วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

2 ล้อระอุ ฮอนด้าปล่อย Wave 110 i AT



ฮอนด้า เพิ่มทางเลือกให้กับรถครอบครัว เปิดตัว “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที” ใช้เทคโนโลยีใหม่ระบบ ซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ชูประหยัดน้ำมัน ทนทาน ขับขี่ง่าย ไม่ต้องเข้าเกียร์ มั่นใจเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าจำหน่ายที่ 50,000 คันต่อปี พร้อมเปิดราคาช่วงแนะนำ44,900 บาท วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มีนาคม ศกนี้

เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถครอบครัวของฮอนด้าทั้งฮอนด้า ดรีมและฮอนด้า เวฟมียอดการจำหน่ายสะสมสูงถึง 10 ล้านคัน นับเป็นซีรี่ส์ยอดนิยมที่มียอดจำหน่ายสะสมที่สูงที่สุดในประวัติการจำหน่าย รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

ล่าสุดฮอนด้าจึงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปลายปี 2009 ที่ผ่านมา

“โดย พื้นฐานแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยี CV Matic ให้กับรถครอบครัวตระกูล Honda Wave110i นี้เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคที่ว่า จะดีแค่ไหนถ้าความทนทาน และการประหยัดน้ำมัน มาอยู่รวมกันกับความสะดวกสบายอย่างรถเอ.ที. จึงเป็นที่มาของ Honda Wave110i-AT รถครอบครัวเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ขับขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์ แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน และทนทาน ในแบบของฮอนด้าเวฟต้นตำรับเหมือนเดิม”

สำหรับ เทคโนโลยีระบบ ซีวีเมติก (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สำหรับรถครอบครัว คือ เทคโนโลยีใหม่ ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ ระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ตามสไตล์ที่คุณคุ้นเคยแบบรถครอบครัว ผสานกับชุดส่งกำลังที่เป็นระบบสายพาน V-Matic ในรถเอ.ที. ทำให้ขี่ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องเข้าเกียร์ และยังคงข้อดีในแบบรถครอบครัวไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบคลัทช์เปียกที่ให้ความทนทานมากขึ้น และระบบระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ที่สำคัญยังคงความประหยัดน้ำมันในแบบที่คนรักฮอนด้า เวฟ ทุกคนชื่นชอบ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที รถครอบครัวระบบเอ.ที คันใหม่ ยังมาพร้อมหัวใจสำคัญของการขับขี่ในยุคนี้ ด้วยเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI เครื่องยนต์ 110 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันมากถึง 53 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) พร้อมคุณประโยชน์ต่างๆ จากฮอนด้าหัวฉีดครบถ้วน ทั้งประหยัดน้ำมัน, ให้ไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 รองรับน้ำมัน E20, ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น, ใช้งานนานหายห่วงกับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือที่ 50,000 กิโลเมตร และรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยคุณภาพอะไหล่แท้กับช่างระดับมาตรฐานที่มีรองรับทั่วประเทศ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ใหม่ ระบบเอ.ที มากับกระจังหน้าดีไซน์ล้ำ รูปทรงตัว V ไฟบอกตำแหน่งทรงตาเหยี่ยว ผสมกลมกลืนกับไฟหน้าชุดเดียวกับไฟเลี้ยว อีกทั้งกล่องเก็บของใต้เบาะที่เก็บของได้ถึงใจ, แผ่นกันความร้อนท่อไอเสียแบบโครเมียม, วงล้อ 17 นิ้ว หน้ายางขนาดใหญ่ พร้อมดิสก์เบรกหน้า ลุยได้ทุกสภาพถนน พร้อมคันสตาร์ทเท้าด้านซ้าย และเบรกหลังที่ตำแหน่งเท้าขวาในรูปแบบการขับขี่ที่คุ้นเคย หน้าปัดเรือนไมล์สไตล์ใหม่, ช่องดักลมข้างรถแบบปีกนก และช่วงท้ายมีที่จับหลังสีสันเดียวกับตัวรถ

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยมีครบทั้ง ระบบกุญแจนิรภัยสองชั้น (Automatic Key Shutter) ที่ถูกออกแบบให้มีม่านปิดอัตโนมัติทันทีที่ดึงกุญแจออกเพื่อล็อคคอรถ, Brake Lock Knob ที่ล็อคเบรกขณะจอด, Side Stand Switch สวิตซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง พร้อมระบบสตาร์ทนิรภัย Safety Starter ขณะสตาร์ททุกครั้งต้องกำเบรกหรือเหยียบเบรกหรือล็อคเบรก ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ระบบเอ.ที. นี้ จะวางจำหน่ายควบคู่กับฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเกียร์ เพื่อเป็น 2 ทางเลือกใหม่จากฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทั้งนี้ ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ เอที ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีราคาแนะนำในช่วงเริ่มต้นที่ประมาณ 44,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 50,000 คันต่อปี โดยมี “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ และ “น้ำชา” ชีรณัฐ ยูสานนท์ เป็นพรีเซนเตอร์


เพิ่มเติม http://www.mocyc.com/news/view.php?category=1&idnews=328


วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พรีวิวBMWซูเปอร์ไบค์4รุ่นใหม่บุกมอเตอร์โชว์

ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว สินค้าหรูหรา เริ่มคึกคักอีกครั้งไม่เว้นสองล้อในฝัน BMW ข่าวดีสำหรับคอ บีเอ็มดับเบิลยู เมื่อผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ BMW เตรียมเปิดตัวรถ 4 รุ่นในบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน พ.ศ. 2553
ซึ่งมอเตอร์ไซค์ 4 รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย (1) BMW S 1000 RR ซึ่งเป็นซูเปอร์ไบค์คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู, (2) BMW F 800 R “The Naked Bike”, (3) BMW R 1200 GS และ GS Adventure และ (4) BMW R 1200 RT

S 1000 RR- พัฒนาขึ้นบนคอนเซ็ปต์มอเตอร์ไซค์แบบซูเปอร์ไบค์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบบนตัวถังเฟรมอะลูมิเนียม มุ่งเน้นที่เสถียรภาพการขับ ความปราดเปรียว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แข่ง S 1000 RR ได้รับการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ที่สามารถปรับเลือกโหมดการขับให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานได้ เช่น โหมด Rain สำหรับถนนเปียก โหมด Sport สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต โหมด Race สำหรับการแข่งขัน และ โหมด Slick สำหรับใช้ในสนามแข่งและใส่ยางแบบสลิค S 1000 RR ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 1,000 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบวาล์วพิเศษที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม 193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตร ที่ 9,750 รอบ และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 2.9 วินาที

BMW F 800 R - มอเตอร์ไซค์ สปอร์ตแบบ Naked Bike เน้นเรื่องปราดเปรียวว่องไว บังคับควมคุมง่าย F 800 R ได้สร้างชื่อในการแข่งขันการขับมอเตอร์ไซค์แบบผาดโผนโดยการเป็นรถคู่ใจของแชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย คริส ไฟเฟอร์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 2 สูบ 800 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 88 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 86 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตกำลังขับเคลื่อนในช่วงรอบที่กว้างโดยเฉพาะระหว่างรอบ 5,000-8,000 รอบ ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งน้ำหนักตัวถังเพียง 199 กิโลกรัม (รวมน้ำมัน) ทำให้มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความปราดเปรียวสูง

BMW R 1200 - มอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนท์ เอ็นดูโร่ (Enduro) เครื่องสูบนอนแบบบ๊อกเซอร์ 2 สูบ 1,170 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแบบ DOHC ใหม่ เพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ อีกทั้งยังเพิ่มรอบการทำงานสูงสุดเป็น 8,500 รอบ (จากเดิม 8,000 รอบ) ซึ่งทำให้มันมีสมรรถนะและอัตราเร่งที่ดี R 1200 GS มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.7 วินาทีและ 3.95 วินาที สำหรับ R 1200 GS Adventure

BMW R 1200 RT สุดยอดสองล้อทัวริ่ง เน้นการขับขี่ทางไกล ใช้เครื่องสูบนอนบ๊อกเซอร์แบบ 2 สูบ 1,170 ซีซี 16 วาล์ว DOHC ให้กำลัง 110 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ พร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล BMW R 1200 RT มาพร้อมกับช่วงล่างแบบ ESA II (Electronic Suspension Adjustment) ซึ่งสามารถปรับความนุ่มนวลให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการบรรทุกได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น วิทยุ ซีดี และ iPod ได้อีกด้วย



เพิ่มเติม http://www.komchadluek.net

Suzuki Ozark 250 K9 สปอร์ต ATV ตะกายคู่ วิ่งสู้ฟัด...สุดเร้าใจ!

แบบสี่ล้อตะกายฝุ่น เหนือชั้นในรูปแบบ เอทีวี สไตล์สปอร์ตที่ดุดัน และลงตัวกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะลุยโคลน ฝ่าหิมะ หรือซิ่งซ่าไปบนทุ่งหญ้าอันกว้างไกลออกแบบเพื่อคนหลายใจ!?Ozark 250 มีคุณสมบัติเด่นดังที่เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า มันคือการนำเอาจุดเด่นของรถ ATV ในประเภทจอมลุยกับ ATV สปอร์ตน้ำหนักเบาเข้าไว้ด้วยกันในรูปโฉมอันเร้าใจ ไม่เทอะทะแต่ก็ยังอิงไว้ซึ่งความบึกบึน รอบตัวถูกรายล้อมไว้ด้วย โครงเหล็กที่เปรียบเสมือนกันชน และตระแกรงบรรทุกสัมภาระสารพัดประ-โยชน์ โดยมีชุดไฟหน้าทรงสปอร์ตและกระจังหน้าขนาดเล็กซ่อนอยู่ด้านหลัง บังโคลนทั้งสี่มีขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันโคลนเลนและสิ่งไม่พึงประสงค์

ท่วงท่าการขับขี่มีมิติคล้ายคลึงรถจักรยานยนต์วิบากเป็นอย่างมาก แฮนเดิ้ลบาร์กว้าง แต่กะโหลก หน้าปัดซ่อนตัวอย่างมิดชิด เพื่อความเรียบง่ายไม่เป็นอุปสรรคในการลุย ถังน้ำมันขนาดกระทัดรัดทรงสูงแต่จุได้ ถึง 10.6 ลิตร ในขณะที่เบาะนั่งยาวและใหญ่ มีพื้นที่บรรจุสัมภาระใต้เบาะ 4 ลิตร ด้านหลังเป็นตระแกรงบรรทุก
ขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ เพื่อรับงานหนักโดยเฉพาะ สองแรงครึ่งพลังแรง ตะกายสองล้อหลัง Ozark 250 มาในแบบฉบับจอมลุยขับสองที่มีความเร็วพอให้สนุกในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือจะเรียก แรงบิดมหาศาลมาใช้งานในสวนก็ไม่มีหวั่น เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดี่ยว 4 จังหวะ OHC 246 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายเชื้อเพลิง ด้วยคาร์บูเรเตอร์ของ มิคูนิ บีเอส ขนาด 29 มม. ทำหน้าที่ป้อนไอดีให้เพียงพอต่อการระเบิดพลังแรง ส่งแรงบิด ผ่านชุดเกกียร์ 5 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลัง 1 ระดับ คลัตช์เป็นชนิดอัตโนมัติ เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ ระบบส่งกำลัง สู่ล้อคู่หลังเป็นแบบเพลาเช่นเดียวกับ ATV สไตล์ ยูติลิตี้ ซึ่งมีการซ่อมบำรุงต่ำและอึดระดับเทพ ซึ่งแตกต่างไป จาก ATV สปอร์ตที่เน้นความเร็วจะนิยมใช้โซ่ขับเคลื่อนเป็นหลัก

โครงสร้างแบบท่อเหล็กกลมสุดแข็งแกร่งเชื่อมประสานไปทั่วคัน ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมการ์ดกันกระแทกใต้ท้องป้องกันจุดหมุนต่างๆ ทั้งชุด ช็อกอับฯ เป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อก ขนาดใหญ่ติดตั้งได้อย่างอิสระ เพราะไม่มีชุดเพลาขับมาข้องเกี่ยว ส่วนด้านหลังเป็นแบบสวิงอาร์มทำงานร่วมกับ ช็อกอับฯ ขนาดใหญ่ ให้ช่วงยุบ 5.5 เท่ากันทั้งหน้าและหลัง เบรกหน้าแบบดิสก์คู่ ส่วนด้านหลังแบบดรัมทำงาน ด้วยระบบง่ายๆ แต่ทนทาน วงล้อเหล็กปั้มแสนทรหดเข้าคุ่กับยางชนิดดอกห่อางสำหรับการลุยโดยเฉพาะ



เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/World/Motor/Detail/Ozark250_K9.asp

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มาแล้วกับโมโตครอส 4 จังหวะ ซึ่ง RM-Z250 เวอร์ชั่น 2010

ใช้การจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด และใช้ลิ้นปีก ผีเสื้อขนาด 43 มม. ในการจ่ายไฟหลังจากสตาร์ทใช้แมกนีโต-เจนเนอเรเตอร์เป็นระบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน RM-Z450 การระบายความร้อนใช้หม้อน้ำอะลูมินั่มอัลลอย 2 ลูกแยกยึดอยู่ด้านซ้ายและขวา
ระบบหัวฉีดที่ใช้ยกมาจากรุ่น RM-Z450 เช่นกัน ซึ่งใช้ไฟไม่มากนัก ทำให้ไม่เป็นปัญหาเรื่องของการจ่ายไฟในขณะแข่งขัน และการจ่ายเชื้อเพลิงจะถูกคำนสณจากคอมพิวเตอร์ 16-บิท ท่อไอเสียถูกปรับใหม่ ให้เข้ากับเครื่องยนต์ที่เป็นแบบหัวฉีด สำหรับเฟรมแบบทวินสปาร์ ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย ซึ่งได้ ออกแบบใหม่ในหลายๆ จุด ให้มีความสมดุล ให้แทร็คชั่นที่ดีในช่วงที่ต้องใช้ความเร็วสูง สำหรับความหนา ของผนังเฟรมเพิ่มมาเป็น 3 มม. จากเดิมที่ใช้อยู่ 2.5 มม. สวิงอาร์มใหม่น้ำหนักเบาและได้ถูกเพิ่มในส่วน ของความแข็งแรง ช็อคอับหน้าเป็นแบบหัวกลับของโชว่าขนาด 47 มม. ส่วนด้านหลังใช้ช็อคอับเดี่ยวพร้อม กระเดื่องทดแรง


เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/World/Motor/Detail/RMZ250_L0.asp

ชัยยันต์ โรมพันธ์ เปิดประเดิมโพเดี้ยมสนามแรก รายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 จันทบุรี



ชัยยันต์ โรมพันธ์ คว้าแต้มประเดิมชัยสนามแรกรายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 ณ สนามโมโตครอส จ.จันทบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา ปีนี้ทางผู้จัดการแข่งขันได้ทำการเก็บคะแนนสะสมทั้งหมด 8 สนาม ได้แก่ จันทบุรี , อุดรธานี , กาฬสินธุ์ , ตราด , พังงา , สุราษฎร์ธานี , เพชรบูรณ์ และเชียงใหม่

ซึ่ง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่ง 2 นักแข่งมือโปร อย่าง ชัยยันต์ โรมพันธ์ ที่ยังใช้รถยามาฮ่า YZ250F หมายเลข 31 ลงทำการแข่งขัน และอีก 1 นักแข่งขันน้องใหม่อย่าง กฤษดา บุญวาที ที่ย้ายเข้ามาร่วมกับทีมบริษัทปีนี้เป็นปีแรก ขับรถยามาฮ่า YZ250F หมายเลข 88 ทำการแข่งขัน โดยมีทีมแมคคานิกส์ชั้นแนวหน้าอย่าง “น้าหั่ง” สมศักดิ์ พรศิริเชิด คอยเซ็ทรถให้กับ 2 นักแข่ง ภายใต้ชื่อทีม “Yamaha หั่งโมดิฟาย ซูเปอร์ครอส ทีม”

ส่วนผลการแข่งขันเก็บคะแนนชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 นั้นเป็นไปตามคาดเมื่อ ชัยยันต์ โรมพันธ์ นักบิดทางฝุ่นมือฉกาจของทีมยามาฮ่าออกสตาร์ทขึ้นนำม้วนเดียวจบ คว้าแต้มขึ้นนำเป็นจ่าฝูงก่อน และทีมเมทอย่าง กฤษดา บุญวาที เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6
ชัยยันต์ โรมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกดีใจที่สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ส่วนสนามต่อไปก็จะทำให้ดีที่สุด”
กฤษดา บุญวาที ให้สัมภาษณ์ว่า “สนามแรกเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6 ผมยังไม่ค่อยชินกับรถ สำหรับสนามต่อไปจะปรับตัวและมีการซ้อมให้มากขึ้น ”
ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในปี 2010 ที่นักแข่งทางวิบากของทีม ยามาฮ่า หั่งโมดิฟาย ซูเปอร์ครอสทีม ที่สามารถขึ้นโพเดี้ยมอับดับ 1 ได้สำเร็จ

สำหรับสนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่ จ.อุดรธานี ในวันที่ 6-7 มีนาคม 2553 สามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทางสถานีโทรทัศน์ NSS6 ช่อง Motorsport TV ในวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น.



เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/upload/news/1156/4.jpg

ฟีโน่ ย้ำต้นแบบตัวจริงจัดกิจกรรม ไอ เลิฟ ฟีโน่ ที่เชียงใหม่

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมไอ เลิฟ ฟีโน่ ( I Love FINO ) ตอบรับกระแสความแรงของยามาฮ่า ฟีโน่ ต้นแบบตัวจริง ของรถออโตเมติกสไตล์โมเดิร์น คลาสสิค กันที่ลานกิจกรรม Event Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่ โดยกลุ่มยามาฮ่าฟีโน่คลับกว่า 100 คัน ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าใจดี บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงใหม่ จำกัด บริษัท แสงชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด ลิ้มเม่งจั้ว พร้อมกับดารานักแสดงจากช่อง 3 เมจิ - พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ และหมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ มาร่วมกัน บำเพ็ญประโยชน์และมอบทุนการศึกษา ให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนร่วมกันขับขี่ทัวร์ริ่ง ไปรอบเมืองเพื่อเข้าสู่ลานกิจกรรม ไอ เลิฟ ฟีโน่ ( I Love FINO )

โดยในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย อาทิ ซุ้มเกมส์ ซุ้มจำหน่ายสินค้าตกแต่งรถ และยังมีบอร์ดที่รวบรวมภาพความประทับใจต่างๆ ของกิจกรรมฟีโน่ตั้งแต่เปิด จนถึงปัจจุบันกว่า 3 ปีที่ผ่านมาเอาไว้ให้ได้ชมกัน รวมทั้งดิสเพลย์ฟีโน่สไตล์ต่างๆ ของดารานักร้องชื่อดัง พร้อมร่วมโหวตฟีโน่แต่งโดนใจ กับรถฟีโน่คู่ใจของยามาฮ่าคลับที่มาประชันไอเดียสไตล์การแต่งของตัวเอง รวมทั้งยังมีมุมจัดแสดงรถฟีโน่เก๋ๆ ให้ชมกัน ปิดท้ายกิจกรรมด้วยความสนุกสุดมันส์กับคอนเสิร์ตวง Flure



เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1160

“ฮอนด้า” ผู้นำตลาดสองล้อตัวจริง เบิกฤกษ์ต้นปีส่งเทคโนโลยีใหม่ของรถครอบครัว “ระบบซีวีเมติก”



ฮอนด้าก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 แห่งการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย เผยยอดจำหน่ายสะสมรถครอบครัวยอดนิยมทั้งฮอนด้าดรีมและฮอนด้าเวฟพุ่งสูงถึงกว่า 10 ล้านคันในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มทางเลือกให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบ ซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ในรุ่น “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที” ที่โดดเด่นทั้งคุณสมบัติของรถครอบครัวที่ประหยัดน้ำมัน ทนทาน แต่ขี่ง่าย ไม่ต้องเข้าเกียร์ มั่นใจเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่รักรถบังลมสไตล์รถครอบครัว แต่ชื่นชอบความสะดวกสบายสไตล์รถเอที โดยตั้งเป้าจำหน่ายที่ 50,000 คันต่อปี พร้อมเปิดราคาช่วงแนะนำที่ประมาณ 44,900 บาท และจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มีนาคม ศกนี้

มร. เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเริ่มฉายแววสดใสตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยตลาดรวมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2009 ได้ดีดตัวกลับในช่วงไตรมาสสุดท้าย และปิดตัวเลขทั้งปีลดลงจากปีก่อนหน้าเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งฮอนด้าคาดว่าแนวโน้มที่ดีขึ้นนี้จะยังคงต่อเนื่องในปี 2010 โดยคาดว่าตลาดรวมจะโตขึ้นจากปี 2009 ประมาณ 10% หรือมียอดรวมที่ 1.68 ล้านคัน โดยฮอนด้าตั้งเป้ายอดจดทะเบียนป้ายวงกลมที่ 1.15 ล้านคัน นอกจากนั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถครอบครัวของฮอนด้าทั้งฮอนด้าดรีมและฮอนด้าเวฟยังมียอดการจำหน่ายสะสมสูงถึง 10 ล้านคัน นับเป็นซีรี่ส์ยอดนิยมที่มียอดจำหน่ายสะสมที่สูงที่สุดในประวัติการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ในครั้งนี้ฮอนด้าจึงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปลายปี 2009 ที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยี CV Matic ให้กับรถครอบครัวตระกูล Honda Wave110i นี้เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคที่ว่า “จะดีแค่ไหนถ้าความทนทาน และการประหยัดน้ำมัน อย่างรถครอบครัว มาอยู่รวมกันกับความสะดวกสบายอย่างรถเอ.ที. ?” นี่จึงเป็นที่มาของ Honda Wave110i-AT รถครอบครัวเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์ แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน และทนทาน ในแบบของฮอนด้าเวฟต้นตำรับเหมือนเดิม”

“เทคโนโลยีระบบ ซีวีเมติก (CV-Matic)” หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สำหรับรถครอบครัว คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ ระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ตามสไตล์ที่คุณคุ้นเคยแบบรถครอบครัว ผสานกับชุดส่งกำลังที่เป็นระบบสายพาน V-Matic ในรถเอ.ที. ทำให้ขี่ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องเข้าเกียร์ และยังคงข้อดีในแบบรถครอบครัวไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบคลัทช์เปียกที่ให้ความทนทานมากขึ้น และระบบระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ที่สำคัญยังคงความประหยัดน้ำมันในแบบที่คนรักฮอนด้า เวฟ ทุกคนชื่นชอบ

นอกจากนั้น ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที รถครอบครัวระบบเอ.ที คันใหม่ ยังมาพร้อมหัวใจสำคัญของการขับขี่ในยุคนี้ ด้วยเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI เครื่องยนต์ 110 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันมากถึง 53 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) พร้อมคุณประโยชน์ต่างๆ จากฮอนด้าหัวฉีดครบถ้วน ทั้งประหยัดน้ำมัน, ให้ไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 รองรับน้ำมัน E20, ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น, ใช้งานนานหายห่วงกับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือที่ 50,000 กิโลเมตร และรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยคุณภาพอะไหล่แท้กับช่างระดับมาตรฐานที่มีรองรับทั่วประเทศ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ใหม่ ระบบเอ.ที ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ความหรูหรา ที่มากับกระจังหน้าดีไซน์ล้ำ รูปทรงตัว V แล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์ของไฟบอกตำแหน่งรูปทรงตาเหยี่ยว ออกแบบกลมกลืนกับไฟหน้าชุดเดียวกับไฟเลี้ยว สว่างไสวมองเห็นได้ไกล อีกทั้งช่วยยกระดับของการขับขี่ด้วยอีกหลายอรรถประโยชน์สุดฉลาดมากมาย ทั้งกล่องเก็บของใต้เบาะที่เก็บของได้ถึงใจ, แผ่นกันความร้อนท่อไอเสียแบบโครเมียม, วงล้อ 17 นิ้ว หน้ายางขนาดใหญ่ พร้อมดิสก์เบรกหน้าขับขี่มั่นใจ ลุยได้ทุกสภาพถนน พร้อมคันสตาร์ทเท้าด้านซ้าย และเบรกหลังที่ตำแหน่งเท้าขวาในรูปแบบการขับขี่ที่คุ้นเคย ทันสมัยโดดเด่นมากขึ้นด้วยหน้าปัดเรือนไมล์สไตล์ใหม่, ช่องดักลมข้างรถ สวยสง่าแบบปีกนก และช่วงท้ายลุคโมเดิร์นที่มีที่จับหลังสีสันเดียวกับตัวรถ ส่งเสริมลุคให้สง่างาม สบาย และทันสมัย

ทั้งหมดนี้เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในมาตรฐานฮอนด้าที่เหนือชั้นกว่าใคร ทั้งระบบกุญแจนิรภัยสองชั้น (Automatic Key Shutter) ที่ถูกออกแบบให้มีม่านปิดอัตโนมัติทันทีที่ดึงกุญแจออกเพื่อล็อคคอรถ, Brake Lock Knob ที่ล็อคเบรกขณะจอด, Side Stand Switch สวิตซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง พร้อมระบบสตาร์ทนิรภัย Safety Starter ขณะสตาร์ททุกครั้งต้องกำเบรกหรือเหยียบเบรกหรือล็อคเบรก ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

ในด้านสื่อสารการตลาดของ Honda Wave110i-AT ฮอนด้าได้เลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ใจกับความสุขใหม่สไตล์ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ คนเดิมคือศิลปินยอดนิยม แดน วรเวช ดานุวงศ์ ที่ชวนน้องสาวน่ารักต่างค่ายมาเป็นสมาชิกครอบครัวฮอนด้า เวฟ คนใหม่อย่าง น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์ ร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ ความคล่องตัว ขับขี่ง่าย สะดวกสบายและคงความประหยัดไว้ครบถ้วนกับสีสันโดนใจที่มีมาให้เลือกกันถึง 3 คู่สี ทั้งขาว-น้ำตาล, แดง-น้ำตาล และน้ำเงิน-เทา โดยมีทั้งระบบสตาร์ทมือและสตาร์ทเท้าในคันเดียวให้เลือกใช้ตามสะดวกอีกด้วย

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเอ.ที. นี้ จะวางจำหน่ายควบคู่กับฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเกียร์ เพื่อเป็น 2 ทางเลือกใหม่จากฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทั้งนี้ ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ เอที ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีราคาแนะนำในช่วงเริ่มต้นที่ประมาณ 44,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 50,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมรถทดลองขับขี่กับเทคโนโลยีซีวีเมติก หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ให้คุณได้พิสูจน์ ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที คันใหม่ที่ขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์นี้ได้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ใกล้บ้านท่าน


เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-18/db51fab9ef378139855cee132758fdd4/

เดือนมกราคม 2553 ผลิตรถยนต์โตขึ้นมากกว่าร้อยละ 43

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนยอดขายภายในประเทศ การผลิต และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนมกราคม 2553 ดังต่อไปนี้

ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมกราคม 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,560 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 54.5 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 31.25 เนื่องจากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มีการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ยอดขายในเดือนธันวาคมสูงกว่าเดือนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ 49,560 คัน นี้ เป็นไปตามเป้าที่คาดว่า ยอดขายภายในประเทศปี 2553 จะถึง 600,000 คัน ซึ่งมากกว่าปี 2552 ที่ขายได้ 548,871 คัน โตขึ้นร้อยละ 9.32 ทั้งนี้ เป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าหลายตัวสูงขึ้น รวมทั้งมีรถยนต์รุ่นเล็กมาเสริมตลาดด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 153,312 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 39.45 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 3.99

การผลิตจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม 2553 มีทั้งสิ้น 103,892 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 43.39 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 7.01รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 32,680 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 70.97

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 20 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 66.10

รถยนต์บรรทุก เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ทั้งหมด 71,192 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 33.61

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ทั้งหมด 69,586 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 33.36 โดยแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 25,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 70.55
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 35,546 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 1.32
· รถกระบะ PPV 8,964 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 274.59
· รถบรรทุกต่ำกว่า 5 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 526 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 136.94

· รถบรรทุกขนาด 5 - 10 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 353 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 20.89

· รถบรรทุกมากกว่า 10 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 727 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 23.64

ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 57,380 คัน เท่ากับร้อยละ 55.23 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 8.48 เนื่องจากตลาดส่งออกทุกตลาดดีขึ้นจากปีที่แล้ว

รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตเพื่อการส่งออก 12,248 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 2.21

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 45,132 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 10.31 โดยแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 9,732 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 17.52
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 29,304 คัน ลดลงจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 4.91
· รถกระบะ PPV 6,096 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 235.87
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 46,512 คัน เท่ากับร้อยละ 44.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 137.79 เนื่องจากยอดขายภายในประเทศที่สูงขึ้น

รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,432 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 186.48

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 24,454 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 117.04 ซึ่งแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 15,344 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 138.93
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 6,242 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 46.29
· รถกระบะ PPV 2,868 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 396.19
รถบรรทุก เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 1,606 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 45.74

รถจักรยานยนต์เดือนมกราคม 2553 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 202,311 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 20.97 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 159,581 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 15.24 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 42,730 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 48.58

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
เดือนมกราคม 2553 ส่งออก 58,525 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 18.34 และมากกว่าเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 9.18 มีมูลค่าการส่งออก 28,132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 22.13

· เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,368.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 231.95

· ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 9,174.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 65.88

· อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 900.05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 2.97

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 2553 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 39,575.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 32.33

รถจักรยานยนต์
เดือนมกราคม 2553 มีจำนวนส่งออก 44,370 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 10.94 และน้อยกว่าเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 30.64 โดยมีมูลค่า 980.09 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 37.90

· ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 876.01 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 13.03

· อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 51.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 128.65

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม 2553 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 1,907.50 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 26.86

เดือนมกราคม 2553 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 41,483.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 27.59

ปี พ.ศ. 2553 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 1,400,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ส่งออกรถยนต์ 800,000 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้สรุปตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ. 2553 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้

รถยนต์
ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ. 2553 ประมาณ 1,400,000 คัน สูงสุดตั้งแต่มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2504) มากกว่าปี พ.ศ. 2552 จำนวนประมาณ 400,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.14 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 800,000 คัน เท่ากับร้อยละ 57.14 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 600,000 คัน เท่ากับร้อยละ 42.86 ของยอดการผลิตทั้งหมด

· ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 800,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 จำนวน 248,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.93 (ปี พ.ศ. 2551 ส่งออกรถยนต์ 776,000 คัน ก่อนตกลงมาเหลือ 535,000 คัน ในปี พ.ศ. 2552)

· ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 600,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ประมาณ 153,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.23

รถจักรยานยนต์
ประมาณการการผลิตรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ. 2553 ประมาณ 1,780,000 คัน มากกว่าปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 1,634,000 คัน เพิ่มขึ้น 146,000 คัน คิดเป็นร้อยละ 8.94 แยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 130,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ซึ่งมีจำนวน 115,000 คัน เพิ่มขึ้น 15,000 คัน หรือร้อยละ 13.04 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 1,650,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ซึ่งมีจำนวน 1,519,000 คัน เพิ่มขึ้น 131,000 คัน หรือร้อยละ 8.62




เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-19/29cc766675a1974f3c1ea14ed08b023b/

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แคมเปญพิเศษของ จักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ 125



กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--PR Dentsu
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดงานฉลองยอดขายออโตเมติก 2 ล้านคัน และเปิดตัวรถจักรยานยนต์ออโตเมติก มีโอ 125
พร้อมจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อยามาฮ่า มีโอ 125 พิเศษช่วงแนะนำวันนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 44,000 บาท พร้อมรับฟรีหมวกกันน็อก ลายเคฟล่า ดีไซน์สปอร์ตสุดพิเศษ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น มูลค่า 1,500 บาท เท่านั้นยังไม่พอ ร่วมฉลองยอดขายรถออโตเมติก 2 ล้านคัน เมื่อซื้อ ยามาฮ่า ทุกรุ่นวันนี้ รับฟรี Yamaha World Sport Set มูลค่า 500 บาท ทันที ที่ยามาฮ่าสแควร์ ทั่วประเทศ


เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-15/74b8265fa3e74b8a3e1d570e9ba5a9c6/

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

NEW MIO 125 แรงเกินซีซี ... มีโอ 125



แรงเร้าใจกว่า กับอีกขีดขั้นของมีโอ 125 ซีซี หม้อน้ำ และกรบอกสูบไดอะซิลเทคโนโลยีแห่งอนาคตบิดได้ตามใจสั่ง อัตราเร่งดีเยี่ยม แต่ประหยัดน้ำมันเหลือเชื่อ คล่องตัว ดีไซน์สปอร์ต สุดยอดความมันส์แบบแตกต่างในชีวิตสไตล์ 125

ทุกไมล์ ไฮเทคหน้าบัดเห็นชัดเจน ด้วยดีไซน์แยกส่วนพร้อมเฟรมเงินสะดุดตา
ปลอดภัยกว่า กุญแจนิรภัย 2 ชั้นระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น SUPER KEY SHUTTER ปิดล็อครูกุญแจด้วยปุ่มอัตโนมัติพร้อมเปิดใต้เบาะจากช่องสตาร์ท สะดวกสุดๆๆจุใจกว่า ด้วยขนาด 12.8 ลิตรที่เก็บของใต้เบาะ ใหญ่จุใจ จะมากแค่ไหนก็ใส่หมดมั่นใจกว่า ด้วยมาตรฐาน EU3 ท่อไอเสียพัฒนาให้มีแคทตาไลส์เซอร์ 2 ตัว กรองอากาศเสียให้เป็นอากาศใสช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน EU3ทุกคันหล่อร้ายด้วย ดีไซน์สปอร์ตตั้งแต่หัวจดท้ายไฟหน้า ใหม่ 2 ดวงคู่ ดีไซน์โมเดิร์นสว่างชัดกว่า 50 เมตร พร้อมไฟหรี่แยกส่วน BLUE LENS ไฟท้ายแบบสปอร์ต เพรียวพร้อมฝาครอบเลนส์ทั้งชุด เฉี่ยว ถูกใจแรงกว่าด้วย 125 ซีซี แรงจัด มันส์จริงเครื่องยนต์ออโตเมติก CVT พลัง 125 ซีซีบิดได้ตามใจสั่ง เพิ่มดีกรีความมันส์ เร้าใจตามสไตล์ 125เครื่องยนต์ 125 ซีซี จังหวะ 2 วาล์ว ใช้ระบบส่งกำลังแบบ CVT ระบายความร้อนด้วยน้ำม ลูกสูบเดียว ขนาดลูกสูบ 52.4 มม. ความยาวช่วงชัก 57.9มม. และอัตราส่วนการอัดตัว 10.8 : 1 สามารถสร้างกำลังขับได้ดี และมีแรงบิดที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลลูกสูบแบบอัดขึ้นรูป(Forged Pistion)สร้างจากอลูมิเนียมอัดขึ้นรูปทำให้โครงสร้างของลูกสูบมีความแข็งแรง ทนทน บางและเบากว่าลูกสูบปกติทั่วไป ลดการสั่นสะเทือน และช่วยลดการสูญเสียกำลังในขณะลูกสูบ เลื่อนขึ้น-ลง ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ดียิ่งขึ้นเหนือกว่าด้วย DiASil ทน แกร่ง ประหยัดกระบอกสูบไดอะซิล ลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า เทคโนโลยีความแรงเดียวกับ นูโว อิลิแกนซ์แข็งแกร่ง ทนทาน ระบายความร้อนดีเยี่ยม ประหยัดได้กว่าความเป็นออโตเมติกกระบอกสูบ DiASil ถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี่การหล่อขึ้นรูปแบบพิเศษของยามาฮ่า กระบอกสูบชนิดนี้ใช้อลูมิเนี่ยมส่วนผสมของชิลิกอน ทำให้ได้กระบอกสูบที่มีผิวหน้าแข็ง ทนทานต่อการสึกหรอ น้ำหนักเบา และระบายความร้อนได้ดีเยียมกว่า เหล็กกล้า ทำให้เร่งได้เต็มสูบ อัดได้เต็มไมล์คาร์บูเรเตอร์ รุ่น BS ขนาด 26 มิลลิเมตร กับเซนเซอร์จับตำแหน่งลิ้นเร่งเพื่อเพิ่มความสามารพในการออกตัวที่เร็วขึ้น คาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตร จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งประสิทธิภาพของคาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตร ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วในรถจักรยานยนต์สำหรั้บเดินทางระยะไกล คาร์บูเรเตอร์รุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงในการแยกอะตอมของน้ำมัน เพื่อเร่งการเผาไหม้ พร้อมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ประสิทธิภาพของคาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตรนี้ยังถูกสนับสนุนด้วยระบบตรวจจับตำแหน่งลิ้งเร่งข้อมูลความเร็วรอบเครื่องยนต์ และตำแหน่งของลิ้นเร่ง ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วย 3-D map เพื่อหารเวลาในการจุดระเบิดที่เหมาะสมต่อเครื่องยนต์และต่อลักษณะการขับขี่ที่เปลี่ยนไปเพื่อที่จะคงความสามารถในการประหยัดเชื่อเพลิง และขับขี่ที่เสถียรLIQUID - COOLED FULL SYSTEMสมบูร์กว่าเด้วย ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ บิดมันส์ไม่มียั้ง พลังแรงคงที่คงสมรรถนะทุกความเร็วให้ไม่มี่ตกด้วยการระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ ความเสถียรของประสิทธิภาพเครื่องยนต์จึงมีมากขึ้น และสามารถในการขับขี่ภายในตัวเมืองได้อย่างดี รวมถึงการขับขี่ความเร็วสูงและการขับขึ้นเขาและลงเขาเช่นกัน นอกจากนี้ระบบช่องทางเดินน้ำยาหล่อเย็นระบายความร้อนในเสื้อสูบ (Water-Jacket) ยังเป็นการลดเสียงที่เกิดจากเครื่องยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งนำไปสู่การเดินเครื่องที่เสียงเบาลงนอกจากนี้ ระบบระบายความร้อนยังช่วยลดอุณหภูมิของนำมันหล่อลื่น ทำให้ลดอัตราการใช้น้ำมันหล่อลื่นลง


เพิ่มเติม http://www.mocyc.com/content/view.php?idcontent=179



วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยามาฮ่าคาดตลาดรวมถึง1.7ล้านคัน

ยามาฮ่า คาดปีนี้ตลาดรถจักรยานยนต์ทำยอดขายรวมถึง 1.7 ล้านคัน โต 11% เมื่อเทียบกับปี 2552 และในจำนวนนี้เป็นของตนเอง 480,000 คัน พร้อมเดินนโยบายสร้างแบรนด์และสร้างความพอใจสูงสุดให้ลูกค้า

ประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า แม้ภาพรวมของยอดขายรถจักรยานยนต์ในปี 2009 จะลดลงถึง 10 % แต่ก็ยังถือว่าเป็นปีที่ยามาฮ่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกที่ยามาฮ่าเป็นผู้นำเทรนด์อย่างแท้จริง ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดจดทะเบียนรวม 429,000 คัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวเลขทางการขายที่ดีของทางยามาฮ่า ทำให้บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 28%

ในปี 2009 รถจักรยานยนต์ประเภทออโตเมติกมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 47% ของตลาดรวมรถจักรยานยนต์ทั้งหมด และในส่วนรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกของยามาฮ่ามีส่วนแบ่งเฉลี่ยทั้งปี 53% บริษัทฯได้คาดการณ์ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2010 ว่า ราคาน้ำมันของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงสภาวะการเมือง จะส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกด้านอื่นๆ เช่น ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีแนวโน้มสูงขึ้น การส่งออกเติบโต จำนวนของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น นโยบาย “ไทยเข้มแข็ง” ต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคมีแนวโน้มมากขึ้น การลงทุนของภาครัฐ และเอกชนที่เพิ่มขึ้น จะเป็นตัวแปรทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์มีการเติบโต

“จากการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตของ GDP ในปี 2010 จะอยู่ที่ประมาณ 3.3-5.3% ในขณะที่อัตราการเติบโตของ GDP ของปีที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณลบ 3% ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงได้มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขของตลาดรวมในปี 2010 จะมีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นถึง 11% โดยตัวเลขของตลาดรวมอยู่ที่ 1.7 ล้านคัน และบริษัทฯ ตั้งเป้าการขายอยู่ที่ 480,000 คัน และทำให้ยามาฮ่ามีอัตราการเติบโตถึง 12% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”

ด้านจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า กล่าวว่า“ในปี 2010 นี้บริษัทฯ มีนโยบายที่จะรักษาความเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีคุณภาพสูง ดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น รวมถึงการบริการหลังการขาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่ บริษัทฯ ได้มีนโยบายหลัก 2 ประการคือหนึ่ง เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตราสินค้าอย่างต่อเนื่อง และสองเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าอย่างแตกต่าง ด้วยกลยุทธ์ด้าน 3S และ CRM

ในส่วนของนโยบายแรกบริษัทจะสร้างความโดดเด่นด้วยแคมเปญ “Makes Your Life Different” จนทำให้ยามาฮ่าประสบความสำเร็จอย่างสูง และทำให้ Brand Image ของ ยามาฮ่าแข็งแกร่ง และโดดเด่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น เพื่อเป็นการสานต่อความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ ยามาฮ่าจึงได้ทำแคมเปญเฟสที่ 2 ในปี 2008 ภายใต้ชื่อชุด “Yes! We are Different” และยามาฮ่าก็ประสบความสำเร็จกับแคมเปญนี้เป็นอย่างมาก
ในปีนี้ยามาฮ่าจะใช้กลยุทธ์ในการทำตลาดแบบ “สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง” เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตราสินค้า ยามาฮ่าจะเสริมสร้างแบรนด์ และกิจกรรมการตลาดให้แข็งแกร่งต่อไปเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายในระยะยาว คือการเป็น the “Only One Brand” ในใจลูกค้า

สำหรับนโยบายที่สองคือ เพิ่มความพึงพอใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ด้าน 3S และ CRM ที่บริษัทจะมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาเครือข่ายด้วยโชว์รูมภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย (Yamaha Square) ซึ่งปัจจุบันมีให้บริการทั่วประเทศถึง 340 แห่ง และในปีนี้บริษัทฯ มีแผนงานที่จะขยายเพิ่มเติมอีก 50 แห่ง มีการฝึกอบรมให้กับพนักงานของผู้จำหน่ายในด้านบริการและอะไหล่

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

ฮอนด้าเอทีแรงไม่หยุด เปิดศักราชใหม่ด้วยยอดสูงมากกว่า 40,000 คัน กวาดแชร์ถึง 57% ดันยอดรวมเดือนแรกของปีสูงถึง 139% ฮอนด้านำโด่งที่ 72%

ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยร้อนแรงรับต้นศักราชใหม่ ส่งสัญญาญเศรษฐกิจขาขึ้น แค่เดือนแรก ปี 2553 มียอดจดทะเบียนรวมสูงถึง 153,312 คัน สูงถึง 139 % มากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ายฮอนด้าผู้นำตลาด 21 ปีซ้อนโกยยอดรวมเดือนมกราคมสูงถึง 110,731 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 72 % โดยเฉพาะฮอนด้าเอ.ที.แรงไม่หยุดด้วยยอดจำหน่ายพุ่งกระฉูดถึง 40,443 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 57% นำโดยฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ที่กระแสตอบรับแรงไม่มีตก ตามด้วยฮอนด้า คลิกไอ และล่าสุดพี่ใหญ่ในกลุ่มเอที ฮอนด้าพีซีเอ็กซ์ติดอันดับท๊อป 10 รถยอดนิยม ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ไทยกับเทคโนโลยีระบบหัวฉีด PGM FI ที่ล่าสุดกินส่วนแบ่งตลาดไปแล้วกว่า 54%

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งสัญญาณขาขึ้นรับศักราชใหม่ในเดือนมกราคม ด้วยยอดจำหน่ายรวมทุกยี่ห้อสูงถึง 153,312 คัน เติบโตสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 139% และเติบโตต่อเนื่องจากเดือนธันวาคมอีก 104% โดยฮอนด้าเองมียอดจำหน่ายสูงถึง 110,731 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 72% เติบโตขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 158% ในจำนวนนี้ฮอนด้าเอทีมีการเติบโตสูงสุดด้วยยอดจำหน่ายในเดือนมกราคมนี้ถึง 40,443 คัน สูงที่สุดในประวัติการจำหน่ายรถแบบเอทีทุกยี่ห้อที่ผ่านมา เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 57% นำโดยฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ฮอนด้า คลิก ไอ และล่าสุด ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ พี่ใหญ่ในกลุ่มเอทีที่ติดอันดับ Top 10 รถยอดนิยมประจำเดือนมกราคม นับเป็นความไว้วางใจอย่างสูงสุดที่ผู้ใช้มีต่อฮอนด้าเอทีที่เป็นระบบหัวฉีด PGM FI และยังส่งผลให้สัดส่วนความนิยมในรถแบบหัวฉีดพุ่งสูงขึ้นถึง 54% ในเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งฮอนด้ามั่นใจว่ากระแสการตอบรับในรถแบบหัวฉีดจะยิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้าเองก็พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ๆสู่ตลาดอยู่เสมอ ขอให้ผู้ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของฮอนด้าอย่างต่อเนื่อง”

ด้านรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนมกราคม 2553 ซึ่งเป็นเดือนแรกของศักราชใหม่ 2553 ปีเสือทองนั้น มียอดจำหน่ายรวมที่ 153,312 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบ ครัว 75,930 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% นับเป็นรถประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทครอบครัวนี้ถึง 87% สำหรับรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที มียอดจดทะเบียนรวมที่ 70,365 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,820 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,236 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,961 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดกว่า 1%

สำหรับสัดส่วนการจดทะเบียนรถแบบหัวฉีด ล่าสุดในเดือนมกราคมมีสัดส่วนที่ 54% เทียบเท่าจำนวน 83,111 คัน เติบโตขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 112% ในจำนวนนี้เป็นฮอนด้าหัวฉีด PGM FI ที่ 81,760 คัน

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 110,731 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 72% เติบโตขึ้น 112% จากเดือนก่อนหน้า, ยามาฮ่า 34,570 คัน อัตราครองตลาด 23% เติบโตลดลง 85% จากเดือนก่อนหน้า, ซูซูกิ 4,803 คัน อัตราครองตลาด 3% เติบโตลดลง 99% จากเดือนก่อนหน้า, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,798 คัน , เจอาร์ดี 35 คัน, แพล็ตตินั่ม 44 คัน, ไทเกอร์ 222 คัน และอื่นๆ 1,109 คัน

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฮอนด้าชี้มอเตอร์ไซค์ปีนี้โตไม่หยุด

มั่นใจรถหัวฉีดมาแรง กินส่วนแบ่งเกินครึ่ง

ฮอนด้าชี้ตลาดมอเตอร์ไซค์ปี 53 ไปได้สวย หลังยอดขายเดือนธ.ค.ทะลัก 147,424 คัน โต 127% ขานรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ส่วนตลาดรวมทั้งปี 52 ทำยอดสูงเกินคาด 1,535,613 คัน ฮอนด้าขึ้นแท่นอันดับหนึ่งเหมือนเดิม กวาดเรียบ 1,014,118 คัน ครองส่วนแบ่ง 66% ชี้เทรนตลาดปีนี้รถหัวฉีดมาแรงแน่

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว สามารถเรียกความเชื่อมั่นจากทางผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง โดยสะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายเดือน ธ.ค. ที่มียอดสูงถึง 147,424

คัน ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนถึง 127%

"ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นต้นมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการที่ภาครัฐสามารถรักษาดุลยภาพทาง เศรษฐกิจและการเมืองไว้ได้ จึงช่วยเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา โดยตลาดรถจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงต้นปี จึงกลับฟื้นสภาพขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย"นายธีระพัฒน์กล่าว

ทั้งนี้ ในเดือนธันวาคมปี 2552 ที่ผ่านมาตลาดโดยรวมมีการเติบโตเป็น 147,424 คัน สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 127% ที่ได้ระดับ 116,024 คัน โดยฮอนด้าเองก็เติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 136% จาก 72,683 คันเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 98,946 คันในเดือนธ.ค.ปี 52

ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้ยอดขายรวมทุกยี่ห้อในปี 52 ปิดตัวเลขลงอย่างสวยงามที่ 1,535,613 คัน หรือเติบโตลดลงเพียง 10% จากปีก่อนหน้า

โดยนายธีระพัฒน์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางฮอนด้ายังคงครองแชมป์ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 ด้วยยอดจำหน่าย 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนตลาด 66%

สำหรับตลาดรถประเภท AT ที่ฮอนด้าเพิ่งวางตลาดรุ่นใหม่ล่าสุดไป 2 รุ่นในช่วงหลังของปีทั้ง Honda Scoopy I & Honda PCX นั้น ปรากฏว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดรวมรถ AT มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 125% ที่ ยอดรวม 68,793 คัน ในจำนวนนี้เป็นยอดจำหน่ายฮอนด้าเอทีที่ 34,474 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% เป็นการครองสัดส่วนตลาดสูงสุดในรถประเภทเอทีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยมี 2 รุ่นหลักยอดนิยมทั้งฮอนด้าคลิก ไอ ที่ 15,358 คัน และ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่ 15,085 คัน

ในด้านการผลักดันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดออกสู่ตลาดของฮอนด้าอย่างจริงจังตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงปลายปี 2552 สัดส่วนตลาดรถแบบหัวฉีดได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเพียง 23% ในเดือนมกราคม มาเป็น 50% ในเดือนธันวาคม หรือโดยเฉลี่ยทั้งปี รถแบบหัวฉีดมีสัดส่วนตลาดที่ 43% ซึ่งฮอนด้าในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่จึงคาดการณ์ความนิยมในรถแบบหัวฉีดในปี 2553 จะยิ่งเติบโตมากยิ่งขึ้น และมีสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่งของตลาดอย่างแน่นอน

สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทในเดือนธันวาคม มียอดจดทะเบียนรวมที่ 147,424 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,790 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% แบบ เอ.ที. 68,793 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,069 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 2,222 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%

ส่วนยอดจดทะเบียนรวมของทั้งปี 2552 อยู่ที่ 1,535,613 คัน เติบโตลดลง 10% จากปีที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความนิยมสูงสุดที่ 755,599 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% รถแบบ เอ.ที. จำนวน 715,801 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตจำนวน 37,286 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 11,567 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมทั้งรถประเภทอื่นๆ 15,360 คัน เทียเท่าสัดส่วนตลาด 1%

สำหรับอัตราครองตลาดในปี 2552 ของแต่ละผู้ผลิตมีดังนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 428,774 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 63,026 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 14,801 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,537 คัน, แพล็ตตินั่ม 1,059 คัน, ไทเกอร์ 1,143 คัน และอื่นๆ 11,155 คัน

เพิ่มเติม http://www.kaohoon.com

ยามาฮ่าเปิดศักราชรุกสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ดึงแชมป์โลกเยือนไทยครั้งแรก

ยามาฮ่า เปิดศักราชใหม่ นำแชมป์โลก และรองแชมป์โลก โมโตจีพี เยือนไทยพร้อมกันครั้งแรก 6-7 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อสานต่อกลยุทธ์ สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง และร่วมกิจกรรม Yamaha Automatic Festival 2010 ตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกตัวจริงของเมืองไทย

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายจักรยานยนต์ยามาฮ่า สุดยอดผู้นำแห่งความแตกต่างอย่างยิ่งใหญ่ ตอกย้ำกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง กับการเปิดศักราชใหม่ ด้วยการเชิญแชมป์โลก และรองแชม์โลกโมโตจีพี ปี 2009 นำโดย "เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน่ รอสซี่ และ “ร็อกเก็ตบอย” ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ นักแข่งทีม เฟี๊ยต ยามาฮ่า บินตรงมาเมืองไทย เพื่อทักทายแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อสู้ศึก โมโตจีพี ฤดูกาลการแข่งขัน 2010

วาเลนติโน่ รอสซี่ เป็นนักแข่งชาวอิตาเลี่ยน ได้รับฉายาในวงการเรียกว่า "เดอะด็อกเตอร์" ใช้รถแข่ง หมายเลข 46 แชมป์โลก 9 สมัย ใน 4 รุ่น (125 ซีซี. 250 ซีซี. 500 ซีซี. และ 800 ซีซี.) ซึ่งปีล่าสุด ฤดูกาล 2009 รอสซี่สามารถครองตำแหน่งแชมป์โลก รุ่น 800 ซีซีด้วยคะแนนสะสม 306 คะแนน

ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ แชมป์โลก 2 สมัย (รุ่น 250 ซีซี.) เป็นนักแข่งชาวสเปน ได้รับฉายาในวงการเรียกว่า “ร็อกเก็ตบอย” ใช้รถแข่ง หมายเลข 99 ผลงานนับจากปี 2008 ซึ่งเป็นปีแรกที่เข้ามาร่วมทีมกับยามาฮ่า เขาได้รับรางวัล รุคกี้ ออฟ เดอะเยียร์ ซึ่งล่าสุด ปี 2009 ได้รองแชมป์โลก รุ่น 800 ซีซี.ด้วยคะแนนสะสม 261 คะแนน

สำหรับกำหนดการเยือนประเทศไทยของสุดยอดนักแข่งระดับโลกทั้งสองคน คือ ร่วมกิจกรรม “Yamaha Automatic Festival 2010” ฉลองยอดขายรถออโตเมติก 2 ล้าน ในวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 13.30 น. ณ สนามบางกอก เรซซิ่ง เซอร์กิต และลานกิจกรรมหลังซีคอนสแควร์

งานนี้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต และแฟนคลับ 2 สุดยอดนักแข่ง ห้ามพลาดเด็ดขาดกับการมาเยือนเมืองไทยของ วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ นักแข่งระดับโลกสังกัดทีมเฟี๊ยตยามาฮ่าตัวจริงเสียงจริง

สำหรับยามาฮ่า ได้กำหนดแนวทางการทำการตลาดปี 2553 ภายใต้กลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งการเดินทางมาของแชมป์โลกโมโตจีพี ช่วยให้กิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตของ ยามาฮ่าได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งนอกจากเป็นการสานต่อความสำเร็จของยามาฮ่าในเวที มอเตอร์สปอร์ตแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางด้านกีฬาต่างๆ เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่มอีกด้วย

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/

“ไออาร์ซี”เอาใจนักบิดเปิดยาง“ไวด์ แฟลร์”

ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์ “อีโนเว รับเบอร์ฯ ” หนี่งในบริษัทในกลุ่มสิทธิผล เปิดตัวยางใหม่ “ ไวด์ แฟลร์”ลายไฟ รับศักราชปีเสือ เอาใจกลุ่มเยาวชนวัยรุ่น เผยศึกษาและวิจัยมายาวนานจนรู้ความต้องการลูกค้า พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 นี้ คาดยอดขายกระฉูด รองรับขาโจ๋ รถออโตเมติก 3 ค่ายยักษ์

ทาเคชิ อารากาว่า กรรมการผู้จัดการบริษัท อีโนเวรับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน ผู้ผลิตยางรถจักรยานยนต์ไออาร์ซี บริษัทในกลุ่มสิทธิผล เปิดเผยว่า “บริษัทแนะนำผลิตภัณฑ์ยางสำหรับรถจักรยานยนต์ออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดอีกรุ่นหนึ่งภายใต้ชื่อว่า “Wild Flare” (ไวด์ แฟลร์) ภายใต้รหัส WF 920 ซึ่งเป็นยางลายไฟตัวใหม่ล่าสุดที่จะออกมาสำหรับตลาดทดแทนของเรารวมทั้งเป็นการฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบ 40 ปี อีกด้วย

“ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาบริษัทได้สร้างสมประสบการณ์และศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคในประเทศมาโดยตลอดและสม่ำเสมอ จึงทราบดีว่าความต้องการของผู้บริโภคในประเทศเป็นอย่างไร ดังนั้นในวันนี้บริษัทจึงได้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือ “Wild Flare” WF920 ออกสู่ตลาดเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแตกต่าง” ทาเคชิ กล่าว

ด้าน ซาโตชิ อากาสึกา กรรมการบริหารบริษัท ไออาร์ซี เอชีย รีเสิร์ช จำกัด กล่าวว่า ในปี 1993 “ลายไฟ” ได้รับความนิยมสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ประเภท ครุยเซอร์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้บริษัทอีโนเวฯ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการพิจารณาว่าจะใช้ลายไฟกับยางได้อย่างไร ในครั้งแรกได้มีการออกแบบลายไฟสำหรับยางหลังเท่านั้น ต่อมาในปี 1996 ได้พัฒนาใช้กับรถ Suzuki (Desperado) โดยเปลี่ยนแปลงการออกแบบจากลาย WF910 เป็น WF920

เนื่องจากรถรุ่นนี้ยางหน้ามีลักษณะทรงอ้วน และมีการปรับปรุงออกแบบจาก WF910 เกี่ยวกับความสมดุลของร่องยางเพื่อความเสถียร ยาง WF930 นี้เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2005 ได้รับความนิยมมากสำหรับรถสกู๊ตเตอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งการออกแบบลายของ WF930 นั้นได้ปรับปรุงพัฒนาจากลาย WF920

สำหรับในประเทศไทยมีการวิจัยและพัฒนาการออกแบบมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับกับตลาด จนที่สุดได้ Wild Flare ลายไฟนี้ออกมาเป็นยางใช้กับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกทุกประเภท อาทิ ฮอนด้า สกูปปี้และคลิ๊ก, ยามาฮ่า ฟีโน่และมีโอ และซูซูกิ เจลาโต้ และสกายไดร์ เป็นต้น

“ยางรุ่นใหม่นี้เราเลือกโครงสร้างและเนื้อยางแบบคอมเปาว์ดคุณภาพสูง เพราะต้องการตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในเรื่องของความสมดุลและสมรรถนะในการขับขี่ โดยเฉพาะการเกาะถนนเป็นเยี่ยม ทั้งถนนเปียกและถนนแห้ง มีความนุ่มนวลในการขับขี่ และการควบคุมทำได้อย่างมั่นใจมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด เราเชื่อว่ายางลายไฟ ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดเมืองไทยในปี 2553 นี้ จะถูกใจผู้ใช้และได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติกทุกประเภท” นายซาโตชิกล่าว

นายพิเชฐ ตังคไชยนันท์ ผู้จัดการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ 2 บริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด กล่าวว่า บริษัทในฐานะตัวแทนจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ไออาร์ซี คิดว่ายางลายไฟนี้ จะเพิ่มยอดขายกระฉูดได้แน่นนอน ด้วยคุณสมบัติที่ดีมีคุณภาพ รูปลักษณ์ที่สวยงาม โดนใจวัยรุ่นขาโจ๋ ที่ใช้รถจักรยานยนต์ออโตเมติกทุกประเภท และยังชอบการแต่งรถอีกด้วย ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นผู้ใช้รถที่ชอบแต่งรถให้สวยงาม จะตัดสินใจเลือกซื้อยางลายไฟนี้

ยางไออาร์ซี “ไวด์ แฟลร์” หรือยางลายไฟ ภายใต้รหัส WF920 เปิดตัวแนะนำในวันนี้มีด้วยกัน 3 ขนาด คือ ขนาด 80/90-14F, ขนาด 90/80-14R และขนาด 100/70-14R วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 สนใจหาซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายของบริษัททั่วประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดได้ที่ฝ่ายขายบริษัท สิทธิผล 1919 จำกัด โทร. 02-639-1919 หรือ http://www.sittipol.com/

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"รอสซี" ยันบิดต่อหากโมโตจีพีเพิ่มเป็น 1,000 ซีซี

วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดเจ้าของแชมป์มอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก 8 สมัย ออกมาเผยว่าหากโมโตจีพีขยับกำลังเครื่องยนต์เพิ่มเป็น 1,000 ซีซี ก็มีมีความเป็นไปได้สูงที่ตนเองจะปักหลักซิ่งรถ 2 ล้อต่อไปในปี 2012

นักบิดอัจฉริยะจากทีมเฟียต-ยามาฮา ที่ตกเป็นข่าวลือมาตลอดช่วงก่อนหน้านี้ว่า เตรียมหันหลังให้กับวงการความเร็ว 2 ล้อ เพื่อไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆในการการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มูลา วัน หรือแรลลี ชิงแชมป์โลก

ล่าสุด "เดอะด็อกเตอร์" ที่เพิ่งนำรถยามาฮา M1 ทำเวลาดีที่สุดในการทดสอบเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนฤดูกาล 2010 ที่สนามซเปัง ประเทศมาเลเซีย ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตของตัวเองอีกครั้ง โดยยืนยันว่าพร้อมอยู่ในวงการมอเตอร์ไซค์ต่อ หากมีการปรับกติกาให้รุ่นโมโตจีพี มีเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่าเดิม

"ใจจริงๆแล้วผมจะมีความสุขมากหากได้กลับไปขับรถ 1,000 ซีซี อีกครั้ง เพราะผมชอบมันมากกว่ารถ 800 ซีซี ซึ่งแน่นอนนี่คือเรื่องของผู้จัดที่ต้องมีการปรับกติกา เหมือนในปี 2006 ซึ่งหาพวกเขาปรับไปเป็น 1,000 ซีซีจริง มันคือแรงจูงใจชั้นดีที่ผมจะบิดโมโตจีพีต่อไป" รอสซีเผย

พร้อมกันนี้เจ้าของแชมป์โลก 8 สมัย ยังเผยถึงโอกาสในการเปลี่ยนไปขับเอฟวันให้เฟอร์รารีว่า "ผมได้รับโอกาสอีกครั้งในการทดสอบรถเอฟวันที่บาร์เซโลนา มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม แต่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นผมเปลี่ยนไปขับเอฟวัน เพราะเวลานี้เป้าหมายหลักของผมยังคงเป็นยามาฮาอยู่เหมือนเดิม"

สำหรับการแข่งขันรุ่นโมโตจีพี (800 ซีซี) มีแนวโน้มว่าจะถูกฝ่ายจัดการแข่งขันปรับเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์ 1,000 ซีซี ในปี 2012 ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่ารอสซีที่มีสัญญาเป็นนักบิดค่ายเฟียต-ยามาฮา ไปจนจบฤดูกาล 2011 อาจตัดสินใจหันหลังให้วงการหากกติกาดังใหม่ไม่ถูกนำมาบังคับใช้

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

"รอสซี-ลอเรนโซ" เปิดตัวรถใหม่ก่อนเยือนไทย

วาเลนติโน รอสซี และฮอร์เก ลอเรนโซ 2 นักบิดซูเปอร์สตาร์แห่งทีมเฟียต-ยามาฮา ในศึกโมโตจีพี ร่วมเปิดตัวรถแข่งคันใหม่ของที่จะใช้ในฤดูกาล 2010 ก่อนที่ทั้งคู่จะมีคิวบินลัดฟ้ามาโชว์ตัวยังประเทศไทยในสุดสัปดาห์นี้ ที่ยามาฮา ไรเดอร์ คลับ ถ.รัชดา

ที่เซปัง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย เฟียต-ยามาฮา ทีมแข่งแชมป์โลกประจำศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก เปิดตัวทีมงานสำหรับโมโตจีพีฤดูกาลใหม่ พร้อมทั้งนำรถ YZR-M1 ให้วาเลนติโน รอสซี และฮอร์เก ลอเรนโซ 2 นักบิดประจำทีมลงทดสอบ

โดยฝ่ายจัดการแข่งขันได้กำหนดให้วันที่ 4 และ 5 ก.พ. เป็นการทดสอบอย่างเป็นทางการในรุ่นโมโตจีพี ซึ่งมีนักบิดชั้นนำมากมายร่วมทดสอบทั้งเคซีย์ สโตเนอร์ จากดูคาติ ,อัลบาโร เบวติสตา ,มาร์โก ซิมอนเชลลี รวมถึงวาเลนติโน รอสซี และฮอร์เก ลอเรนโซ

โดยลิน ยาร์วิส ผู้อำนวยการ ยามาฮา เรซซิง เผยหลังเปิดตัวนักบิดและทีมงานที่เซปังว่า "เราประสบความสำเร็จในปี 2009 ด้วยการคว้าแชมป์โลกทั้ง 2 ประเภท ซึ่งการป้องกันแชมป์ยากกว่าการคว้าแชมป์หลายเท่า แต่เราก็ยังมั่นใจว่าทั้งฮอร์เก และวาเลนติโน จะสร้างผลงานน่าประทับใจให้เราได้อีกครั้ง"

ซึ่งผลการเทสต์รถวันแรกปรากฎว่า "เดอะด็อกเตอร์" ทำเวลาต่อรอบเข้ามาดีที่สุดที่ 2 นาที 1.411 วินาที ซึ่งช้ากว่าสถิติเดิมที่ตัวเองเคยทำได้ในรอบควิอลิฟาย มาเลเซียน จีพี 2009 ราว 2 วินาที โดยมีเคซีย์ สโตเนอร์ อดีตแชมป์โลกปี 2007 ทำเวลาตามมาเป็นที่ 2

สำหรับรอสซี และลอเรนโซ มีคิวเดินทางมาโชว์ตัวร่วมกับยามาฮา ต้นสังกัดในประเทศไทยในสุดสัปดาห์นี้ ที่โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) ถ. รัชดาภิเษก วันเสาร์ที่ 6 ก.พ. ก่อนที่ วันอาทิตย์ที่ 7 จะไปร่วมงาน ยามาฮา เฟสติวัล ณ สนามบางกอก เรซซิง ลานกิจกรรมหลังซีคอนสแควร์

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

กุศมัย บุกตลาดรถ 3 ล้อ ส่งซูโมต้า 7 รุ่น ลุยตลาด ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 500 คัน ในปีนี้

ดร. วิโรจน์ กุศลมโนมัย กรรรมการผู้จัดการ บริษัท กุศมัย มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในยุคเศรษฐกิจพอเพียงเกษตรกรจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการผลิต ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวันส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเกษตรกรรมมีการขนส่งผลผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประกอบอาชีพอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีรถเพื่อการขนส่งหรือประกอบอาชีพ การซื้อรถปิ๊คอัพราคา 3-4 แสนบาท มาขนของต้องใช้เงินทุนจำนวนมากและมีค่าใช้จ่ายสูง กุศมัย มอเตอร์ เล็งเห็นว่ารถขนส่ง ปิ๊คอัพ 3 ล้อ น่าจะเป็นทางออกที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน เพราะราคาไม่แพงและคุ้มค่าต่อการใช้งานในยุคน้ำมันแพง

“ กุศมัย มอเตอร์ เตรียมเปิดตัว รถปิ๊คอัพ 3 ล้อ ซูโมต้า อีก 7 รุ่น ในกลางปีนี้ คือ 1.รุ่น ECO PLUS 2.รุ่น CARRY PLUS 3.รุ่น CARGO PLUS 4.รุ่น CONTAINER PLUS 5.รุ่น KIOSK PLUS 6.รุ่น MINI BUS PLUS และ 7.รุ่น SOS 199 PLUS เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มอาชีพและการใช้งาน ทั้งการขนของผลผลิตทางการเกษตร ขนส่งอาหาร ค้าขาย หรือขนส่งผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมีรถปิ๊คอัพ 3 ล้อ สำหรับดับเพลิงเบื้องต้น โดยทุกรุ่นจะใช้ เครื่องยนตร์ขนาด 200 ซีซี หรือ DH 200 Z ซึ่งเป็นเครื่องของรถจักรยานยนตร์ขนาดใหญ่ ขับเคลื่อนโดยใช้ระบบเพลาของรถบรรทุก 6 ล้อ โครงช่วงล่างแข็งแรงทนทานเสริมด้วยเหล็กแดงแชสซี ใช้เหน็บ 2 ชิ้น หนา 6 เซ็นติเมตร จำนวน 10 ชั้น สปริงโช๊คอัพทำจากเหล็กกล้าอย่างดี ตัวกระบะทำจากเหล็กกล้าอย่างหนา โดยรถเปล่าสามารถทำความเร็วได้ที่ 80-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อบรรทุกน้ำหนัก 1 ตัน ความเร็วอยู่ที่ 40-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้านการตลาดในปีแรกนี้มีดีลเลอร์ให้ความสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วกว่า 20 แห่ง ตั้งเป้ายอดจำหน่ายที่ 500 คัน หรือประมาณ 40 ล้านบาท และมีแผนงานที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ลาว พม่า กัมพูชา รวมถึงตลาดต่างประเทศอินเดีย และบังคลาเทศเพื่อเป็จตัวแทนจำหน่ายประจำภูมิภาคอีกด้วย ” ดร.วิโรจน์ กล่าว

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

เอ.พี.ฮอนด้า จัดงานแถลงข่าว "การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระบบหัวฉีดรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่"

บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด จัดงานแถลงข่าว "การเปิดตัวรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระบบหัวฉีดรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งร่วมทดสอบสมรรถนะการขับขี่" โดยงานแถลงข่าวในครั้งนี้ มีกำหนดจัดขึ้น

ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลลูม(Royal Jubilee Ballroom) อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์(Impact Challenger) เมืองทองธานี

ในวันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ระหว่างเวลา 09.30 - 14.00 น.

เพิ่มเติม http://www.newswit.com

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

มอ'ไซค์ฮอนด้าหนุนรัฐฯ รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ขานรับนโยบายสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) "I Love Gasohol 91" การันตีรถจักรยานยนต์ "ฮอนด้า" ทุกรุ่นใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ได้ 100% ตอกย้ำความต่อเนื่องหลังจากพัฒนาเครื่องยนต์รองรับแก๊สโซฮอล์มาตั้งแต่ปี 1989 โดยเฉพาะรถรุ่นยอดนิยมในปัจจุบัน ทั้งฮอนด้า คลิก ไอ, ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ, ฮอนด้า ซีแซด ไอ, ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ, ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ และรถจักรยานยนต์พรีเมียม "ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์" Top of Scooter สัญชาติไทยที่สร้างชื่อกระหึ่มโลกมาแล้วทุกรุ่นมาพร้อมกับเทคโนโลยีแห่งผู้นำ "ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGMFI" เหนือชั้นและข้ามขั้นสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้สบาย ตอกย้ำเจ้าตลาดตัวจริงของรถจักรยานยนต์เมืองไทยตลอดกาล น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเป็นจังหวัดที่มีจำนวนรถจักรยานยนต์มากที่สุดในประเทศคือมีจำนวนถึง 2,390,366 คัน ขณะเดียวกันยังมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน จำนวน 695 สถานี ซึ่งให้ความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ได้อย่างทั่วถึง โดยหากรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ก็จะทำให้ผู้ขับขี่ประหยัดค่าน้ำมัน และยังช่วยส่งเสริมการผลิตเอทานอลที่ผลิตจากพืชผลทางการเกษตรในประเทศ อันเป็นการช่วยเหลือภาคเกษตรกร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพลังงานในการพึ่งพาพลังงานในประเทศ

ทางด้าน ดร.อรรณพ พรประภา นายกสมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เป็นการรวมตัวกันของรถจักรยานยนต์ทั้ง 4 ค่ายที่ร่วมรณรงค์ส่งเสริมนโยบายของกระทรวงพลังงานด้านการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะการจัดแคมเปญในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ประกาศสนับสนุนนโยบายต่อเนื่องกับภาครัฐเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ของฮอนด้าในโครงการดังกล่าวทันที โดยเฉพาะล่าสุดกับการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่จากเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์มาสู่ยุคใหม่เพื่อโลก และวันข้างหน้า นำระบบเครื่องยนต์จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นรถฮอนด้าเวฟ ไอ, ฮอนด้า ซีแซด ไอ, ฮอนด้า คลิก ไอ, ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ, ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ และกับรถจักรยานยนต์พรีเมียม "ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์" ยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาส ซึ่งฮอนด้าตั้งใจจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีความทันสมัย เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้

นอกจากนี้ จากผลการทดลองศึกษาวิจัยและสอบรถจักรยานยนต์ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง ที่ทำการทดสอบรถจักรยานยนต์ "ฮอนด้า เวฟ" โดยวิ่งระยะทาง 100,000 กิโลเมตรมาแล้ว ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด ย่อมเป็นเครื่องการันตีและสะท้อนให้เห็นว่า รถจักรยานยนต์และระบบเครื่องยนต์ของฮอนด้าสามารถรองรับและให้ความมั่นใจ 100% กับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้อย่างแน่นอน โครงการ I LOVE GASOHOL 91 ที่จัดขึ้นในกรุงเทพมหานครในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 กับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงานได้จัดงาน "รวมพลคนใช้โซฮอล์ 91" ในทุกภูมิภาคอย่างยิ่งใหญ่ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นครราชสีมา และขอนแก่น) ภาคตะวันออก (เมืองพัทยา) ภาคเหนือ (นครสวรรค์) และภาคกลาง (กรุงเทพมหานคร)

กระทรวงพลังงงานได้ร่วมกับค่ายรถจักรยานยนต์รณรงค์ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 พร้อมกับแนะนำและให้ความรู้ความเข้าใจกับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ ทำให้ผู้ขับขี่เล็งเห็นความสำคัญมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เป็นผู้นำประกาศยืนยันมาโดยตลอดว่า รถจักรยานยนต์ฮอนด้าใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะการขับขี่ และระบบเครื่องยนต์

สำหรับรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่สามารถใช้หรือรองรับกับน้ำมันเบนซินแบบปกติ น้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ชนิด E10, น้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ E10 และน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ชนิด E20 ประกอบด้วย


เพิ่มเติม http://www.ryt9.com/s/bmnd/788104

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซูซูกิ ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป แจกไม่อั้น... โชค... ลาภ... รับตรุษจีน



ซูซูกิ ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จัดแคมเปญพิเศษ “แจกไม่อั้น... โชค...ลาภ... รับตรุษจีน” สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการที่ บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบว์ล,เมเจอร์ โบว์ล ฮิต และ ซับซีโร่ ไอซ์สเก็ต ทุกสาขา ตลอดเดือนกุมภาพันธ์นี้ ครบทุก 300 บาท ร่วมสนุกรับอั่งเปาลุ้นโชค 2 ชั้น 1 ใบ ลุ้นเป็นเจ้าของ... รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เจลาโต้ 2 คัน, มือถือ ไอ-โมบาย รุ่นทีวี 550 ทัช 5 รางวัล และของรางวัลอื่นๆ มากมาย รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท

โชคชั้นที่ 1 เปิดซองอั่งเปารับโชคทันที

อาทิ โบว์ลิ่งฟรี 1 เกม, โบว์ลิ่งฟรี เกมที่ 2, คาราโอเกะ ฟรี 1 ชั่วโมง, เล่นไอซ์สเก็ต ฟรี 1 ชั่วโมง, ส่วนลดค่าอาหาร 10 %, ส่วนลด 50 บาท สำหรับน้ำอัดลม เป็นต้น โชคชั้นที่ 2 เขียนชื่อ ที่อยู่ ส่งชิงโชคลุ้นเป็นเจ้าของ รถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เจลาโต้ 2 คัน มูลค่ารวม 90,000 บาท, มือถือ I-mobile TV 550 Touch 5 รางวัล, ฟรีเกมโบว์ลิ่ง 10 เกม 20 รางวัล, ฟรีคาราโอเกะ 5 ชั่วโมง 10 รางวัล, ฟรี เล่นไอซ์สเก็ต 6 เดือน 2 รางวัล จับรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 9 มีนาคม 2553 ที่ บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบว์ล รัชโยธิน และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 15 มีนาคม 2553 ที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ บลูโอ ริธึ่ม แอนด์ โบว์ล และ เมเจอร์ โบว์ ฮิต ทุกสาขา


เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/News/Detail/News10-0202.asp

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ฮอนด้าหนุนนโยบายรัฐ “I Love Gasohol 91” โชว์ความเหนือชั้น ข้ามขั้นด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI ใช้ E20 ได้สบาย

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ขานรับนโยบายสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) “I Love Gasohol 91” การันตีรถจักรยานยนต์ “ฮอนด้า” ทุกรุ่นใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ได้ 100% ตอกย้ำความต่อเนื่องหลังจากพัฒนาเครื่องยนต์รองรับแก๊สโซฮอลมาตั้งแต่ปี 1989 โดยเฉพาะรถรุ่นยอดนิยมในปัจจุบัน ทั้งฮอนด้า คลิก ไอ, ฮอนด้า เวฟ110 ไอ, ฮอนด้า ซีแซด ไอ, ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ, ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ และรถจักรยานยนต์พรีเมียม “ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์” Top of Scooter สัญชาติไทยที่สร้างชื่อกระหึ่มโลกมาแล้วบนเวที “โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41” ด้วยทุกรุ่นที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแห่งผู้นำ “ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI” เหนือชั้นและ ข้ามขั้นสามารถรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 ได้สบาย ตอกย้ำเจ้าตลาดตัวจริงของรถจักรยานยนต์เมืองไทยตลอดกาล และที่สุดแห่งเทคโนโลยียนตรกรรมแห่งการขับขี่ ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ปัจจุบันน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เลือกใช้มากที่สุดกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้ผู้ขับขี่คิดว่า หากใช้แล้วเครื่องยนต์ไม่แรง สะดุด เร่งไม่ขึ้น อย่างไรก็ตาม จากการที่กระทรวงพลังงงานได้ร่วมกับค่ายรถจักรยานยนต์รณรงค์ให้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 พร้อมกับแนะนำและให้ความรู้ความเข้าใจกับน้ำมันแก๊สโซออล์ ทำให้ผู้ขับขี่เล็งเห็นความสำคัญมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เป็นผู้นำประกาศยืนยันมาโดยตลอดว่า รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ใช้ได้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ได้อย่างไม่มั่นใจ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถนะการขับขี่ และระบบเครื่องยนต์

ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน (สนพ.) จัดกิจกรรมโครงการประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กับรถจักรยานยนต์ 4 จังหวะ ด้วยการจับมือกับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ทุกค่ายในประเทศไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ภายใต้แนวคิด “I Love Gasohol 91” โดยมุ่งส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ในรถจักรยานยนต์ และสานต่อโครงการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 กับรถจักรยานยนต์ที่ผ่านมา พร้อมให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสร้างความมั่นใจการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการใช้อย่างแพร่หลายและถาวร ซึ่งเป็นการสนองนโยบายกระทรวงพลังงานที่มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทุกรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้เพิ่มปริมาณการใช้เอทานอลให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ ส่งผลในการส่งเสริมรายได้กับเกษตรกรและประเทศชาติ

บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ไม่รอช้าเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นสูงสุดแก่ผู้บริโภคและผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าอีกครั้ง ประกาศสนับสนุนนโยบายต่อเนื่องกับภาครัฐเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ของฮอนด้าในโครงการดังกล่าวทันที โดยเฉพาะล่าสุดกับการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่จากเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์มาสู่ยุคใหม่เพื่อโลก และวันข้างหน้า นำระบบเครื่องยนต์จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI มาติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า ไม่ว่าจะเป็นรถฮอนด้าเวฟ ไอ, ฮอนด้า ซีแซด ไอ, ฮอนด้า คลิก ไอ, ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ, ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ และกับรถจักรยานยนต์พรีเมียม “ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์” ยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาสที่สร้างชื่อกระหึ่มโลกมาแล้วบนเวที “โตเกียว มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41” ซึ่งฮอนด้าตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีความทันสมัย เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดผู้บริโภคและคนทั่วไป ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยของระบบเครื่องยนต์ใหม่ระบบหัวฉีด PGM-FI ที่สามารถเข้าใกล้ไลฟสไตล์วัยรุ่น นับเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ ที่ครองใจผู้บริโภคจนเป็นเจ้าของยอดจำหน่ายอันดับ 1 ต่อเนื่องมากว่า 21 ปี

นอกจากนี้จากผลการทดลองศึกษาวิจัยและสอบรถจักรยานยนต์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง ที่ทำการทดสอบรถจักรยานยนต์ “ฮอนด้า เวฟ” โดยวิ่งระยะทาง 100,000 กิโลเมตรมาแล้ว ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์แต่อย่างใด ย่อมเป็นเครื่องการันตีและสะท้อนให้เห็นว่า รถจักรยานยนต์และระบบเครื่องยนต์ของฮอนด้าสามารถรองรับและให้ความมั่นใจ 100% กับการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ได้อย่างแน่นอน

นายอารักษ์ พรประภา รองกรรมการ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าให้การสนับสนุนนโยบายของภาครัฐมาโดยตลอด โดยเฉพาะครั้งนี้เป็นการรณรงค์ส่งเสริมนโยบายของกระทรวงพลังงานด้านการใช้พลังงานทดแทนแก๊สโซฮอล 91 เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ 4จังหวะให้หันมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ได้อย่างมั่นใจ โดยฉพาะระบบเครื่องยนต์จ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ของฮอนด้า เช่น เวฟ ไอ, ฮอนด้า ซีแซด ไอ, ฮอนด้า คลิก ไอ, ฮอนด้า แอร์เบลด ไอ, ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ และพีซีเอ็กซ์ ที่เหนือชั้นและข้ามขั้นกว่าใครๆ ซึ่งฮอนด้าตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีความทันสมัย เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุดผู้บริโภคและคนทั่วไป ดังนั้นผู้บริโภคและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของฮอนด้ามั่นใจในอุปกรณ์และระบบเครื่องนต์ของฮอนด้าได้อย่างมั่นใจและสบายใจ

เพิ่มเติม http://www.newswit.com

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ครั้งแรกในเมืองไทย YAMAHA Automatic Festival 2010 สุดยิ่งใหญ่อลังการ



ร่วมต้อนรับแชมป์โลกโมโตจีพี 5 สมัย วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อย่างใกล้ชิด ในงาน มหกรรม ยามาฮ่า ออโตเมติก เฟสติวัล 2010 ครั้งยิ่งใหญ่
พร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดกับพรีเซ็นเตอร์สุดเซอร์ไพรส์ ร่วมทดสอบรถออโตเมติกใหม่ในสนามแข่งสุดท้าทายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น

- สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับนักแข่งแชมป์โลก และรองแชมป์โลก โมโตจีพี ปีล่าสุด วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่
- ชมเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และความเป็นมาของผู้นำรถออโตเมติกทุกรุ่นใน โดมไฮเทค
- ช้อปของแต่งรถจักรยานยนต์หลากหลายรายการและเสื้อผ้ายามาฮ่าในราคาสุดราคาพิเศษ
- ชมการดวลแข้งระหว่างดาราซุปเปอร์สตาร์ปะทะยามาฮ่าคลับ ชาว Red Deva

และ Yamaha Red Deva Futsal Cup การแข่งขันฟุตซอลของยามาฮ่าคลับชาว Red Deva โดยทีม Release Fino Club จะพบกับ ทีม มหาดไทยฟีโน่ คลับ และ ทีม Red Bike จะพบกับ ทีม My Style Club

- ชิงรางวัลสุดพิเศษแพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมดูการแข่งขัน MotoGP ประเทศมาเลเซีย
- ชมการ MODIFY รถ และ ตกแต่งรถจากช่างผู้ชำนาญ
- ชมรถแต่งออโตเมติกกว่า 200 คัน ร่วมโชว์ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์การตกแต่งที่ไร้ขีดจำกัดทางความคิด
Automatic Bike Show By Club จากทั่วประเทศ
- การทดสอบรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดในสไตล์ DRAG ที่ตื่นเต้นและท้าทาย
- ทดสอบความแรงรถของคุณด้วยเครื่อง DYNO TEST
- โชว์สนุกๆจาก ปอม ปอม เกิร์ล
- ร่วมสนุกกับเกมสไตล์สปอต ของรางวัลเพียบ
- ลูกค้ายามาฮ่าลงทะเบียนรับของที่ระลึกฟรี! พร้อมลุ้นรางวัลในงานอีกเพียบ
- ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก Body Slam


เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1144

ข่าวที่เกี่ยวข้อง