดการณ์ว่ารถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที. จะสร้างความคึกคักและความตื่นตัวให้กับตลาดได้ต่อไป ซึ่งฮอนด้าสามารถกวาดแชร์เซกเมนต์ดังกล่าว ได้สูงถึง 56 % หรืออยู่ที่ 43,510 คัน จากยอดจดทะเบียนประเภทรถ เอ.ที. รวมทั้งหมด 78,161 คัน รองลงมาเป็นยามาฮ่า 43 % และซูซูกิ 1 %

รายงานตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนพฤษภาคม 2553 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 149,696 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. 78,161 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% โดยขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 67,334 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 45% รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 1,706 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบออฟโรด 1,582 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% แบบสปอร์ตและประเภทอื่นๆ 893 คัน มีสัดส่วนตลาดกว่า 1%

หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 100,266 คัน เทียบ เท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,826 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,412 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,768 คัน , เจอาร์ดี 48 คัน, แพล็ตตินั่ม 68 คัน, ไทเกอร์ 139 คัน และอื่นๆ 1,149 คัน

เพิ่มเติม http://www.bangkokbiznews.com

"ฟีม" ลั่นล้างอาถรรพ์บิดเยอรมัน

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค แห่งศึกโมโตทู ชิงแชมป์โลก ประกาศขอลบฝันร้ายของตัวเองที่สนามแซสเซนริง ประเทศเยอรมนี ด้วยการทำผลงานติดแถวหน้าศึกเยอรมัน จีพี วันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค.นี้ หลังไม่เคยเก็บแต้มได้เลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

นักบิดหนึ่งเดียวของไทยไม่เคยเก็บแต้มติดมือได้เลยตลอด 3 ฤดูกาลที่ลงแข่งเวิลด์จีพีในรุ่น 250 ซีซีที่สนามแซสเซนริง ประเทศเยอรมนี ทว่าในการแข่งขันสุดสัปดาห์นี้ "เจ้าฟีม" ประกาศลั่นว่าจะต้องทำผลงานล้างอาถรรพ์ให้ได้ และตั้งเป้ากลับมาลุ้นยืนแป้นโพเดียมอีกครั้ง

โดยนักบิดวัย 22 ปี จากชลบุรี เผยก่อนนำรถ HB4 หมายเลข 14 ลงทำทดสอบสนามในวันศุกร์ที่ 16 ก.ค.นี้ว่า "เป็นความจริงที่ผมไม่เคยทำแต้มได้เลยจากการแข่งขันที่เยอรมัน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าแซสเซนริงเป็นแทร็กที่ยากเอาการ อย่างไรก็ดีชั่วโมงนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่ารถของเราน่าจะทำผลงานของเราแตกต่างออกไปจาก 3 ปีที่ผ่านมา"

พร้อมกันนี้ฟีมยังเผยถึงอาการบาดเจ็บเข่าที่พลาดล้มในการแข่งขันรายการคาตาลัน กรังด์ปรีซ์ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ตอนนี้อาการบาดเจ็บของผมกลับมาเกือบร้อยเปอร์เซนต์เต็ม และจะฟิตสมบูรณ์ในสุดสัปดาห์แข่งขันแน่นอน ซึ่งผมตั้งเป้าจะทำผลงานให้ที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"

สำหรับผลงานของฟีมในการแข่งขันที่สนามแซสเซนริง ในช่วง 3 ปีล่าสุด จบอันดับ 19 ในปี 2007 ไร้แต้มติดมือ จากนั้นในปี 2008 เข้าเส้นชัยที่ 16 พลาดเก็บแต้มไปอย่างหวุดหวิด และในปี 2009 พลาดล้มตั้งแต่โค้งแรก ไม่จบการแข่งขัน โดยศึกเยอรมัน จีพี 2010 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค.นี้

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"รอสซี" เชื่อมีลุ้นคัมแบ็กซิ่งวีกนี้

วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกจักรยานยนต์ทางเรียบ 9 สมัย ยังต้องรอผลการวินิจฉัยของแพทย์ในวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคมนี้ก่อนตัดสินใจว่าจะกลับมาลงแข่งขันในศึกเยอรมัน กรังด์ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ได้หรือไม่ หลังกระบวนการพักฟื้นจากอาการขาหักเป็นไปด้วยดี

ยอดนักบิดจากค่ายเฟียต-ยามาฮา ประสบอุบัติเหตุขาหักในรอบฝึกซ้อมของศึกอิตาเลียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนต้องเข้ารับการผ่าตัดและคาดว่าต้องพักฟื้นนาน 6 เดือน ทว่า "เดอะ ด็อกเตอร์" สามารถเรียกความฟิตกลับมาได้รวดเร็วเหลือเชื่อ และได้นำรถซูเปอร์ไบค์ ของยามาฮ่า ลงฝึกซ้อมที่สนามมิซาโน ประเทศอิตาลีเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่านักซิ่งชาวอิตาลีจะประกาศเรื่องการคืนสนามในวันพุธที่ 14 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม รอสซี ออกมาชี้แจงภายหลังพักฟื้นมา 6 สัปดาห์ว่าจะเลื่อนการตัดสินใจออกไปอีก 1 วัน “ผมตื่นเต้นมากที่ทีมแพทย์จะประเมินว่าผมสามารถกลับมาลงแข่งได้ ซึ่งวันพรุ่งนี้ผมจะไปเข้ารับการตรวจก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้าย”

อนึ่ง นักบิดวัย 31 ปี เคยตั้งเป้าที่จะกลับมาลงสนามให้ได้อีกครั้งในศึกเช็ก จีพี วันที่ 15 ส.ค.ทว่าจากอาการล่าสุดมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าตัวจะกลับมาลงแข่งขันเยอรมัน จีพี วันที่ 18 ก.ค.นี้ หลังพลาดลงแข่งมาทั้งสิ้น 4 เรซ หล่นไปอยู่อันดับที่ 7 มีแต้มตามหลัง ฆอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมชาวสเปนถึง 104 คะแนน ขณะที่เหลือการชิงชัยอีก 11 สนาม

เพิ่มเติม http://www.,manager.co.th

ทีมบอสเอลฟ์มั่น "แสน-บอล" บิดฉลุย

“กลุ่มสิทธิผล” โดยผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น “เอลฟ์” เปิดตัว “ELF SMART SPORT RACING TEAM” ผนึก 2 นักกีฬาแชมป์เปียนระดับประเทศ “แสน เชยศักดิ์” จ้าวความเร็วแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ต และ”ภราดร ศรีชาพันธุ์” อดีตนักเทนนิสมือวางอันดับ 9 ของโลกขวัญใจชาวไทย ท้าชิงชัยประลองความเร็วบนอานมอเตอร์ไซค์

นายพิภพ ยิ่งพัฒนา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น “เอลฟ์” (ELF) บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด บริษัทในเครือกลุ่มสิทธิผล ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยระหว่างงานแถลงข่าวเปิดตัวทีมแข่ง “ELF SMART SPORT RACING TEAM” ว่า วัตถุประสงค์หลักของการสนับสนุนตั้งทีมแข่งอย่างเป็นทางการ เพื่อพัฒนาวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ต พร้อมสร้างนักแข่งของไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล อีกทั้งเป็นการยืนยันสมรรถนะการหล่อลื่นเครื่องยนต์ของน้ำมันเครื่องเอลฟ์ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่พัฒนาขึ้นจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีแห่งความแรง

“บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด ร่วมกับบริษัท โททัลอยล์ (ประเทศไทย) จำกัด สนับสนุนจัดตั้งทีมแข่ง “ELF SMART SPORT RACING TEAM” อย่างเป็นทางการ โดยตลอดปี 2553 จะมีการแข่งขันรวม 7 สนาม และเชื่อมั่นว่า “ELF SMART SPORT RACING TEAM” คือ ทีมที่แข็งแกร่ง จะคว้าชัยชนะจากการลงสนามชิงแชมป์มาครองได้สำเร็จ” นายพิภพกล่าว

ด้านนายประทีป ปริสุทธิ์สุนทร ทีมบอส กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัท สมาร์ทสปอร์ต จำกัด ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลและบริหารทีม “ELF SMART SPORT RACING TEAM” เราเชื่อมั่นในศักยภาพ เพราะทีมของเราได้มีนักแข่งระดับท็อป ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสำคัญของวงการกีฬาทั้งรถแข่งและเทนนิส คือ “แสน เชยศักดิ์” และ “ภราดร ศรีชาพันธุ์” ประกอบกับการสนับสนุนจากกลุ่มสิทธิผล ผู้นำตลาดอะไหล่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย ได้นำผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “เอลฟ์” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เข้ามาให้การสนับสนุนหลัก เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนทีมสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน

ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน ได้แก่ รถ HONDA รุ่น CBR 1000RR ปี 2009 เครื่องยนต์ 999 ซีซี ให้แรงม้าสูงสุด 178 แรงม้า ที่ 12,500 รอบ/นาที ให้แรงบิด 112.0 NW 8500/นาที รวม 2 คัน หมายเลข 78 และหมายเลข 79

นายประทีป กล่าวต่อว่า หลักการสร้างและบริหารทีม สิ่งที่สำคัญ คือ ระเบียบกติกาและหน้าที่ ซึ่งนักแข่งระดับ “ซูเปอร์” ทั้งสองมีอยู่ในตัวของเขาอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้การบริหารทีมเดินเข้าสู่เป้าหมายได้อย่างมี ประสิทธิผลและพร้อมด้วยศักยภาพที่สูง

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันสนามต่อไป วันที่ 24- 25 กรกฎาคม 2553 ในรายการ PRO SERIES THAILAND CHAMPIONSHIP 2010 ณ สนามพีระเซอร์กิต พัทยา จังหวัดชลบุรี

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"บอล" ผันตัวซิ่งซูเปอร์ไบค์ตามรอย "จอร์แดน"

ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลกชาวไทย ประกาศผันตัวเองร่วมทีม "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" ลงแข่งขันจักรยานยนต์ซูเปอร์ไบค์แชมป์ประเทศไทย โดย "ซูเปอร์บอล" ยอมรับได้แรงบันดาลใจจาก ไมเคิล จอร์แดน ตำนานยัดห่วงเอ็นบีเอ

เมื่อช่วงบ่ายวันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553 ที่โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 "เอลฟ์" ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นจากฝรั่งเศส จับมือ บริษัทสิทธิผล 1919 เปิดตัว ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักหวดลูกสักหลาดวัย 31 ปี เข้าร่วมทีมซูเปอร์ไบค์ "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" เพื่อลงชิงชัยจ้าวความเร็วแข่ง 2 รายการใหญ่ในประเทศไทยอย่าง โปรซีรีส์ และ อาร์ทูเอ็ม ไทยแลนด์ แชมเปียนชิป อย่างเป็นทางการโดยใช้รถฮอนด้า CBR 1000 RR ปี 2009 เครื่องยนต์ 999 ซีซี พร้อมใส่เบอร์ 79 ลงบิดร่วมกับ แสน เชยศักดิ์ เพื่อนร่วมทีม

ภายหลัง ภราดร ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ว่า "ส่วนตัวแล้วผมเป็นคนชอบขับมอเตอร์ไซค์ ไม่ชอบขับรถยนต์ และยังร่วมแข่งขันซูเปอร์ไบค์มาร่วม 3 ปี เพียงแต่ไม่ได้ใช้ชื่อ ภราดร ใช้เป็นนิกเนมว่า โดมินิก ซึ่งคนในวงการก็รู้จักกันดี โดยกีฬาความเร็วถือเป็นกีฬาที่รักรองลงมาจากเทนนิสก็ว่าได้ หลังจากเลิกเล่นเทนนิสผมก็หันมาร่วมทีมเอลฟ์ฯ คิดว่านี่เป็นอาชีพได้เลย เป็นเสมือนการขยายงาน มีเรื่องของธุรกิจ สปอนเซอร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทางครอบครัวและภรรยาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะผมมีเหตุผลให้พวกเขาเพียงพอในการผันตัวเองมาสู่ตรงนี้ อีกทั้งการแข่งขันมีความปลอดภัยเนื่องจากขับกันในสนามแข่ง"

สำหรับประเด็นที่ว่าอาจถูกแฟนเทนนิสจำนวนหนึ่งวิพากย์วิจารณ์นั้น ภราดร ชี้แจงว่า "กระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ผมหันมาแข่งรถ แทนที่จะกลับไปเอาดีทางเทนนิส เรื่องนี้ผมเข้าใจแฟนๆ เป็นอย่างดี แต่ก็บอกได้เลยว่าการมาแข่งซูเปอร์ไบท์ไม่ใช่เพื่อความเท่ห์ ผมเชื่อว่าตัวเองสามารถเอาดีทางนี้ได้จริงๆ เป้าหมายในอนาคตก็อยากก้าวขึ้นไปเป็นเจ้าของทีม มีแนวทางเหมือน ไมเคิล จอร์แดน (จอร์แดน มีทีมจอร์แดน ซูซูกิ ซูเปอร์ไบค์)"

"เป้าหมายในปีนี้ ผมก็หวังติดหนึ่งใน 3 ของประเทศไทย สนามแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อันที่จริงผมมีคะแนนนำ แต่พลาดล้ม อย่างไรก็ดี ด้วยความเป็น ภราดร มีแบรนด์เป็นของตัวเอง แน่นอนว่าต้องมีคนรู้จัก อีกทั้งฝีมือก็ไม่ได้เป็นรองใคร จึงเชื่อว่าสามารถสู้ได้แน่ ถ้าจะให้เทียบสไตล์ของผม ก็คิดว่าตัวเองบู๊ล้างผลาญ เทียบกับระดับโลกคล้ายๆ กับ นิคกี เฮย์เดน (ยอดนักขับในโมโต จีพี)" เจ้าบอลทิ้งท้าย

สำหรับสนามต่อไปของซูเปอร์ไบค์มีขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2553 ในรายการ โปรซีรีส์ ไทยแลนด์ แชมเปียนชิป สนามที่ 2 ที่พีระเซอร์กิต พัทยา จังหวัดชลบุรี

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ซื้อ Yamaha big bike Model year 2009 วันนี้! รับข้อเสนอสุดคุ้ม


ยามาฮ่ารุกตลาดไตรมาส 3 ส่งยามาฮ่ามีโอ 125 “โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น” หวังเจาะกลุ่มผู้บริโภคแฟนพันธุ์แท้ รอสซี่ ฉีกแนววงการรถจักรยานยนต์ จำนวนจำกัดเพีย

ยามาฮ่าฉลองยอดขายไตรมาสที่สองส่งทีเด็ด มีโอ 125 โมโต จีพี รอสซี่ อิดิชั่น สปิริต ระดับแชมป์โลกด้วยสไตล์ลิ่ง แบบแรง YZR-M1 คู่ใจแชมป์โลกพร้อมมอบเอกสิทธิ์พิเศษบัตรมีโอ พรีเมี่ยม หมวกนิรภัยดีไซน์ Sport Racing ระดับโลกจำกัดเพียงจำนวน 3000 คัน

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองยอดขายรถออโตเมติกและการฉลองยอดการเติบโตของแบรนด์ยามาฮ่าในตลาดเมืองไทยที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม ยามาฮ่าจึงได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด “มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น” (Mio125 MotoGP Rossi Edition) เพื่อบ่งบอกความมีสปิริตระดับแชมป์โลก ซึ่งเป็นการนำกลยุทธ์การตลาดแบบลิมิเต็ด อิดิชั่น ออกมาทำตลาดแบบจำกัดจำนวน ด้วยสไตล์ลิ่งตามแบบ YZR-M1 คู่ใจแชมป์โลก พร้อมส่งกลยุทธ์การตลาดในการส่งเสริมการขายด้วยคอลเลคชั่นที่มาคู่กับมีโอ 125 ระดับ พรีเมี่ยม ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะสำหรับผู้ครอบครองมีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น เท่านั้น
”การพัฒนา มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น เป็นการเจาะตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกที่ต้องการสะสมจักรยานยนต์พิเศษที่มีเอกลักษณ์ ยามาฮ่าทำการผลิตมีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น จำนวนจำกัดเพียง 3,000 คันทั่วประเทศเท่านั้น” นายประพันธ์กล่าว

นอกจากนี้ยามาฮ่าได้เตรียมแผนส่งเสริมการขาย ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ซื้อรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น โดยมอบเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะ Mio125 MotoGP Rossi Edition เท่านั้น ประกอบไปด้วย ชุดพรีเมี่ยม MotoGP Rossi Edition พิเศษสำหรับ ผู้เป็นเจ้าของบัตร MIO premium card member จำกัดเฉพาะเจ้าของในแต่ละคัน พวงกุญแจ Mio125 MotoGP Rossi Edition เอกลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจหมวกกันน็อค Mio125 MotoGP Rossi EdAition ดีไซน์ Sport Racing ระดับโลก
มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น ได้แนวคิดการผลิตมาจาก YZR-M1 ซึ่งเป็นรถต้นแบบคู่ใจนักแข่งระดับแชมป์โลกโมโตจีพี "วาเลนติโน่ รอสซี่" ซึ่งยามาฮ่า เรซซิ่ง ใช้เป็นรถแข่งขันตลอดฤดูกาล 2009 โดย YZR-M1 ได้รับการออกแบบเครื่องยนต์ขนาด 800 ซีซี ให้มีความแรงและมอบให้ “เดอะ ด็อกเตอร์” วาเลนติโน รอสซี่ และ ฮอร์เก ลอเรนโซ่ ลงบิดในฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมาส่งผลให้วาเลนติโน รอสซี่ กลายเป็นยอดนักบิดแชมป์โลกโมโตจีพี 2009
สำหรับเบอร์ 46 ที่ใช้เป็นอีกหนึ่งโลโก้ของ มีโอ 125 “โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น” นั้นเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของรอสซี่ ที่ใช้แข่งต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน แม้ในฤดูกาลแข่งล่าสุดเขายังคงใช้หมายเลขเดิมในการลงแข่ง YZR-M1 ถือเป็นยอดรถแข่งของทีม เฟียต ยามาฮ่า ที่โดดเด่น DNA แชมป์โลกที่เหนือกว่าทุกดีไซน์

จากสปิริตเต็มตัวด้วยศักดิ์ศรีแชมป์โลกโมโตจีพี 9 สมัยที่ใครต่อใครต้องมองมีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่นใช้หมายเลข 46 คือเลขประจำตัว วาเลนติโน่ รอสซี่ ที่คนทั้งโลกรู้กันพร้อมสติกเกอร์ THE DOCTOR คือ ฉายานักขี่อัจฉริยะที่ไม่มีใครเหมือน พร้อมลายเซ็นต์ วาเลนติโน่ รอสซี่ บ่งบอกความเป็นตัวตนแห่งแชมป์โลก 9 สมัย หมายเลขเฉพาะของแต่ละคัน เอกสิทธิ์ของยนตกรรมหนึ่งเดียวในโลก กราฟิกลาย เฟียต - ยามาฮ่า จักรกลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโมโตจีพีโช้คหน้าสไตล์ SUPER BIKE ถอดรหัส SPORT RACING เต็มตัว

มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น ได้มีการพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล ลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า และสมรรถนะที่เร้าใจ เน้นเอกลักษณ์ดีไซน์เฉพาะตัว แรงเร้าใจกว่า ด้วยเครื่องยนต์ออโตเมติก CVT พลัง 125 ซีซี สมบูรณ์กว่าด้วย ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ คงสมรรถนะทุกความเร็ว กระบอกสูบไดอะซิลลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า ด้วยคุณสมบัติที่มีน้ำหนักเบา แข็งแกร่ง ทนทาน ระบายความร้อนดีเยี่ยม เครื่องยนต์กำลังสูง ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ

มีโอ 125 โมโตจีพี รอสซี่ อิดิชั่น ยังคงเอกลักษณ์ ไฟหน้าใหม่ 2 ดวงคู่ ดีไซน์โมเดิร์นสว่างชัด พร้อมไฟหรี่แยกส่วน BLUE LENS ระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น SUPER KEY SHUTTER ปิดล็อกรูกุญแจด้วยปุ่มอัตโนมัติ พร้อมเปิดใต้เบาะจากช่องสตาร์ต ช่วยรักษาสภาพแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับ EU3 ช่วยลดมลพิษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เพิ่มเติม http://www.thaipr.net

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ยามาฮ่าจับมือสนุกดอทคอม เกาะติดกระแสฟุตบอลระดับโลกเขย่าโลกออนไลน์

บริษัทไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สนับสนุนกิจกรรม สนุก ! ฟุตบอล ฟีเวอร์ 2010 เอาใจคอบอลโลกไซเบอร์ ผ่านทางเว็บไซต์สนุก! ดอทคอม กับกิจกรรมมากมาย ลุ้นของรางวัลนับล้านบาท โดยมีการประชาสัมพันธ์ Road Show ไปตามสถานที่ต่างๆอาทิสุขุมวิท สีลม ทองหล่อ RCA และตรอกข้าวสาร ปลุกกระแสฟุตบอลโลกและกิจกรรมครั้งนี้

สนุก ! ฟุตบอล ฟีเวอร์ 2010 ได้เกาะติดความเคลื่อนไหวฟุตบอลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นอัพเดทข่าวสารฟุตบอลโลก 2010 จากสำนักข่าวระดับโลก พร้อมยกทัพ ทีม IJ Football Guru วิเคราะห์แบบเจาะลึก มันส์ซ่า ไม่ซ้ำใครทุกแมตช์การแข่งขันวันต่อวันโดยกูรูชื่อดัง คุณมาร์ค สุรเดช สันติ เลิศประภพ เพื่อเอาใจแฟนคลับคอบอล 32 ทีมดังของโลก และยังสนุกกับคลิปหมอดูฟันธง แมตช์ ต่อ แมตช์ นอกจากนี้ยังได้ร่วมลุ้นกับกิจกรรมทายผลฟุตบอล “ สนุกทุกแมตช์ แจกทุกวัน” เพื่อลุ้นรับรางวัลใหญ่รถจักรยานยนต์ YAMAHA FINO โทรศัพท์มือถือโนเกีย พร้อมด้วยรางวัลอื่นๆ อีกมากมายจากโซนี่บราเวีย บางกอก แอร์เวย์ส ของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท

พิเศษสุดสำหรับลูกค้ายามาฮ่าทุกท่าน สามารถร่วมสนุกลุ้นโชคไปกับเกมส์ออนไลน์ “Yamaha Star Kicker Game with Sanook.com” ให้แฟนบอลชาวไทยได้ร่วมสนุก ค้นหาสุดยอดเจ้าแห่งการดวลจุดโทษ โดยร่วมมือกับเว็ปไซต์ sanook.com มีรางวัลใหญ่เป็นรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า มีโอ 125 จำนวน 1 รางวัล พร้อมของรางวัลอีกมากมาย ร่วมสนุกและสัมผัสบรรยากาศฟุตบอลโลกออนไลน์ ได้ที่ www.sanook.com/football2010

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/

"ฟีม" ลั่นบู๊เต็มสูบบิดคาตาลัน

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค แห่งศึกเวิลด์ จีพี ตั้งเป้าทำผลงานดีต่อเนื่องในศึกคาตาลัน กรังด์ปรีซ์ สุดสัปดาห์นี้ หลังคว้าที่ 4 ได้ในเรซล่าสุด เจ้าตัวลั่นขอบู๊เต็มที่ แม้จะต้องลุ้นการจับสลากเครื่องยนต์ใหม่ตามกติการุ่นโมโตทู

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2010 เดินทางมาถึงสนามที่ 7 รายการคาตาลัน กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามคาตาลุนญา เซอร์กิต ประเทศสเปน ในวันอาทิตย์ที่ 4 ก.ค.นี่ โดย "เจ้าฟีม" นักบิดหนึ่งเดียวของไทยมีคิวลงสนามอีกครั้งในรุ่นโมโตทู หลังเข้าโชว์ฟอร์เยี่ยมเข้าเส้นชัยอันดับ 4 ในศึกดัตช์ ทีที เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยนักบิดหน้าตี๋เผยก่อนนำรถ HB4 หมายเลข 14 ลงจับเวลาในรอบฝึกซ้อมวันศุกร์ว่า "แม้จะเป็นสนามที่อยู่ใกล้กับทีมบ้านพักของผม แต่คาตาลุนญานับเป็นแทร็กที่หนักหนาเอาการ เพราะหากไล่ดูรายชื่อนักบิดในรุ่นนี้ส่วนใหญ่มาจากสเปน พวกเขาจำเป็นต้องทำผลงานให้ดีต่อหน้าแฟนๆ แต่ผมจะขอใส่สุดชีวิต เพื่อชิงพื้นที่หัวแถว และลุ้นขึ้นโพเดียมให้ได้"

พร้อมกันนี้ฟีมยังพูดถึงความพร้อมของรถคู่ใจว่า "หลังจากที่รถได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ ประกอบกับการที่ผมได้รับคำแนะนำจากทีมสตาฟของบิโมตา ทำให้การทำเวลาต่อรอบดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และทีมงานทุกคนก็ใจจดจ่ออยู่กับการแข่งขันที่คาตาลุนญาในสุดสัปดาห์นี้"

อย่างไรก็ดีฟีมและนักบิดในรุ่นโมโตทูอีก 39 คน จำต้องลุ้นการจับสลากเครื่องยนต์ก่อนนำรถลงจับเวลา หลังกติการะบุให้ทุกทีมคืนเครื่องยนต์ฮอนด้า 600 ซีซี ให้กับฝ่ายจัดการแข่งขันทุกๆ 3 เรซ ก่อนที่ค่ายฮอนด้าจะนำปรับปรุง และนำกลับมาใช้แข่งขันใหม่ตลอดฤดูกาล

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

แนะ "ฟีม" เติมลูกเก๋ายึดโพเดียม

อารักษ์ พรประภา บิ๊กบอสบริษัทเอพี ฮอนด้า ออกโรงแนะรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค เพิ่มความเก๋าบนแทร็กให้มากขึ้น พร้อมเชื่อมั่นว่า "เจ้าฟีม" จะสามารถนำธงชาติไทยไปโบกสะบัดบนโพเดียมศึกโมโตทูได้ในฤดูกาลนี้อย่างแน่นอน

นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทูเกือบจะสร้างประวัติศาสตร์ยืนแป้นโพเดียมได้สำเร็จ หลังเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 4 ในการเรซล่าสุดที่ประเทศฮอลแลนด์ ด้วยการพ่ายโธมัส ลูติ ที่เข้าป้ายอันดับ 3 เพียงเสี้ยววินาที

ซึ่งก่อนที่เวิลด์ จีพี สนามที่ 7 ของฤดูกาล 2010 จะแข่งขันกันในสุดสัปดาห์นี้ที่ประเทศสเปน ในรายการคาตาลัน กรังด์ปรีซ์ นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอพี ฮอนด้า จำกัด ในฐานะต้นสังกัดของฟีมออกมาแสดงความเชื่อมั่นว่านักบิดวัย 22 ปีจะทำผลงานได้ดีต่อเนื่องในเรซนี้
"จากผลงานในสนามล่าสุดฟีมแสดงให้เห็นแล้วว่ามีฝีมือจนขึ้นไปติดกลุ่มหัวแถวได้ รวมถึงรถ HB4 ก็ได้รับการพัฒนาได้ดีอย่างต่อเนื่อง ผมเชื่อว่าหากฟีมเติมลูกเก๋าให้ตัวเองอีกนิด โดยเฉพาะจังหวะสำคัญสำคัญๆบนแทร็ก เขาจะนำธงชาติไทยไปโบกสะบัดบนโพเดียมได้แน่นอน" อารักษ์เผยผ่าน MGR SPORT

ด้านหนุ่มฟีมที่เตรียมลงแข่งขันรายการคาตาลัน จีพี ซึ่งเป็นสนามถิ่นของทีมสต็อปแอนด์โก(แซค) เผยว่า "ที่ผ่านมา ผมจะเป็นผู้ไล่ตามเสมอ มาคราวนี้จึงขอเอาบทเรียนครั้งนี้ไปปรับปรุงแก้ไข และเชื่อว่าหากทุกอย่างลงตัวตั้งแต่รอบซ้อม ผลงานจะไม่ด้อยกว่าที่ฮอลแลนด์แน่นอน"

สำหรับศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ ตาตาลัน กรังด์ปรีซ์ รอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นที่สนามคาตาลุนญา เซอร์กิต ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ โดนรุ่นโมโตทูเริ่มแข่งขันเวลา 17.15 น.ตามเวลาประเทศไทย

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง