วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ยามาฮ่าเปิดตัว “ฟีโอเร่ หัวฉีดใหม่” มอเตอร์ไซค์ เทรนดี้

ยามาฮ่าเปิดตัว “ฟีโอเร่ หัวฉีดใหม่” มอเตอร์ไซค์เทรนดี้ พลิกโฉมวงการเจาะกลุ่มวัยรุ่นหญิงมีสไตล์ พร้อมพรีเซ็นเตอร์เกาหลี 4 สาวสุดฮอต 2NE1 สร้างความแตกต่างอย่างเหนือชั้น



บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติก รุกสร้างกลยุทธ์การตลาดแนวใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เปิดเซกเม้นต์ใหม่เพิ่มขึ้น สร้างกระแส กระตุ้นตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยครั้งใหญ่อีกครั้ง หลังจากเมื่อ 4 ปีก่อนส่งรถจักรยานยนต์ออโตเมติก “ยามาฮ่า ฟีโน่” สไตล์โมเดิร์น คลาสสิก เพิ่มความคึกคักให้ตลาดรถจักรยานยนต์จนประสบความสำเร็จในด้านยอดขาย และเป็นผู้นำเทรนด์กับรถจักรยานยนต์ระบบออโตเมติกตัวจริง ล่าสุดประกาศเดินหน้าเปิดตัวรถ “ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” ออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับระบบ “หัวฉีดอัจฉริยะ YMJET (ยามาฮ่า เอ็ม เจ็ท)” พร้อมด้วยเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล และตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ออโตเมติกด้วยล้อขนาด 12 นิ้ว

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2010 ถือว่าเป็นปีที่น่าพอใจอีกปีหนึ่ง เพราะสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีถึงกลางปีมีการเติบโตเพิ่มขึ้น ราคาพืชผลทางเกษตรมีราคาสูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้ที่สามารถจับจ่ายซื้อของได้ ถึงแม้ในช่วงปลายปีได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัดก็ตาม ยามาฮ่าคาดว่าตัวเลขรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ปี 2010 จะอยู่ที่ 1.83 ล้านคัน มีอัตราเติบโต 19% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่มียอดรวมอยู่ที่ 1.54 ล้านคัน สำหรับยามาฮ่าคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนประมาณ 480,000 คัน และมีส่วนแบ่งตลาด 26% ส่วนยอดการขายถึงผู้จำหน่ายยามาฮ่า จะได้มากกว่า 500,000 คัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นยอดขายที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และในปีนี้จะเห็นว่าเป็นปีแรกที่สัดส่วนของรถออโตเมติกสูงกว่ารถเกียร์ธรรมดา ซึ่งมีสัดส่วนดังนี้ รถออโตเมติก 51% และรถเกียร์ธรรมดา 49%

ตามที่ บริษัทฯ ได้มีนโยบายเน้นกลยุทธ์แบบไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง เน้นเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการความแตกต่าง และชื่นชอบแฟชั่นที่ทันสมัย ผนวกกับการวิจัยผู้บริโภคเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ เล็งเห็นว่าความต้องการของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น และมีความต้องการรถที่มีสไตล์ที่แตกต่าง ดังนั้นเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการผู้บริโภคกลุ่มนี้ที่ถือเป็นเซกเม้นต์ใหม่ ยามาฮ่าจึงได้ออกแบบรถจักรยานยนต์ให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ยามาฮ่าจึงส่ง “ยามาฮ่า ฟีโอเร่” ที่มาพร้อมกับสโลแกน “Smart’n in Style สมาร์ท...แบบมีสไตล์” รถจักรยานยนต์สไตล์ เทรนดี้ใหม่ล่าสุดสู่ตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงปลายปี อีกทั้งยังเป็นรถจักรยานยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ YMJET เทคโนโลยีระบบหัวฉีดใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังเป็นการส่งรถจักรยานยนต์เทรนด์ใหม่ที่มีล้อขนาด 12 นิ้ว เป็นรายแรกในประเทศไทยอีกด้วย”

สำหรับ “ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” มีจุดเด่นหัวฉีดอัจฉริยะ YMJET และตอกย้ำความเป็นผู้นำ เทรนด์ออโตเมติกด้วยล้อขนาด 12 นิ้ว พร้อมสุดยอดเทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล เน้นเอกลักษณ์ดีไซน์เฉพาะตัว เช่น
* ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ออโตเมติก 115 ซีซี ประหยัดน้ำมันที่สุดถึง 51 กิโลเมตร/ลิตร*
* ชุดระบบหัวฉีด YMJET รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.**
* เทคโนโลยีกระบอกสูบไดอะซิล ที่ผลิตจากอลูมินัมซิลิกอนอัลลอย เบา ระบายความร้อนได้ดีกว่ากระบอกสูบแบบธรรมดา รับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กม.***
* แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5 แอมป์ มากกว่าในรถขนาดเดียวกัน จึงสตาร์ทง่ายและใช้งานได้นาน
* ครั้งแรกในประเทศไทย หน้าปัดฟรีฟอร์มพร้อมสมาร์ทไลท์บอกสภาพเครื่องยนต์ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานอัจฉริยะ ไฟโชว์สภาพเครื่องยนต์ทุกครั้งที่สตาร์ท และเตือนให้เช็คระยะทุก 4,000 กิโลเมตร
* ที่วางเท้ากว้างที่สุด ในรถขนาดเดียวกัน สะดวกสบายในการขับขี่ และขณะขึ้น-ลง พร้อมที่พักเท้าคนซ้อนดีไซน์พับเก็บไปกับตัวรถ
* ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 ไม่เพียงแค่ผ่าน แต่ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ยังมีค่าไอเสียน้อยกว่าที่กำหนดไว้ในมาตรฐานไอเสียระดับ 6 จึงยิ่งมั่นใจ และหมดห่วงเรื่องอากาศเสีย
* ที่เก็บของอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ 17 ลิตร ใหญ่สุด จุของได้มากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน
* ช่องเติมน้ำมันอัตโนมัติตำแหน่งใหม่ สะดวกสบายมากขึ้น เติมได้โดยไม่ต้องลงจากรถ
* เปิดเบาะ และฝาน้ำมันสะดวกโดยไม่ต้องดึงกุญแจออก ปลอดภัยด้วยกุญแจนิรภัย 2 ชั้น แค่บิดกุญแจ เบาะหรือฝาน้ำมันก็เปิดออกได้โดยง่าย ช่องเก็บของด้านหน้าจะใส่หรือหยิบก็สะดวกยิ่งขึ้น
* ล้อเล็กเทรนด์ใหม่ ล้อแม็กซ์ขนาด 12 นิ้ว ขี่ง่าย และเท่ ไม่มียางใน ไม่มีรั่วซึม หน้ายางกว้างขึ้น เกาะถนนมากขึ้น
* สว่างจัดชัดไกล ดีไซน์ COOL ไฟหน้าดีไซน์แยกส่วน ดวงใหญ่ส่องไกลสว่างชัดเจน พร้อมไฟกระพริบฉุกเฉินเหมือนรถยนต์ ปลอดภัยเป็น 2 เท่า
* ไฟท้ายแยกส่วน กลมกลืนไปกับที่จับกันตก ไฟท้ายสว่างชัดทุกระยะ แยกส่วนกับไฟเลี้ยวข้างรถอย่างลงตัว กลมกลืนกับที่จับกันตกวัสดุคุณภาพสูง
*ผ่านการทดสอบ Mode ECE R40 ตามมาตรฐาน TISI (สำนักงานมาตรฐาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)

** รับประกันชิ้นส่วน: หัวฉีด กล่องควบคุมการทำงานเครื่องยนต์ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ตรวจวัดปริมาณอ๊อกซิเจน และชุดเรือนลิ้นเร่ง
*** รับประกันชิ้นส่วน: เสื้อสูบไดอะซิล ลูกสูบ และแหวนลูกสูบ

“ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด” แตกต่างด้วยคอนเซ็ปต์ที่โดดเด่น ไม่ซ้ำแบบใคร ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์รถออโตเมติกตัวจริงด้วยล้อแม็กซ์ขนาด 12 นิ้ว โดนใจวัยรุ่นยุคใหม่ ถึง 3 สไตล์ ราคาพิเศษช่วงแนะนำ 44,500 บาท (รวม VAT, ไม่รวมทะเบียน และ พ.ร.บ.) ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายการขายไว้ 10,000 คันต่อเดือน

Make Up Your Cute
iCUTE Collection แต่งให้คิ้วท์ บิวติฟูล ไบค์... มีให้เลือก 3 สี
* สีเขียว
* สีชมพู
* สีม่วง

Make Up Your Chic
iCHIC Collection เปรี้ยวจี๊ดจ้าด เทรนด์โดนใจ... มีให้เลือก 3 สี
* สีแดง-ดำ
* สีเขียว-ดำ
* สีน้ำเงิน-ส้ม

Make Up Your Cool
iCOOL Collection อัพความเท่ เสน่ห์อยู่ที่ความคูล... มีให้เลือก 2 สี
* สีดำ-น้ำตาล
* สีขาว-แดง

สำหรับแผนการตลาด และการสื่อสารของ "ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด" ยามาฮ่าได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำกิจกรรมการตลาด ในครั้งนี้ได้นำเอาศิลปินสุดฮอตชาวเกาหลี 4 สาว วง 2NE1 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ และนับได้ว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้มีการทำเพลง และจัดทำมิวสิควีดีโอ ซึ่งขับร้อง และแสดงโดย พรีเซ็นเตอร์ให้กับตัวสินค้า" ยามาฮ่า ฟีโอเร่" สำหรับชื่อเพลงนี้คือ Don't stop the music เป็นเพลงที่สดใส สนุกสนาน ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่น และที่พิเศษสุดๆ สำหรับแฟนคลับวง 2NE1 จะได้ฟังเพลงและชมมิวสิควีดีโอ เป็นที่แรกของโลกอีกด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีสื่อโฆษณาอีกมากมาย ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ สปอตวิทยุ สือกลางแจ้ง สื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร เป็นต้น เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึงอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับผู้จำหน่ายยามาฮ่าจัดกิจกรรมโปรโมท ยามาฮ่า ฟีโอเร่ ที่โชว์รูมทั่วประเทศ และเดินหน้าจัดกิจกรรมเปิดตัวในช่วงปลายปีแห่งแรกที่กรุงเทพฯ Urban Space ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวต่อลูกค้า และประชาชนทั่วไป คอนเซ็ปของงานเป็น FIORE Night Party ซึ่งจะมีกิจกรรมที่ทันสมัย และน่าสนใจมากมาย ทั้งพบปะดาราที่ชื่นชอบ และมีการแสดง concert จากศิลปินไทย และวง 2NE1 ส่วนในต่างจังหวัดได้ร่วมโปรโมทไปกับงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ( งาน Countdown) ใน 4 จังหวัด ชลบุรี(พัทยา) ภูเก็ต ขอนแก่น และอุดรธานี เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปและในปีหน้าได้วางแผนจัดกิจกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ได้จัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการขายในช่วงเปิดตัวนี้ โดยลูกค้าที่ซื้อ ยามาฮ่า ฟีโอเร่ หัวฉีด ทุกคัน จะได้รับ "ฟีโอเร่ สไตล์ลิช กิฟท์ เซ็ท" ประกอบด้วย ฝาครอบเรือนไมล์ และฝาครอบไฟหน้า อุปกรณ์ตกแต่งแท้ของยามาฮ่าเพื่อตกแต่งให้รถดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับหมวกกันน็อคสวยเก๋ลายเดียวกับตัวรถ 1 ใบ รวมมูลค่า 1,100 บาท ฟรี ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2554 อีกทั้งลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลลงในใบสมัครใต้เบาะ แล้วส่งกลับมาที่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เฉพาะลูกค้า 3,000 คันแรกเท่านั้น จะได้รับบัตรสมาร์ทเพิร์ส ฟีโอเร่ รุ่น Limited Edition บัตรเงินสด เท่สุด ช้อปง่ายได้แต้มอื่นๆ อีก มูลค่ารวมกว่า 1,600 บาท เช่น กระเป๋าสตางค์ FIORE Purse 1 ใบ แต้มสะสมทันที 5,000 แต้ม (มูลค่า 100 บาท) ใช้แทนเงินสดได้ทันที และคูปอง FIORE Smart Plus หลากหลายสิทธิพิเศษตรงใจรองรับทุกสไตล์

เพิ่มเติม : http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1415

วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เผยโฉมรถสปอร์ต CBR250R ครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชน

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำศักยภาพความยิ่งใหญ่ระดับโลก
เผยโฉมรถสปอร์ตหรูล้ำตัวล่าสุด CBR250R ครั้งแรกสู่สายตาสาธารณชน
ในงาน Thailand International Motor Expo 2010


รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย โชว์ศักยภาพสุดขีดความแรงเหนือระดับ เอาใจผู้รักในความเท่แบบรถสายพันธุ์สปอร์ตระดับโลก ส่งรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีด PGM-FI รุ่นใหม่ “ฮอนด้า ซีบีอาร์ 250 อาร์ (Honda CBR250R)” อวดโฉมสู่สายตาสาธารณชนชาวไทยเป็นที่แรก ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 27 (Thailand International Motor Expo 2010) วันที่ 2-12 ธันวาคม 2553 ณ IMPACT Challenger 1-3 เมืองทองธานี โดยการเข้าร่วมงานในครั้งนี้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าหวังเจาะกลุ่มเซ็กเมนต์ตลาดระดับบน แนะนำประสบการณ์แห่งการขับขี่รูปแบบใหม่กับรถสปอร์ตเท่สไตล์หรูที่คู่ควรกับผู้ขับขี่รถยนต์ทุกท่าน พร้อมวางแผนการจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2553 เป็นต้นไป ณ ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทั่วประเทศ สนนราคาเริ่มต้นที่ 100,000 บาท พร้อมพิเศษสุด! ด้วยข้อเสนอเหนือระดับสุดคุ้มต้อนรับงานมอเตอร์เอ๊กซ์โป วันนี้ถึง 31 ธันวาคมนี้ ซื้อฮอนด้า ซีบีอาร์ รับทันที “CBR Platinum Package” แพคเกจรวม 2 สุดยอดสิทธิประโยชน์เหนือระดับ บริการ Honda Roadside Assistance และ Free Maintenance Coupon บำรุงรักษารถฟรีตลอด 1 ปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Honda Call Center 0-2725-4000

รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น CBR250R เป็นรถสปอร์ตเท่สไตล์หรูที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีชั้นเลิศ พร้อมอุปกรณ์ติดรถครบครันเทียบชั้นรถสปอร์ตระดับโลก ครั้งแรกของฮอนด้ากับการพัฒนาเครื่องยนต์ 250 ซีซี 4 จังหวะ 6 เกียร์ ระบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับเฉกเช่นรถบิ๊กไบค์ ด้วยความรู้สึกใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครสัมผัสมาก่อน พร้อมโฉมรูปลักษณ์ขนาดใหญ่ ให้ความเท่สะดุดตาแบบสปอร์ตี้ฟลูคาวลิ่ง (Sporty Full Cowling) ตัวถังมีขนาดกระทัดรัดและน้ำหนักเบาได้รับการออกแบบอย่างปราณีตให้มีรูปทรงคล้ายเพชร แข็งแกร่งและโฉบเฉี่ยว คงไว้ซึ่งความคล่องแคล่ว ปราดเปรียวอย่างรถสปอร์ต ขณะที่ดีไซน์บังลมช่วยให้การควบคุมการขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัว ง่ายต่อการควบคุมและขับขี่ นอกจากนั้น ยังเสริมด้วยสมรรถนะความแรงเร้าใจของระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด PGM-FI ที่เสริมดีกรีความแรงที่สุดของการขับเคลื่อน ประหยัดน้ำมันสุดยอด ด้วยอัตราประหยัดน้ำมัน 27 กม./ ลิตร เผาไหม้หมดให้ความสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานยูโร 3 และมาตรฐานควบคุมไอเสียระดับ 6

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับในส่วนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย CBR250R ได้รับการติดตั้งคอมบายเบรก ABS สำหรับรถสปอร์ต ในระดับ 250 ซีซี เป็นครั้งแรกของโลก โดยระบบคอมบายเบรกแบบ ABS นี้ช่วยให้รถทรงตัวได้ดีขณะเบรก และช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายแม้หยุดกระทันหัน ซึ่งคอมบายเบรก ABS เป็นการผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง ระบบคอมบายเบรก (CBS, ระบบเบรคที่เชื่อมต่อกันระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง) และระบบป้องกันล้อล็อค (ABS, ระบบเบรคที่ป้องกันล้อล็อคในระหว่างการเบรคกระทันหัน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา) พร้อมอุปกรณ์ล้ำหน้าเทียบรถใหญ่ระดับโลก เติมเต็มขีดสุดของความมั้นใจทั้ง Front-Rear Disk Brake (ดิสก์เบรกหน้าลูกสูบคู่ สำหรับรุ่นที่ไม่มี ABS), Pro-Link Rear Suspension โช้คหลังแบบโปรลิงค์ ปรับได้ 5 ระดับตามน้ำหนักบรรทุก หรือสภาพถนน เพื่อลดแรงกระแทกขณะขับขี่ ให้การทรงตัวดีเยี่ยม ให้ทุกการเลี้ยวโค้งแน่วแน่และมั่นใจ, Engine Stop Switch สวิตซ์หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่, รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานเฉพาะรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ในต่างประเทศอย่าง Passing Light ระบบไฟขอทาง สะดวกปลอดภัยเมื่อต้องการใช้ความเร็ว

ทั้งนี้ ในส่วนของด้านแผนการตลาด Honda CBR250R ได้ถูกวางตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นรถสปอรต์หรูระดับบน ภายใต้คอนเซปต์การสื่อสารการตลาด “To Know the Unknown” ที่จะสะท้อนเอกลักษณ์ความเท่กับประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่ของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก โดย Honda CBR250R นำความเท่แบบสปอร์ตหรูล้ำมาให้เลือกตามสไตล์ความเท่ถึง 2 รุ่น คือรุ่น Standard และรุ่น Combined ABS โดยแต่ละรุ่นจะมีให้เลือกถึงรุ่นละ 3 โทนสีลุคสปอร์ต คือสีแดง-เทา RED Hero, สีเทา GRAY และสีดำ-เทา Black Knight เริ่มวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 10 เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นในรุ่น Standard ที่ 100,000 บาท และราคาเริ่มต้นในรุ่น Combined ABS ที่ 115,000 บาท

เทคโนโลยีความเท่สไตล์สปอร์ตระดับโลกกับประสบการณ์ครั้งใหม่ของ Honda CBR250R ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ.........Honda CBR250R…To Know the Unknown



เพิ่มเติม : http://www.aphonda.co.th/

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ยามาฮ่าคลอดรถใหม่ หัวฉีด-ออโต้รุ่นแรก


ค่าย "ยามาฮ่า" เตรียมปล่อยทีเด็ด รถจักรยานยนต์ออโตเมติก เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ กำหนดเปิดตัว 2 ธันวาคมนี้ โดยเป็นโมเดลพัฒนาใหม่หมด หวังท้าชนเจ้าตลาด "ฮอนด้า" ที่ฟุ้งเรื่องหัวฉีดมานาน พร้อมปรับเป้าขายรวมปีนี้เพิ่มเป็น 5.1 แสนคัน

จินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถจักรยานยนต์ออโตเมติกตัวจริง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทเตรียมส่ง รถออโตเมติก พร้อมเครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ลุยตลาด และเตรียมเปิดตัวกับสื่อมวลชนวันที่ 2 ธันวาคมนี้ ที่โรงแรมริเวอร์ไซค์ กรุงเทพฯ

"รถที่เตรียมเปิดตัวต้นเดือนธันวาคมนี้ จะเป็นรถเครื่องยนต์หัวฉีดโมเดลที่สองของยามาฮ่า (โมเดลแรก "สปาร์ก 135ไอ" เกียร์ธรรมดา) แต่ถือเป็นโมเดลแรกที่เป็นเครื่องยนต์หัวฉีด ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ เชื่อว่าหลังการเปิดตัวจะสร้างความคึกคักให้ตลาดช่วงปลายปีได้เป็นอย่าางดี"

ในส่วนยอดขายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค.2553)ทำได้ 401,218 คัน เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว(354,879 คัน) ขณะเดียวกันบริษัทยังปรับเป้าหมายการขายในปีนี้เป็น 510,000 คัน สูงกว่าที่คาดการไว้ช่วงต้นปี 480,000 คัน

จินตนา กล่าวว่า แม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำท่วมในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าปลายปีตลาดจะกลับมาสดใสอีกครั้ง อย่างปีนี้บริษัทจะทำยอดขายรวมได้ถึง 510,000 คัน ขยายตัว 19% เมื่อเทียบกับปี 2552 ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดอาจจะลดลงจาก 28% เป็น26% ซึ่งบริษัทไม่ได้ถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร เพราะผ่านมาก็มียอดขายโตขึ้นตลอด

นอกจากนี้เพื่อเป็นการรองรับยอดขายรถจักรยานยนต์ที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เปิดตัวน้ำมันเครื่องยามาลู้ปสูตรใหม่ "Yamalube ECO PLUS " น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ระดับพรีเมียม เกรด 10W-40 ตัวแรกของยามาฮ่า สำหรับรถจักรยานยนต์ออโตเมติก 4 จังหวะ เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ที่ต้องการน้ำมันครื่องประสิทธิภาพสูง ในราคาที่คุ้มค่า คาดว่าหลังการเปิดตัวจะทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มากกว่า 50%

เพิ่มเติม :
http://www.langrod.com/

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ปิดไตรมาส 3 มอ'ไซค์ขาย 1.4 ล้านคัน


ผ่าน 3 ไตรมาสของปี 2553 ตลาดรถจักรยานยนต์ยังแรงไม่หยุด ด้วยยอดขายรวม 1,404,626 คัน โต 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรถแบบเอ.ที ยังได้รับความนิยมสูงสด หรือคิดเป็นสัดส่วน 51% จากยอดขายรถทุกประเภท

ธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปิดฉากไตรมาสสามของปี เติบโตสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 1,404,626 คัน โดยฮอนด้าเจ้าเดียวโตขึ้น 27% พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 68%

“เหตุผลส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยเติบโตขึ้นนี้ สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด โดยเฉพาะค่ายฮอนด้าเอง ในฐานะของผู้นำตลาด ได้เตรียมส่งความหลากหลายของสินค้า ในทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นในประเภทรถครอบครัว รถเอ.ที และล่าสุดกับรถสปอร์ต เพื่อเติมเต็มในทุกส่วนของความต้องการของผู้บริโภค และเติมเต็มให้เหนือยิ่งกว่า ด้วยการตอบสนองในส่วนที่เหนือความต้องการเพื่อมุ่งเปิดเซกเมนต์ใหม่ๆ ขยายตลาดรถจักรยานยนต์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น”

ด้านตัวเลขสะสม 9 เดือนแรกของปีของตลาดรถจักรยายนต์เมืองไทย มียอดจำหน่ายรวมที่ 1,404,626 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที 716,848 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 51%, แบบครอบครัวที่ 643,927 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46%, แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 18,718 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1%, แบบสปอร์ต 6,998 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 18,135 คัน

หากแบ่งแยกตามประเภทของผู้ผลิต ฮอนด้ามียอดจดทะเบียนที่ 954,901 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 68%, ยามาฮ่า 366,499 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 26%, ซูซูกิ 51,070 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 16,634 คัน อัตราครองตลาด 1% , เจอาร์ดี 237 คัน, แพล็ตตินั่ม 565 คัน, ไทเกอร์ 1,577 คัน และอื่นๆ 13,143 คัน

สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนกันยายน 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 152,366 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที 78,617 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 52% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนที่ 70,788 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% สำหรับรถจักรยานยนต์ในแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 631 คัน, แบบสปอร์ต 421 คัน และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,909 คัน

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนกันยายน รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 102,672 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 67%, ยามาฮ่า 40,716 คัน อัตราครองตลาด 27%, ซูซูกิ 5,480 คัน อัตราครองตลาด 4%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,642 คัน , เจอาร์ดี 11 คัน, แพล็ตตินั่ม 87 คัน, ไทเกอร์ 177 คัน และอื่นๆ 1,581 คัน

เพิ่มเติม : http://www.langrod.com/

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเดินเกมตลาดรถสปอร์ต

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า อัดฉีดความแรงเร้าใจ ปลุกกระแสความมันส์ เดินเกมตลาด
รถสปอร์ต กับ “Honda CBR150R FI” รถสปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทย


รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย ประกาศความสำเร็จสุดยิ่งใหญ่เป็นรายแรกกับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนยุคแห่งการขับขี่สู่ยุคหัวฉีด ก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งขัน ด้วยการพัฒนามอเตอร์ไซต์หัวฉีดได้หลากสไตล์ ครองใจผู้บริโภคได้ครบทุกเซ็กเมนต์ โดยล่าสุดวันนี้! กับการอัดฉีดกลยุทธ์ความแรงหัวฉีดในเซกเมนต์ใหม่ล่าสุดกับยนตรกรรมสปอร์ตเร้าใจรุ่น “Honda CBR150R FI” ครั้งแรกของเมืองไทยกับรถสปอร์ตเครื่องยนต์ 150 ซีซี ขุมพลังหัวฉีด PGM-FI รูปโฉมดีไซน์ใหม่ให้อารมณ์เดียวกับรถสปอร์ตคันเท่ระดับโลก หวังปลุกกระแสความเร้าใจของตลาดรถสปอร์ตในเมืองไทยให้กับมาโหมกระหน่ำอีกครั้ง โดยตั้งเป้าการจำหน่ายของรถสปอร์ตรุ่นนี้ที่ 10,000 คันต่อปี ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 75,900 บาท พร้อมเตรียมเผยโฉมอย่างเป็นทางการ และเปิดให้ทดลองขับยนตรกรรมสปอร์ตสุดร้อนแรงคันใหม่นี้ได้ที่งาน “Big Fun Fest by Honda” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันที่ 30 ตุลาคมนี้ แฟนมอเตอร์ไซต์ตัวจริง ไม่ควรพลาด!

มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงกระแสการกลับมาของรถสปอร์ตของเมืองไทยในครั้งนี้ว่า “การวางจำหน่าย All new Honda CBR150R FI ในครั้งนี้ คืออีกหนึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของฮอนด้า โดยการรุกตลาดรถสปอร์ตหัวฉีดนี้ทำให้กลยุทธ์และเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงยุคแห่งการขับขี่ สู่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ของฮอนด้าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบ โดยฮอนด้าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งตลาด ไม่ว่าจะเป็นในตลาดประเภทรถ เอ.ที, รถครอบครัว และล่าสุดวันนี้กับตลาดรถสปอร์ต ซึ่ง Honda CBR150R FI ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ฮอนด้าจะปลุกกระแสตลาดรถสปอร์ตของเมืองไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยฮอนด้า ซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตลาดรถจักรยานยนต์ประเทศไทยโดยเฉพาะ การพัฒนาได้คำนึงถึงความต้องการของลูกค้าชาวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ทั้งการพัฒนาติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ตลอดจนเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่ให้เป็น Image รถบิ๊กไบค์ระดับโลกรอบคัน เรามีความตั้งใจว่า ลูกค้าจะรู้สึกได้ถึงความยินดีในรูปแบบสปอร์ตมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าการปรากฏโฉมของ All New Honda CBR150R FI นี้จะสร้างความพึงพอใจอย่างล้ำลึกให้กับลูกค้าที่รอคอยมาอย่างยาวนานได้แน่นอน”

สำหรับความแรงเร้าใจของ Honda CBR150R FI รถจักรยานยนต์ซีตี้สปอร์ตหัวฉีดตัวแรกของเมืองไทยคันนี้ ได้อินไซต์ของคนที่มีใจรักความแรง และความท้าทายเป็นพื้นฐาน อย่างนักแข่งรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์” หนุ่มนักบิดหนึ่งเดียวของชาวไทย สายเลือดนักแข่งสายพันธุ์แท้ มาร่วมถ่ายทอดสไตล์ความร้อนแรงในการขับขี่รถสปอร์ตหัวฉีด ที่เต็มเปี่ยมด้วยสมรรถนะความแรง และความคล่องตัว โดยฮอนด้าเชื่อว่าภาพลักษณ์ด้านความท้าทายของ “ฟีม” ที่มีต่อเวทีระดับโลกจะช่วยส่งเสริมความเป็นมอเตอร์สปอร์ตของ Honda CBR150R FI ให้โดดเด่นมากขึ้น ภายใต้แนวคิดทางการสื่อสารการตลาดของรถสปอร์ตร้อนแรง “True Blood of Sport Spirit สปอร์ตเร้าใจ...สายพันธุ์แท้”

Honda CBR150R FI นอกจากเป็นรถสปอร์ตหัวฉีด PGM-FI ในระดับ 150 ซีซี ตัวแรกของประเทศไทยแล้ว ยังมาพร้อมมาตรฐานเครื่องยนต์ DOHC 4 วาล์ว 6 เกียร์ ระบายความร้อนด้วยน้ำพร้อมพัดลมไฟฟ้าอัตโนมัติ ปฏิวัติรูปโฉมใหม่ทั้งหมด กับรูปทรงเท่สไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมมาดเข้มดุดันมากขึ้นกับ Sporty Full Cowling เท่ทรงพลังตั้งแต่หน้ากากจรดไฟหน้า กับถังน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จุน้ำมันได้มากขึ้นถึง 13 ลิตร, ครั้งแรกกับนาฬิกาดิจิตอลบนหน้าปัดเรือนไมล์สุดหรู ที่แสดงผลบนจอ LCD พร้อมระบบ ODO Meter วัดระยะการเดินทาง และอุปกรณ์มาตรฐานเดียวกับรถสปอร์ตชั้นสูงระดับโลกรอบคัน พร้อมเผยโฉมความร้อนแรงแบบสปอร์ตตัวจริงด้วยกันถึง 3 สี หลากสไตล์ ได้แก่ Sporty R.W.B (แดง-ขาว-น้ำเงิน) มาดสปอร์ตเท่ให้อารมณ์สายพันธุ์นักแข่ง, X-Treme RED (แดง) สปอร์ตจัดจ้าน ร้อนแรง และ Night Black (ดำ) สปอร์ตมาดเข้ม ดุดันทุกการเคลื่อนไหว

ทั้งนี้ ด้านแผนการจำหน่าย Honda CBR150R FI จะเริ่มส่งความแรงเร้าใจสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 75,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 10,000 คันต่อปี พร้อมพิเศษสุด เอาใจคนหัวใจสปอร์ต ด้วยข้อเสนอสุดร้อนแรง! สำหรับ 1,000 คันแรก รับฟรีทันทีเสื้อแจ๊คเก็ตสุดเท่มูลค่ากว่า 2,000 บาท (ของมีจำนวนจำกัด) นอกจากนั้นอีกหนึ่งข้อเสนอพิเศษกับ Platinum Package แพคเกจบริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉิน และบริการช่วยเหลือทางการแพทย์ ระยะเวลา 1 ปี จาก Honda Roadside Assistance รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อาทิ คูปองบริการล้างรถฟรี คูปองเปลี่ยนถ่านน้ำมันเครื่องฟรี และอื่นๆ ตามเงื่อนไขของทางบริษัทฯ ข้อเสนอนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2553 เท่านั้น

เตรียมสัมผัสความยิ่งใหญ่พร้อมทดลองการขับขี่ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าซีบีอาร์ 150 อาร์ FI ได้ก่อนใคร ในงาน “Big Fun Fest” มหกรรมความมันส์ สนุก สุดเซอร์ไพรส์ by Honda ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 นี้

เพิ่มเติม : http://www.aphonda.co.th/

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ฟีม เร่งไม่ขึ้นที่โมเตกิ


รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี เร่งเครื่องไม่ขึ้นในการแข่งขันโมโตทูที่สนามโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ไร้แต้มติดมือ ในขณะที่โทนี เอเลียส ผู้นำคะแนนสะสมในรุ่นนี้ ขยับเข้าใกล้แชมป์โลกเข้าไปทุกขณะหลังคว้าแชมป์เป็นสนามที่ 7 ของตัวเองในฤดูกาลนี้

จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 13 ในรุ่นโมโตทูประจำฤดูกาล 2010 รายการเจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ระยะทางต่อรอบ 4.803 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 3 ต.ค.เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 23 รอบสนาม

ก่อนการแข่งขันรุ่น125 ซีซี จะเริ่มต้นขึ้นมีพิธีการรำลึกการจากไปของโชยะ โทมิซาวา นักบิดช่าวญี่ปุ่นในรุ่นโมโตทู ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการแข่งขันซานมาริโน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามมิซาโน เซอร์กิต เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีวิโต อิปโพลิโต ประธานสหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติเป็นตัวแทนกล่าวคำไว้อาลัย

โดยผลการแข่งขันปรากฎว่า "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดทีมไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค ที่ออกสตาร์ทจากกริดที่ 22 มีปัญหาในการทำความเร็วต่อรอบตลอด 23 รอบการแข่งขัน ส่งผลให้เจ้าตัวบิดรถคู่ใจเข้าเส้นชัยเพียงอันดับที่ 21 จากรถแข่งทั้งหมด 41 คัน ตามหลังผู้ชนะ 46.745 วินาที ไร้แต้มติดมือในสนามนี้

ส่วนผู้ชนะในรุ่นนี้เป็นของ โทนี เอเลียส นักบิดสแปนิช จากทีมเกรซินี ที่ขับเคี่ยวกับจูเลียน ซิมง นักแข่งเพื่อนร่วมชาติจากทีมแอสพาร์ ตลอดการแข่งขัน ก่อนที่เอเลียส จะควบรถผ่านธงหมากรุกเป็นคันแรก ด้วยเวลารวม 43 นาที 50.930 วินาทีทิ้งซิมงอันดับสองอยู่ 0.3 วินาที โดยมีคาเรล อับบราฮัม ตามขึ้นโพเดียมอันดับที่สามตามหลังผู้ชนะ 9.8 วินาที

ขณะที่ผลการแข่งขันในรุ่นโมโตจีพี ปรากฎว่า เคซีย์ สโตเนอร์ อดีตแชมป์โลกปี 2007 จากดูคาติ คว้าแชมป์ไปครอง โดยมีอังเดร โดวิซิโอโซ จากฮอนด้า และวาเลนติโน รอสซี ของยามาฮ่า ตามเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ โดยศึกเวิลด์ จีพี สนามต่อไป จะเป็นการแข่งขันรายการมาเลเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเซปัง วันอาทิตย์ที่ 10 ต.ค.นี้

สรุปคะแนนรุ่นโมโตทู
1 โทนี เอเลียส (สเปน/เกรซินิ-โมริวากิ) 249
2 จูเลีย ซิมง (สเปน / แอสพาร์-ซูเตอร์) 168
3 อันเดร เอียนโนเน (อิตาลี / ฟิมโก-สปีดอัพ) 147
4 โทมัส ลูธี (สวิตเซอร์แลนด์ / อินเตอร์เวตเทน / โมริวากิ) 138
5 ซิโมเน คอร์ซี (อิตาลี / เจไออาร์-โมโตบิ) 110
*18 รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย/ไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค/บิโมตา) 30


เพิ่มเติม : http://www.manager.co.th/

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

"รอสซี" รับหืดจับบิดโมเตกิ

"เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกเวิร์ด จีพี 9 สมัย จากทีมเฟียต-ยามาฮา ยอมรับสภาพร่างกายของตัวเองยังเป็นปัญหาในการชิงชัยช่วงท้ายฤดูกาล อย่างไรก็ดีพร้อมสู้เต็มที่เพื่อพื้นที่บนโพเดียมในศึกเจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามซูซูกะ สุดสัปดาห์นี้



ยอดนักบิดอิตาเลียน ทำผลไม่ค่อยเข้าเป้าเท่าใดนัก นับจากประกาศย้ายทีมไปบิดให้ดูคาติในฤดูกาลหน้าเมื่อปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าตัวยอมรับว่าปัญหาเรื่องสภาพร่างกายทั้งอาการขาหัก และอาการบาดเจ็บเรื้อรังที่หัวไหล่ คืออุปสรรคของตัวเอง

โดยรอสซีเผยก่อนนำรถหมายเลข 46 ลงแข่งขันรุ่นโมโตจีพีในสุดสัปดาห์นี้ที่ญี่ปุ่นว่า "มันเป็นเรื่องของสภาพร่างกาย แม้ว่าขาของผมจะเข้าที่หลังจากประสบอุบัติเหตุที่อิตาลี แต่อาการบาดเจ็บที่ไหล่ยังคงรบกวนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผมจะต้องผมกับความยากลำบากแน่นอนในการแข่งขันที่โมเตกิ แม้ผมจะเคยคว้าแชมป์ที่นี่ได้หลายครั้ง แต่ในสภาพแบบนี้คงหืดขึ้นคอแน่นอน"

ขณะที่ดาวิเด บริวิโอ ทีมบอสคู่ใจของรอสซี เผยถึงผลงานที่ตกลงไปของนักบิดหน้าทะเล้นในช่วงท้ายฤดูกาลว่า "หลายคนบอกว่าเขาหมดไฟกับยามาฮา แต่สำหรับผม วาเลนติโนเต็มร้อยในทุกๆสนาม และยังมั่นใจว่าเขาจะกลับมาชนะได้ก่อนอำลาทีมหลังจบฤดูกาล"

สำหรับศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 14 ของฤดูกาล 2010 มีคิวดวลความเร็วกันที่สนามทวินริง โมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น รายการเจแปนนิส กรังด์ปรีซ์ ในวันที่ 3 ต.ค.นี้

เพิ่มเติม : http://www.manager.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

BMW Motorrad Concept 6. ครั้งแรกกับสุดยอดบิ๊กไบค์หัวใจ 6 สูบ

บีเอ็มดับเบิลยู ในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ที่ดีที่สุดในโลกรายหนึ่ง ได้สร้างชื่อเสียงให้กับรถยนต์ในรุ่นต่างๆ ทั้งในแบบซาลูน สปอร์ตคูเป้ หรือโรดสเตอร์เปิดประทุน ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงที่เหนือชั้นมาแล้ว ในครั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยู กำลังจะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับแฟนๆ บิ๊กไบค์ ด้วยมอเตอร์ไซค์คอนเซ็ปต์ BMW Motorrad Concept 6 ที่ขับเคลื่อน ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง เข้าสู่สายการผลิตในเร็วๆ นี้


วิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยู ได้ออกแบบเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงใน BMW Motorrad Concept 6 ให้มีขนาดกะทัดรัด โดยอาศัยการออกแบบให้กระบอกสูบ มีขนาดกว้าง และช่วงชักยาว แต่ถูกจัดวางเรียงชิดกันกว่าปกติ อีกทั้งยังจัดวางอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิคต่างๆ ไว้ในช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์และระบบเกียร์ เพื่อเป็นการลดความกว้างของเครื่องยนต์ จึงทำให้เครื่องยนต์ 6 สูบนี้ มีขนาดใหญ่กว่าเครื่องยนต์ 4 สูบขนาดใหญ่เพียงเล็กน้อย และเล็กว่าเครื่องยนต์ 6 สูบทั่วไปถึง 100 มิลลิเมตร รวมทั้งใช้เทคโนโลยี Lightweight Engineering เพื่อทำให้เครื่องยนต์นี้มีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน

BMW Motorrad Concept 6 มีการวางตำแหน่งของลูกสูบเอียงทำมุม 55 องศา ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกับเครื่องยนต์ 4 สูบ ในมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ อย่าง K 1300 ช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก และช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ตทัวริ่ง ที่ต้องการทั้งสมรรถนะและการทรงตัวยอดเยี่ยม รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันเครื่องแบบ Dry Sump ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากรถมอเตอร์ไซค์แข่ง เพื่อช่วยให้การหล่อลื่น เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาพการขับขี่ นอกจากจะมีสมรรถนะความปราดเปรียว การทรงตัว และเกาะถนน ในระดับสุดยอดแล้ว ยังมีความเนียนลื่นของการปลดปล่อยพลัง อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเป็นการยกระดับสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ไปสู่อีกขั้น



BMW Motorrad Concept 6 สามารถผลิตกำลังสูงสุด ได้ในระดับเดียวกับเครื่องยนต์ 4 สูบความจุ 1.3 ลิตร แต่จะมีแรงบิดที่เหนือชั้นกว่า โดยสามารถผลิตแรงบิดสูงสุดถึง 130 นิวตัน-เมตรตั้งแต่รอบเครื่องยนต์เพียง 2,000 รอบ อีกทั้งยังสามารถเร่งรอบขึ้นไปแตะหลัก 9,000 รอบได้อย่างสบายๆ ในขณะเดียวกันยังมีความเหนือชั้น ในเรื่องของความประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยมาพร้อมกับระบบแคทตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ ที่มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องยนต์ 4 สูบขนาดเดียวกัน อีกทั้งเทคโนโลยีระบบ E-gas (ride-by-wire) ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นด้วย

สำหรับช่วงล่างของ BMW Motorrad Concept 6 ถูกพัฒนาอยู่บนพื้นฐานปรัชญา Lightweight Engineering โดยการประยุกต์ใช้วัสดุโลหะอัลลอยด์น้ำหนักเบา ทั้งในส่วนของเฟรมตัวรถ ส่วน Duo-lever arms ด้านหน้า และส่วน Para-lever arms ด้านหลัง เพื่อช่วยให้มอเตอร์ไซค์คันนี้แข็งแกร่ง แต่มีน้ำหนักเบา ใช้ล้อแบบ Forged HP ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมกับระบบเบรกสมรรถนะสูง ด้วยจานเบรกขนาดใหญ่ และคาลิปเปอร์แบบ 6 ลูกสูบ


เพิ่มเติ่ม http://www.ryt9.com/

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2553

ฮอนด้าผนึกแกรมมี่จัด Big Fun Fest ฉลอง 1 ปีสกู๊ปปี้-ไอ พร้อมเปิดตัวรถใหม่

ฮอนด้าร่วมกับจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จัดงานดนตรีครั้งใหญ่ "Big Fun fest by Honda" ฉลองครบรอบ 1 ปี สกู๊ปปี้-ไอ ระดมศิลปินชั้นนำ โชว์เทคโนโลยีใหม่จากฮอนด้า พร้อมเปิดตัวรถรุ่นใหม่ คาดคนร่วมงานกว่าแสน



นายโยอิจิ มิซึทานิ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด พร้อมด้วยนายสถาพร พานิชรักษาพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน "Big Fun fest by Honda" ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ณ สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก คาดมีผู้ร่วมงานกว่า 1 แสนคน

เอ.พี.ฮอนด้าจับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จัดงาน "Big Fun Big Surprise By Honda" ตอกย้ำความเป็นผู้นำยอดขายรถจักรยานยนต์ของเมืองไทยกว่า 22 ปี พร้อมฉลองครบรอบ 1 ปี สกู๊ปปี้-ไอ ระดมสุดยอดศิลปินเพลงหลากสไตล์ อาทิ The Bottom Blues, Teddy Ska Band, Scrubb, T-Bone, The Richman Toy, Thaitanium และวงคาราบาว

นายโยอิจิกล่าวว่า "กิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นของขวัญฉลองครบรอบ 1 ปี สกู๊ปปี้-ไอ ส่งกลยุทธ์ Relation Marketing ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักของฮอนด้าใช้เสริมความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายผู้จำหน่าย และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยในครั้งนี้ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องมือทางการตลาดแบบ Music Marketing ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมาของฮอนด้า ของประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานจากดีลเลอร์ ผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้า และประชาชนทั่วไปกว่าหนึ่งแสนคน"

โดยไฮไลต์ของงานนี้ นอกจากมีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินจากหลากหลายแนวดนตรีแล้ว ยังมีการจัดโชว์กิจกรรมแสดงเทคโนโลยี การโชว์รูปแบบใหม่จากหุ่นยนต์ Asimo และการแสดงทักษะลีลาการขับขี่จาก 3 นักแข่ง Motor Cross ชาวญี่ปุ่น พร้อมกับการเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่อย่างเป็นทางการอีกด้วย

งาน "Big Fun fest by Honda, Big Fun fest" นี้ เริ่มตั้งแต่เวลาเที่ยงวันยันเที่ยงคืน โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี โดยลูกค้าสามารถส่ง SMS มาที่ 480266 เพื่อขอรับบัตร โดย 1 SMS สามารถรับบัตรเข้าร่วมสนุกในงานฟรี 2 ใบ

เพิ่มเติม http://www.langrod.com/

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ฐิติพงศ์ วโรกร คว้าดับเบิ้ลแชมป์ซูเปอร์ไบค์ 1000โปรและแอม ชิงแชมป์ประเทศไทย 4

ฐิติพงศ์ วโรกร ยังคงโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับการนำยามาฮ่า YZF-R1 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงพร้อมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในรุ่นซูเปอร์ไบค์ 1000 โปร และ 1000 แอม ในรายการ FMSCT Thailand Road Racing 2010 สนามที่ 4 สนามไทยแลนด์ เซอร์กิต นครชัยศรี


การแข่งขันรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทางเรียบ ในรายการ FMSCT Thailand Road Racing 2010 ชิงแชมป์ประเทศไทยและแชมป์ถ้วยพระราชทาน ได้เดินทางเข้ามาสู่การแข่งขันสนามที่ 4 สนามนี้ทีมปิโตรนาส ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ส่งฐิติพงศ์ วโรกร(8) ร่วมลงทำการแข่งขันเพียงหนึ่งเดียว ทั้งนี้เพราะ วรวุฒิ พุทโธ ต้องเข้ารับการผ่าตัดข้อมือขวาและอยู่ในระหว่างการรักษาร่างกาย ทำให้ ฐิติพงศ์ วโรกร ต้องลงสนามเพียงคนเดียว แต่เมื่อผลการจับเวลาหาอันดับสตาร์ทในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ 1000 โปรมาถึง ฐิติพงศ์ วโรกร ทำเวลามาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 1 นาที 24.705 วินาที อันดับ 2 คริสมาส วิไลโรจน์ อันดับ 3 แสน เชยศักดิ์ ส่วนรุ่น 1000 แอม ปรากฏว่า ฐิติพงศ์ ยังคงทำเวลามาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลาแบบสบายๆที่ 1 นาที 25.312 วินาที


ในวันแข่งขัน รุ่น1000 โปร ฐิติพงศ์ วโรกร(8)ออกสตาร์ทได้อย่างดีเยี่ยม ขึ้นไปเป็นผู้นำตั้งแต่โค้งแรกแม้จะมีแสน เชยศักดิ์ และคริสมาส วิไลโรจน์ไล่กดดัน แต่ฐิติพงศ์ วโรกร ก็บิดยามาฮ่า YZF-R1 นำห่างออกไปและเมื่อครบ 10 รอบสนาม ฐิติพงศ์ วโรกรก็คว้าแชมป์ในรุ่นซูเปอร์ไบค์1000 โปร ส่วนรุ่นซูเปอร์ไบค์1000 แอมฐิติพงศ์ก็รักษาฟอร์มการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้และบิดนำเป็นอันดับ 1 คว้าแชมป์ไปครองอีกรุ่น


เป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของทีมปิโตรนาส ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ที่คว้าชัยชนะในรุ่นซุเปอร์ไบค์1000 โปรและแอมติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง 3 สนาม

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ กดราคาท้าชน ยามาฮ่าฟีโน่

เอ.พี.ฮอนด้า เปิดศึกตลาดจักรยานยนต์แนวย้อนยุค ส่ง “สกู๊ปปี้ ไอ” ชนแชมป์เก่า “ฟีโน่” ประเดิมเกมราคา เคาะถูกกว่า 1,200 บาท หวังยอดขาย 1.5 แสนคัน/ปี ระบุภาพรวมตลาดมีแนวโน้มฟื้นตัว พร้อมปรับเพิ่มประมาณการยอดขายตลาดรวม 1.47 ล้านคัน


นายเซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ฮอนด้าเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ สกู๊ปปี้ ไอ (Scoopy i) เพื่อเจาะตลาดรถแฟชั่นย้อนยุค ที่กำลังได้รับความนิยม

มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ (Scoopy i)

ใช้เครื่องยนต์ 110 ซีซี 4 จังหวะ
จ่ายเชื้อเพลิงระบบหัวฉีด PGM-FI
ระบายความร้อนด้วยอากาศ
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 49 กม./ลิตร
มาตรฐานไอเสียระดับ 6
รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20
ซึ่งเป็นการใช้ระบบหัวฉีดอีก 1 รุ่น หลังจากที่ฮอนด้าประกาศไว้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 ว่ารถจักรยานยนต์ทุกรุ่นจะเปลี่ยนมาใช้ระบบหัวฉีด



“มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ดีไซน์จากแนวคิด โค้งมน น่ารัก สนุก ไฟหน้าชุดใหญ่ดีไซน์แบบสองโคม ไฟเลี้ยวดีไซน์แยกส่วน เรือนไมล์มิเตอร์คู่ ไฟท้ายขนาดใหญ่ กล่องเก็บของใต้เบาะนั่ง ช่องเก็บของจุกจิกด้านหน้า แผ่นกันความร้อนท่อไอเสีย ดิสก์เบรกหน้า ระบบกุญแจนิรภัยสองชั้น สวิตช์ล็อกล้อขณะจอด สวิตช์ตัดการทำงานเครื่องยนต์เมื่อเอาขาตั้งข้างลง”


นาย ซากุราอิ กล่าวว่า ฮอนด้ามีกำหนดวางจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ราคาเริ่มต้น 4.43 หมื่นบาท โดยตั้งเป้าจำหน่ายทั้งสิ้น 1.5 แสนคัน/ปี และเตรียมสร้างการรับรู้ในตัวสินค้า ด้วยการผลิตอุปกรณ์ตกแต่ง และเครื่องแต่งกายแฟชั่นคาแรคเตอร์ของรถมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ รองรับความแตกต่างของรูปแบบไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมการสื่อสารการตลาดครบวงจร เช่น โปรโมชั่นพิเศษ ลูกค้าสกู๊ปปี้ ไอ 1 หมื่นคันแรก รับชุดของขวัญ Scoopy i Collection ทั้งชุดแจ๊คเก็ต และหมวกกันน็อคสีเดียวกับตัวรถ เป็นต้น และเลือก “มาริโอ้ เมาเร่อ” นักแสดงชื่อดังและ “ตีน่า-พิมพ์นารา ไรท์” นักร้องดาวรุ่ง และ “บอม ธนา” นายแบบดาวรุ่งเป็นพรีเซ็นเตอร์


ทั้งนี้ราคาจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่ 4.43 หมื่นบาทนั้น ตั้งไว้ต่ำกว่าคู่แข่งที่อยู่ในตลาดก่อนอย่างยามาฮ่า ฟีโน่ ที่มีราคา 4.55 หมื่นบาท หรือต่ำกว่า 1,200 บาท เป็นการบ่งบอกถึง การพยายามตีตลาดนี้ให้ได้หลังจากที่ปล่อยให้ยามาฮ่าครอง ตลาดนี้มายาวนาน และส่งผลให้ส่วนแบ่งในตลาดรวมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย อย่างไรก็ตามสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่ายซูซูกิ ก็เปิดตัว เจลาโต้ รถในรูปแบบเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ เป็นรถจักรยานยนต์ที่พัฒนา และถอดแบบดีไซน์ทรงกลมย้อนยุค มาจากรถรุ่นสกู๊ปปี้ 50 ซีซี ที่วางตลาดในปี 2535 ในประเทศญี่ปุ่น


นอกจากนั้น ฮอนด้ายังเปิดตัว รถจักรยานยนต์พรีเมียม “Honda PCX” เพื่อเปิดเซ็กเมนท์ใหม่ในฐานะ Top of Scooter มีแผนวางจำหน่ายในเดือนพ.ย. เพื่อกระตุ้นตลาดในไตรมาสสุดท้าย และส่งออกไปทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป และ สหรัฐอเมริกา

นายซากุราอิ กล่าวถึงภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ ว่า จากปัจจัยบวกต่างๆ ในขณะนี้เชื่อว่าจะส่งผลให้ ตลาดรถจักรยานยนต์ ในครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างช้าๆ ดังนั้นฮอนด้าได้ปรับการคาดการณ์ตลาดรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.47 ล้านคัน จากเดิมเมื่อต้นปีที่คาดการณ์ไว้ 1.35 ล้านคัน โดยปัจจัยสำคัญคือการที่ค่ายรถต่างผลักดันกลยุทธ์การตลาด และพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาโดยตลอด เช่น เมื่อครั้งที่ฮอนด้าประกาศเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ระบบหัวฉีดเมื่อต้นปี เป็นต้น


เพิ่มเติม http://www.motorcyc.in.th/

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

Vespa LX150 Bell Rosa พิงค์ เวสป้า เบลล่า โรซ่า

เปิดตัว พิงค์ เวสป้า LX150 เบลล่า โรซ่า (สีชมพู) ลิมิเต็ด เอดิชั่น Vespa Bell Rosa LX150 พิงค์ เวสป้า เบลล่า โรซ่า โดยประเทศไทยได้รับเกียรตินำเข้ามา 50 คันเท่านั้น


เปิดตัว พิงค์ เวสป้า เบลล่า โรซ่า Vespa Bell Rosa LX150 ที่สวยงามทันสมัย แต่ยังมีกลิ่นอายของเอลกลักษณ์ในแบบเวสป้าสัญชาติอิตาลี ซึ่งรถรุ่นนี้ยังออกแบบให้มีลูกเล่นด้วยตะเข็บเบาะสีชมพู ตัดกับเบาะที่นั่งหนังสีดำ โดดเด่นที่โลโก้เวสป้า และชื่อรุ่นเป็นสีชมพู

โดยจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่สีซึ่งเป็น สีเบลล่า โรซ่า (ชมพูอิตาลี) เพิ่มลูกเล่นด้วย ตะเข็บเบาะสีชมพูตัดกับที่นั่งสีดำเข้ม เก๋ตรงโลโก้ เวสป้าเป็นสีชมพูทั้งหมดและติดป้ายลิมิเต็ด เอดิชั่นด้วย โดยประเทศไทยได้รับเกียรตินำเข้ามา 50 คันเท่านั้น

เวสป้ารุ่น LX150 เบลล่า โรซ่า (สีชมพู) ลิมิเต็ด เอดิชั่น มูลค่ากว่า 120,000 บาท มาพร้อมกับ นาฬิกาแฟชั่นสุดฮิต เวเบเน่ (Vabene) รุ่น Sole Rosa จากอิตาลี โดดเด่นด้วยคริสตัลสวารอฟกี้ พร้อมสายรัดซิลิโคนปั๊มนูนสีสันสดใส และของสมนาคุณพิเศษ ผ้าพันคอและพวงกุญแจ เวสป้า

โดยเปิดให้จองพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ที่ แฟลกชิพสโตร์ เวสป้า ทองหล่อ และตัวแทนจำหน่ายทุกสาขา สอบถามข้อมูล โทร.02-714-7742








เพิ่มเติม http://www.motorcyc.in.th/

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

"ฟีม" ซิวแต้มบิดอรากอน "ลอเรนโซ" หลุดโพลฯครั้งแรก

อังเดร เอียนโนเน จากค่ายสปีด อัพ บิดม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ "อรากอน กรังด์ปรีซ์" ประเดิมสนามใหม่ มอเตอร์แลนด์ อรากอน ที่ประเทศสเปน ส่วน รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักขับเลือดไทย สังกัด ไทย ฮอนดา พีทีที สิงห์ แซค ไม่เสียเที่ยวจบด้วยอันดับ 15 มีแต้มติดมือ

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนาม 11 ฤดูกาล 2010 รุ่นโมโตทู รายการ "อรากอน กรังด์ปรีซ์" บนแทร็กใหม่อย่าง มอเตอร์แลนด์ อรากอน ประเทศสเปน ทั้งหมด 21 รอบความยาวต่อรอบ 5.344 กิโลเมตร รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ของไทย สังกัด ไทย ฮอนดา พีทีที สิงห์ แซค ออกสตาร์ทอันดับ 21 ส่วนโพลโพซิชันเป็นของ อันเดรีย เอียนโนเน ชาวอิตาเลียนสังกัดสปีด อัพ

เพียงแค่โค้งแรกของการออกสตาร์ทก็เกิดอุบัติเหตุรถเกี่ยวกันล้ม แต่โชคดีไม่มีนักขับได้รับบาดเจ็บรุนแรง เอียนโนเน เจ้าของโพลโพซิชัน ออกตัวดีเยี่ยมเป็นผู้นำตั้งแต่รอบแรกก่อนจะค่อยๆ ทิ้งห่างและคว้าแชมป์ "อรากอน กรังด์ปรีซ์" ในที่สุดด้วยเวลา 40 นาที 33.264 วินาที อันดับ 2 ชูเลียน ซิมง จากแอสปาร์ ทีม ตามหลัง 6.203 วินาทีและอันดับ 3 กาบอร์ ทาลมัคซี จากสปีด อัพ ตามหลัง 6.276 วินาที

ทันทีที่ เอียนโนเน ควบรถผ่านธงตราหมากรุกเป็นคันแรกมีการนำธงรูป โชยะ โทมิซาวา นักขับญี่ปุ่น ซึ่งเสียชีวิตจากสนามที่แล้วศึก ซานมาริโน กรังด์ปรีซ์ มาโบกสะบัดเป็นการไว้อาลัย ส่วน "ฟีม" รัฐภาคย์ จบอันดับ 15 ตามหลัง เอียนโนเน 30.452 วินาที คว้าเพิ่ม 1 แต้มรวมมี 30 แต้ม

อย่างไรก็ตามอันดับผู้นำคะแนนสะสมรุ่นโมโตทู ยังไม่เปลี่ยนแปลง โทนี อีเลียส จากค่าย โมริวากิ นำห่างสุดกู่ 224 แต้มตามด้วย ซิมง 148 แต้มและ เอียนโนเน 144 แต้ม ส่วน รัฐภาคย์ มี 30 แต้มอยู่อันดับ 18 เท่าเดิม

ส่วนผลรุ่น โมโตจีพี เคซีย์ สโตเนอร์ นักบิดออสซี จากดูคาติ คว้าแชมป์จากการสตาร์ทตำแหน่งโพลโพซิชัน ด้วยเวลา 42 นาที 16.530 วินาที ตามด้วย ดานี เปโดรซา จากเรปโซล ฮอนดา ตามหลัง 5.148 วินาทีและ นิคกี เฮย์เดน จากดูคาติ ตามหลัง 9.496 วินาที

ส่วน ฮอร์เก ลอเรนโซ จากยามาฮา ผู้นำคะแนนสะสมเข้ามาเป็นอันดับ 4 หลุดจากโพเดียมเป็นครั้งแรกของฤดูกาลนี้ ทว่าสถานการณ์ลุ้นแชมป์ ลอเรนโซ ยังนำเป็นจ่าฝูงมี 284 แต้ม ตามด้วย เปโดรซา 228 แต้มและ สโตเนอร์ 155 แต้ม

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"ฟีม" เจ็บใจเบรกพลาดจนกลิ้ง

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดทีมไทยฮอนด้าพีทีทีสิงห์แซค ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทู สุดเจ็บใจกับการเบรกที่ผิดพลาดจนต้องออกจากการแข่งขันสนามล่าสุดที่อินเดียนาโพลิส ทั้งที่กำลังเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 6 จนต้องพลาดเก็บแต้มติดมืออีกสนาม

นักบิดหนึ่งเดียวของไทยออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามอินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ช่วงเช้ามืดวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเกาะกลุ่มอยู่ในอันดับที่ 4-7 ทว่าต้องออกจากการแข่งขันเมื่อพลาดล้มในรอบที่ 9 ของการแข่งขัน

โดยนักบิดหน้าตี๋เผยด้วยความเจ็บใจหลังจบเรซว่า "มันเกือบจะเป็นสุดสัปดาห์ที่ดีของผมและทีมงาน เราต้องออกสตาร์ทถึง 2 ครั้งหลังเกิดอุบัติเหตุในโค้งแรก ซึ่งในการรีสตาร์ทผมเกาะกลุ่มขับเคี่ยวอยู่ในอันดับที่ 4 ถึง 7 ร่วมกับทามัคซี ,เอียนโนเน รวมถึงลูธิ"

"ซึ่งจากความเร็วที่รถของเราทำได้ดีในเรซนี้ ผมจึงพยายามแซงเอาอันดับคืนในช่วงสุดทางตรงโค้งแรก แต่มันน่าเจ็บใจและเสียดายมาก เมื่อผมกดเบรกหลังเบาเกินไปจนรถสะบัดเสียความควบคุม จนต้องออกจากการแข่งขัน ผมขอโทษทีมงานและแฟนๆทุกคน และจะขอแก้ตัวอีกครั้งในเรซหน้าที่มิซาโน"

สำหรับฟีมยังคงมีแต้มสะสมในรุ่นโมโตทูอยู่ที่ 25 คะแนน รั้งอันดับ 17 ในตารางแชมเปียนชิป ตามหลังเซร์คิโอ การ์เด ที่อยู่ในอันดับ 10 อยู่ 33 คะแนน โดยการแข่งขันสนามต่อไปจะไปดวลความเร็วกันที่สนามิซาโน ในซาน มาริโน วันที่ 5 ก.ย.นี้

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

ฟูมิอากิ นางาชิมา "ยามาฮ่า" แบรนด์ในใจ "วัยรุ่น"

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าในแวดวงตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย นอกจากภาพของการแข่งขันในเชิงยอดขาย อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความมุ่งมั่นและพยายามขับเคลื่อน "แบรนด์" ของตัวเอง ให้เข้าไปอยู่ในใจของลูกค้า

"ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสร่วมพูดคุยกับนายใหญ่แห่งค่ายรถจักรยานยนต์ เบอร์ 2 "ฟูมิอากิ นางาชิมา" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด แม้จะเข้ามานั่งแท่นบอสใหญ่ได้เพียงขวบปีกว่า แต่ด้วยความมั่นใจบวกกับทิศทาง การบริหาร และทีมงานคุณภาพ ทำให้เขามั่นใจในความเป็นผู้นำ "เทรนด์" แล้วยืนยันว่า ยามาฮ่าถือเป็นเบอร์หนึ่งไม่เป็นรองใคร

- ความพอใจตลาดเมืองไทย ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง

ก่อนที่ผมจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลตลาดเมืองไทยนั้น ผมเคยดูแลตลาดทั้งใน อเมริกา, ยุโรป, อินโดนีเซีย หรือแม้แต่ในจีนมาแล้ว แต่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่า "ยามาฮ่า" เมืองไทยน่าจะเป็นบริษัทมีระบบการจัดการภายในองค์กรที่ดีที่สุด ทั้งด้านการผลิต การตลาด การเงิน การวางแผนธุรกิจ เรียกได้ว่า ระบบควบคุมภายในทุกอย่างน่าจะดีที่สุดเท่าที่เคยมีประสบการณ์มาจากประเทศอื่น ๆ

- นโยบายหลักที่จะใช้กับเมืองไทย

ในช่วงระยะนับตั้งแต่ปี 2552 ที่เข้ามารับตำแหน่ง ไปจนถึงปี 2554 หรือภายใน 3 ปีนี้ ยามาฮ่าจะต้องมี 1.ยอดขายภายในประเทศที่มากกว่า 500,000 คัน 2.จะต้องมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 28% และ 3.คือ ภายในปีที่ 3 หรือปี 2554 นั้น ยามาฮ่าจะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 30% ให้ได้

อย่างในปีนี้ เราเชื่อว่าจะมียอดขายมากกว่า 500,000 คันอย่างแน่นอนแล้ว ส่วนมาร์เก็ตแชร์ การผลิต ทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในแผนงานของบริษัททั้งสิ้น ซึ่งถ้าปีนี้ยามาฮ่ามียอดขายมากกว่า 500,000 คัน ในปีหน้าเราก็หวังว่าจะมียอดขายที่ 550,000 คัน

- มองอะไรที่ยามาฮ่าน่าจะทำได้มากกว่านี้

ในส่วนของรูปแบบการทำตลาดของ ยามาฮ่าในปีนี้ เราก็จะยังคงเน้นไปที่มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง, สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เจาะเข้าไปยัง "ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง" อย่างต่อเนื่อง

หลังจากตลอดช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าค่อนข้างประสบความสำเร็จกับการใช้รูปแบบการทำตลาดข้างต้นมาแล้ว

ส่วนโรงงานนั้น ปัจจุบันนอกจากเราจะใช้สำหรับผลิตรถจักรยานยนต์เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศแล้ว เราก็ยังคงมีการผลิตเป็นรถจักรยานยนต์ สำเร็จรูปและชิ้นส่วนออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง ทั้งฟิลิปปินส์, กัมพูชา, กรีซ, ลาว, มาเลเซีย และเวียดนาม และอนาคตบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกไปยังประเทศใหม่อย่างแอฟริกาใต้, อเมริกากลาง และยุโรปด้วย

- ความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ ๆ

เป็นที่ทราบกันดีว่า "ยามาฮ่า" เราไม่ได้มีการผลิตสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์อย่างเดียวเท่านั้น แต่เรายังมีสินค้าอื่น ๆ ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งเครื่องเรือ, เวฟ รันเนอร์, บิ๊กไบก์ ซึ่งเราคงจะต้องวางแผนทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนปีนี้เราก็กำลังเตรียมแผนงานที่จะแนะนำสินค้าใหม่ อย่างรถกอล์ฟและเครื่องยนต์อเนกประสงค์ออกสู่ตลาดเมืองไทยด้วย

เนื่องจากเราต้องการนำเสนอสินค้าในส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้าชาวไทยได้เลือกใช้และพิจารณา รวมทั้งเราต้องการสื่อสารไปยังลูกค้าว่า "ยามาฮ่า" ไม่ได้มีสินค้าเฉพาะรถจักรยานยนต์เท่านั้น

- อีก 3 ปียามาฮ่าจะปักธงกับตลาดเมืองไทยอย่างไร

สำหรับรถจักรยานยนต์ของเราก็ยังจะคงเน้นเจาะกลุ่มไปที่วัยรุ่น โดยเฉพาะการสื่อสารความเป็นที่ 1 ด้านภาพลักษณ์ ที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าวันนี้เราจะทำได้ค่อนข้างดีแล้ว แต่เราก็ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นภาพความสดใหม่ และแบรนด์ที่แตกต่าง ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์สินค้า ตรา สินค้า ซึ่งวันนี้ภาพของยามาฮ่าในเชิงของ วัยรุ่น คือวัยรุ่นที่มีสไตล์ มีรสนิยม น่า ตื่นเต้น เร้าใจ หรือถ้าพูดให้ตรงประเด็นคือ "ยามาฮ่า" จะต้องเป็นแบรนด์ในใจวัยรุ่นทั่วประเทศ

- การลงทุนเพิ่มเติมสำหรับปีนี้

วันนี้ด้วยพื้นที่และกำลังผลิตของโรงงาน ในปัจจุบัน เทียบกับยอดขายถือว่าวันนี้ ยามาฮ่ายังไม่มีแผนลงทุนใด ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของการขยายโรงงานวันนี้ยังไม่มีความจำเป็น แต่โดยปกติเราได้วางงบประมาณสำหรับการลงทุน ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต อุปกรณ์ และเทคโนโลยี รวมทั้งการพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ ซึ่งเราได้วางงบประมาณโดยเฉลี่ยได้ปีละ 1,000 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว

ส่วนสินค้าใหม่ที่บริษัทจำนำเข้ามาทำตลาด อย่าง "รถกอล์ฟ" และ "เครื่องยนต์อเนกประสงค์" นั้น จะเป็นในรูปแบบของการนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายมากกว่า

ในส่วนของกำลังการผลิตปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ 650,000 คันต่อปี ปีนี้เราตั้งเป้าขายในประเทศกว่า 500,000 คัน และส่งออกอีกประมาณ 20,000 คัน ไม่รวมซีบียู ซึ่งโรงงานเราถือว่ายังรองรับเพียงพอ

- มองภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้

วันนี้ต้องบอกว่า หากสถานการณ์ทุกอย่างยังอยู่ในภาวะปกติเหมือนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา คาดว่ายอดขายโดยรวมในปีนี้น่าจะอยู่ระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน โตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 23% ในช่วง 7 เดือน ที่ผ่านมา หรือจะประเมินให้ชัดเจน"ยามาฮ่า" คาดว่ายอดขายโดยรวมน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.85 ล้านคัน หรือโตประมาณ 15% ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา และยามาฮ่าจะมียอดขายอยู่ที่ 520,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 28%

โดยสัดส่วนของการจำหน่ายจะแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติ 53% เกียร์ธรรมดา 47% สำหรับตลาดรวม ขณะที่สัดส่วนการขายของยามาฮ่านั้นจะเป็นรถเกียร์อัตโนมัติสูงถึง 85% และเกียร์ธรรมดาเพียง 15%

- หมายความว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน

แน่นอน ยามาฮ่าเราเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์เกียร์อัตโนมัติน่าจะมีการขยายไปได้มากกว่านี้ อย่างปีที่ผ่านมาสัดส่วนของรถเกียร์อัตโนมัติอยู่เพียงแค่ 49% แต่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 53% และปีหน้าเชื่อว่าจะ เพิ่มเป็น 55% ภายใน 2-3 ปีข้างหน้าจะเพิ่มเป็น 60% และยามาฮ่าเองน่าจะมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันด้วย

- มองตลาดปีหน้า

สำหรับในปีหน้าเรายังเชื่อว่ายอดขายรถจักรยานยนต์โดยรวมก็น่าจะมีตัวเลขอยู่ในระดับ 1.8-1.9 ล้านคัน ใกล้เคียงกับปีนี้ เหตุผลที่เชื่ออย่างนั้น เพราะว่าวันนี้จำนวนประชากรไทยไม่ได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน 2.เรามองว่าตลาดน่าจะอยู่ในระดับใกล้ถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งตัวเลขในระดับ 1.8-1.9 ล้านคันนี้ ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดี

ทั้งนี้ ยามาฮ่าเชื่อว่าหากเราทำสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันอย่างเต็มที่แล้ว บวกกับการสนับสนุนและส่งเสริมจากบริษัทแม่ ในแง่ของการพัฒนาสินค้า อย่างไรก็แล้วแต่เราเชื่อว่าสุดท้าย "ยามาฮ่า" จะต้องมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในระดับ 30-35% ได้ไม่ยากนัก

- แผนขยายเครือข่าย

ปัจจุบันยามาฮ่ามีตัวแทนจำหน่าย 550 แห่งทั่วประเทศ แบ่งออกเป็นยามาฮ่า สแควร์ 400 แห่ง และรูปแบบธรรมดาประมาณ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้คือ การเพิ่มจำนวนสาขา 30-40 แห่งต่อปี คาดว่าภายใน 5 ปีจะมีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 700 แห่งทั่วประเทศ ส่วนยามาฮ่า โอเค ซึ่งเป็นโชว์รูมที่จำหน่ายรถมือสองอย่างเป็นทางการของยามาฮ่า ปัจจุบันยังคงมี 1 สาขาย่านรัชดาฯ และยังไม่มีแผนงาน จะขยายเพิ่มในตอนนี้ เพราะเราตั้งใจให้ ยามาฮ่า โอเค เป็นโชว์รูม และสถานที่เป็น กลางในการวางมาตรฐานราคาจำหน่าย รถจักรยานยนต์มือสองของเราในแต่ละรุ่น

เพิ่มเติม http://www.prachachat.net/

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ดึง4ยักษ์มอเตอร์ไซค์"จีน-ยุโรป" เทงบตั้งฐานผลิตอมตะ200ไร่จีบซัพพลายเออร์เพิ่ม

"อมตะฯ" เซ็นสัญญาดึงผู้ผลิตรถจักรยานยนต์จีน-ยุโรป 4 ค่ายปักหลัก ตั้งฐานผลิตในนิคมอมตะฯกว่า 200 ไร่ เล็งดึงซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์เข้าลงทุนเพิ่ม ตั้งเป้ารวมกลุ่มคลัสเตอร์ในระยะยาว พร้อมดันไทยขึ้นสู่ศูนย์กลางการผลิตในตลาดโลก

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำ 4 ราย โดยมาจากประเทศยุโรป 2 ราย และจีน 2 ราย เพื่อเข้ามาใช้พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการตั้งโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์สำเร็จรูปขนาดใหญ่ (super bike) พร้อมจำหน่ายในประเทศและส่งออก โดยนอกจากนี้บริษัทยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ค่ายยุโรปอีก 1 ราย คาดว่าจะสรุปผลได้ในเร็ว ๆ นี้

"เห็นได้ว่าสัญญาณของเศรษฐกิจไทยเริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากการตัดสินใจเข้ามาลงทุนของนักลงทุนในขณะนี้ แม้ว่าจะมีปัญหาการเมืองอยู่บ้างแต่นักลงทุนยังมั่นใจด้วยศักยภาพการลงทุนในไทยที่จัดว่าเป็นฐานผลิตที่มีความแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน และการมีแรงงานที่มีศักยภาพ รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาบุคลากรขั้นสูง เพื่อเร่งป้อนแรงงานระดับฝีมือเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น อาทิ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงอุตสาหกรรม"

หลังจากที่บริษัทยักษ์ใหญ่ตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯ บริษัทได้เตรียมแผนการดำเนินงานในการเจรจา ดึงบริษัทซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนจักรยานยนต์ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่นิคมอมตะฯเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายป้อนชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มอีกในอนาคต และ จะเร่งผลักดันให้พื้นที่การลงทุนของ อมตะฯเข้าสู่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบมีความเชื่อมโยงเป็นกลุ่มคลัสเตอร์มากขึ้น ซึ่งจะทำให้อมตะก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ขณะนี้พื้นที่นิคมอมตะฯ เป็นพื้นที่มีศักยภาพในการเป็นฐานผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ได้มาตรฐานและตรงความต้องการของลูกค้า พร้อมที่จะป้อนสู่โรงงานในนิคมได้อย่างเพียงพอ ทั้งการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่รุ่นพิเศษ และรถจักรยานยนต์ขนาดทั่วไป

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นและการกลับเข้ามาของนักลงทุน จะส่งผลให้อมตะฯสามารถทำยอดขายที่ดิน ในปี 2553 เป็นไปตามเป้าหมาย 900 ไร่อย่างแน่นอน โดยปัจจุบันนักลงทุนที่เข้า มาลงทุนในนิคมส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุน ญี่ปุ่นกว่า 60% และ 30% เป็นนักลงทุนไทยและส่วนที่เหลือก็กระจายตัวกว่า 20 ประเทศ

เพิ่มเติม http://www.prachachat.net

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"รอสซี" เผยปิดจ็อบยามาฮ่าแล้ว

"เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกเวิลด์ จีพี 9 สมัย เผยเหตุที่ตัดสินใจย้ายออกจากทีมเฟียต-ยามาฮ่า ว่าเป็นเพราะงานทุกอย่างของตนเองกับทีมแข่งแดนปลาดิบเสร็จสิ้นลงแล้ว และทีมก็ดูจะไม่ต้องการเก็บตนเองไว้ในอีกต่อไป

ยอดนักบิดอิตาเลียนตัดสินใจอำลาทีมเฟียต-ยามาฮ่า หลังจบฤดูกาลนี้ ด้วยการเซ็นสัญญาล่วงหน้า 2 ปี ย้ายร่วมทีมดูคาติในฤดูกาล 2011 โดยล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจอีกครั้งถึงสาเหตุการอำลาทีมแข่งเลือดซามูไรไปซิ่งกับทีมบ้านเกิด

"ผมมีความสุขที่ได้แสวงหาความท้าทายใหม่ๆ โดยฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานที่ผมทำให้ยามาฮ่าในช่วงที่ผ่านมา ผมคิดว่าทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว เราทำให้ทีมกลายเป็นทีมหัวแถวของโมโตจีพีนับจากปี 2004 เป็นต้นมา เวลานี้พวกเขาสามารถเฟ้นหานักแข่งดีๆได้มากมาย โดยที่ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องมีผมอีกต่อไป" รอสซีเผย

พร้อมกันนี้ยอดนักบิดวัย 31 ปี ยังเผยถึงการได้ร่วมทีมสัญญาบ้านเกิดอย่างดูคาติเป็นครั้งแรกว่า "การมีนักบิดอิตาเลียนอยู่ในทีมอิตาเลียนคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะกับแฟนๆในอิตาลี ผมมั่นใจว่ามันจะเรียกกระแสจากแฟนๆอิตาเลียนได้อีกพอสมควร"

สำหรับรอสซีมีคิวบิดทิ้งท้ายกับเฟียต-ยามาฮ่า อีก 8 เรซสุดท้าย โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี สนามต่อไป จะแข่งขันกันในศึกอินเดียนาโปลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สหรัฐเมริกา วันที่ 29 สิงหาคม นี้

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

‘ฮอนด้า’ กับกลยุทธ์การตลาด 3 ผสาน


กระแสฟุตบอลฟีเวอร์ต่อเนื่องจริงๆ นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้จบไป ตามมาด้วยบรรดาฟุตบอลลีกของประเทศต่างๆ ที่เริ่มบรรเลงเพลงแตะกันแล้ว และยังมีฟุตบอลในไทยบ้านเรา “ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก” ที่กระหึมในใจของแฟนลูกหนังชาวไทย ทำให้ปีนี้กลุ่มธุรกิจต่างอิงกระแส งัดกลยุทธ์ Sport Marketing มาจับลูกค้ากันเป็นแถว โดยเฉพาะธุรกิจขายรถจักรยานยนต์ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนเจ้าตลาด “ฮอนด้า” จะก้าวไม่ทันคู่แข่งเท่าไหร่นัก ส่วนเป็นเพราะสาเหตุอะไร?... “จิอากิ คาโต” ประธานกรรมบริหารคนใหม่ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด มาเป็นผู้ให้คำตอบ…

ทิศทางการทำตลาดจยย.ฮอนด้าปีนี้

ทุกกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้า มุ่งเน้นสร้างความพึงพอใจให้ผู้ใช้รถ และการสื่อสารการตลาด หรือแผนประชาสัมพันธ์ต่างๆ ฮอนด้ามุ่งเน้นและรุกทำกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุกของวัยรุ่นเป็นหลัก เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของวัยรุ่นยุคใหม่ เช่น กิจกรรม “สกุ๊ปปี้ ดี-เดย์” ร่วมกับร้านผู้จำหน่าย และจากความที่ฮอนด้ามีเครือข่ายที่แข็งแกร่ง และครอบคลุมทั่วประเทศ ถือเป็นตัวผลักดันหลักที่ทำให้ฮอนด้าเป็นที่ 1 มากกว่า 20 ปี

กิจกรรมตลาดที่เห็นเป็นรูปธรรมชัด

วิธีการทำตลาดฮอนด้ายังคงเน้น เรื่องของ Target Marketing Relation Marketing เป็นหลัก โดยมีกิจกรรม 3 อย่าง คือ Music, Sport และ Lifestyle Marketing เป็นเครื่องมือหลักเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

ช่วงนี้ ‘Sport Marketing’ มาแรง

ฮอนด้ามองที่กลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก จึงจัดกิจกรรมแตกต่างกันไปครบทุกกลุ่มลูกค้า อย่างช่วงฟุตบอลโลกฮอนด้าได้ออกแคมเปญ “เกาะติดทีมชาติอังกฤษ ลุ้นโชคทุกรอบกับ สกู๊ปปี้ ไอ” ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คูปองที่ส่งมาร่วมสนุกในแคมเปญนี้เยอะมากกว่า 1.5 ล้านใบ อาจเป็นเพราะของรางวัลที่นำเสนอมูลค่ารวมกว่า 7 ล้านบาท รวมทั้งการผลักดันของผู้จำหน่าย ทำให้เราได้รับชิ้นส่วนมากมายขนาดนี้ แต่สิ่งที่ฮอนด้าถือว่าประสบความสำเร็จที่สุด คือ จำนวนคนที่เราสามารถดึงเข้าไปในร้านผู้จำหน่ายได้ด้วย เป็นการสร้างโอกาสขายให้ดีลเลอร์

กิจกรรมการตลาดอื่นๆ ที่จัดปีนี้

Music Marketing เราก็ให้ความสำคัญ ล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ฮอนด้าได้จัดกิจกรรมเทศกาลดนตรีริมทะเลชายหาดชะอำ “Honda Scoopy i Reggae on the Rock “ ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการส่งมอบความสุขให้ทั้งผู้ใช้รถฮอนด้าและประชาชนผู้สนใจทั่วไป งานนี้ประสบความสำเร็จเช่นกัน ได้รับการตอบรับสูงและมากกว่าปีที่แล้วเกือบสามเท่าตัว หรือมีผู้มาชมคอนเสิร์ตปีนี้กว่า 3 แสนคัน ทำให้เกิดการกระจายรายได้ลงพื้นที่ช่วงดังกล่าวกว่า 150 ล้านบาท นอกจากนี้ก็จะมีกิจกรรมอีกหลากหลายตลอดทั้งปี อย่างเช่น “สกู๊ปปี้ ดี-เดย์” ที่จัดได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี

ผลิตภัณฑ์ใหม่ฮอนด้าสู่ตลาด

ฮอนด้าจะไม่หยุดในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด ดังจะเห็นได้จากการเปลี่ยนสายการผลิตรถทุกรุ่นของฮอนด้าให้เป็นระบบหัวฉีด PGM-FI เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในช่วงปลายปีนี้ฮอนด้าจะมีรถสปอร์ตออกวางจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการผลิตและส่งออกไปทั่วโลก เหมือนกับฮอนด้ารุ่น PC-X ที่ผลิตและเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ส่วนบิ๊กไบค์ฮอนด้ากำลังอยู่ในช่วงพิจารณาถึงความเหมาะสม น่าจะมีความชัดเจนในต้นปีหน้า

ตั้งเป้าจากการรุกตลาดปีนี้กี่คัน

คาดการณ์แนวโน้มตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงร้อนแรง จากการแข่งขันทางการตลาดที่ดุเดือด เนื่องจากทุกค่ายผู้ผลิตโฆมอัดกลยุทธ์ส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ และเร่งเปิดตัวรุ่นใหม่ แต่จากกลยุทธ์การตลาดที่วางไว้ฮอนด้ามั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายได้กว่า 1.22 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากภาพรวมตลาดทั้งหมดอยู่ที่ 1.78 ล้านคัน หรือฮอนด้ามีส่วนแบ่งการตลาด 69%

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เปโดรซา" โพลฯเช็กจีพี "รอสซี" ล้ม

ดานี เปโดรซา ยอดนักบิดทีมเรปโซลฮอนด้า มีลุ้นลดช่องห่างจากฮอร์เก ลอเรนโซ ในตารางคะแนนรุ่นโมโตจีพี หลังคว้าตำแหน่งโพลโพซิชัน ในศึกเช็ก กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ในรุ่นโมโตทู รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ รถมีปัญหาได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 24

ศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 10 ของรุ่นโมโตจีพี ซึ่งเป็นสนามที่ 9 ของรุ่นโมโตทู รายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต ในสาธารณรัฐเช็ก ความยาวต่อรอบ 5.403 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นเป็นการแข่งขันรอบควอลิฟาย เพื่อจัดอันดับสตาร์ท

ในรุ่นโมโตจีพี 800 ซีซี ปรากฎว่า ดานี เปโดรซา นักบิดสแปนิชจากทีมเรปโซลฮอนด้า เร่งความเร็วในช่วงท้ายของการจับเวลา คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไปครองด้วยเวลา 1 นาที 56.508 วินาที ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 1 โดยมี เบน สปีส์ จากทีมเทคทรียามาฮ่า และ ฮอร์เก ลอเรนโซ จากเฟียตยามาฮ่า ออกตัวเคียงข้างในกริดที่ 2 และ 3 ในแถวหน้า

ส่วนวาเลนติโน รอสซี แชมป์โลกคนล่าสุด ที่ลงแข่งในสภาพไม่ฟิตเต็มร้อย พลาดล้มในการจับเวลาควอลิฟายรอบสุดท้าย บริเวณโค้งสุดท้ายของสนาม ทำเวลาต่อรอบเข้ามาเป็นอันดับที่ 5 ได้ออกตัวจากกริดที่ 5 ในแถวที่ 2 อย่างไรก็ดีนับว่า "เดอะด็อกเตอร์" โชคดีที่ไม่ได้รับอาการบาดเจ็บรุนแรงจากอุบัติเหตุในครั้งนี้

ส่วนผลควอลิฟายในรุ่นโมโตทู 600 ซีซี "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่ทำเวลาได้ดีในรอบฝึกซ้อมครั้งที่ 2 ด้วยการติดอันดับที่ 10 ต้องเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการปรับจูนรถในพิต ได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 24 ในแถวที่ 6 เท่านั้นด้วยเวลา 2 นาที 05.426 วินาที ขณะที่เจ้าของตำแหน่งโพลในรุ่นนี้ ได้แก่โชยา โทมิซาวา จากทีมเทคโนแมค ด้วยเวลา 2 นาที 03.452 วินาที

สำหรับมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการเช็ก กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต จะดวลความเร็วกันในรอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม นี้ โดยรุ่นโมโตทูเริ่มเวลา 17.15 น. ตามเวลาประเทศไทย

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จิอากิ คาโต อยากเห็น เอ.พี.ฮอนด้าเป็นผู้นำตลาดโลก

หลังจากเข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่แห่งค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง เอ.พี.ฮอนด้า มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง วันนี้ "จิอากิ คาโต" นายใหญ่ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้พบปะ รวมทั้งได้อัพเดตสถานการณ์และความเคลื่อนไหวของ เอ.พี.ฮอนด้า ว่าวันนี้ความสำเร็จในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมากับส่วนแบ่งตลาด 69% อะไรคือปัจจัยที่นำพา

ความสำเร็จในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา

สำหรับยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานั้น ต้องบอกว่าตลาดโดยรวมมียอดขายสูงถึง 933,219 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนซึ่งทำได้ที่

750,000 คัน และฮอนด้ามียอดขาย 641,481 คัน โตเพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อนที่ทำได้ 640,000 คัน และมีส่วนแบ่งตลาด 69% สาเหตุที่ทำให้ตลาดโตเพิ่มขึ้นนั้น เรามองว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเมื่อช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ตลาดรถจักรยานยนต์ได้ลดลงไปค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจ แต่หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นมาตลาดเริ่มดีขึ้น ลูกค้าที่ชะลอการตัดสินใจซื้อรถ ได้หันกลับมาซื้อรถตลาดช่วง 6-8 เดือนที่ผ่านมา

เป้าหมายของ เอ.พี.ฮอนด้าในปีนี้

สำหรับปีนี้เชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์น่าจะอยู่ในระดับ 1.78 ล้านคัน และเติบโตเพิ่มขึ้น 16% ส่วนฮอนด้านั้นคาดว่าจะมี ยอดขายอยู่ที่ 1.22 ล้านคัน และเติบโตมากกว่าตลาดรวมที่ 20% รวมทั้งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 69% ซึ่งสถานการณ์ วันนี้เรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า จะสามารถทำได้ตามแผนงานที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

นโยบายหลังเข้ามาดูแลตลาดไทย

สำหรับนโยบายหรือแนวทางการบริการนั้น แน่นอนเราต้องยึดมั่นแนวทางและหลักปรัชญา การบริการของ "ฮอนด้า" ซึ่งเรา มุ่งเน้นและให้ยึดใน 2 เรื่องหลัก คือ การเคารพความเป็นปัจเจกบุคคล และความยินดี 3 ประการ คือ ยินดีซื้อ, ยินดีขาย และยินดีบริการ ซึ่งนโยบายนี้จะเป็นแนวนโยบายเดียวกันกับบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น

ความคืบหน้ารถบิ๊กไบก์

ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบก์นั้น ฮอนด้ามีความตั้งใจและพยายามมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วว่า ต้องการนำสินค้าประเภทนี้เข้ามาเสริมไลน์ และสร้างภาพลักษณ์ในประเทศไทย แต่ช่วงที่ผ่านมา อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า อุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ และเราก็เช่นเดียวกัน ทำให้การดำเนินงานในโครงการนี้ล่าช้าออกไป

แต่วันนี้สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น และฮอนด้าเราก็กำลังพิจารณาแผนงานในเรื่องนี้อยู่ เราตั้งใจจะแบ่งปันความสุขไปยังกลุ่มผู้ชื่นชอบ และนิยมใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ด้วย

มีโอกาสจะได้เห็นใช้ไทยเป็นฐานบิ๊กไบก์หรือไม่

ถ้าจะพูดในแง่ของขนาดเครื่องยนต์ซึ่งวันนี้ประเทศไทยมีการผลิตรถหลายระดับ ซีซี แต่ถ้าซีซีสูงขึ้นไปกว่านี้ เราคิดว่าน่าจะเป็นการนำเข้าเหมาะสมกว่า บวกกับตอนนี้รัฐบาลไทยก็ได้ให้การสนับสนุน ผ่านเงื่อนไขทางการค้า หรือเอฟทีเอต่าง ๆ ซึ่งไทยได้ทำกับหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งฮอนด้ามองว่าในอนาคตจะได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ และสำหรับบิ๊กไบก์ ปีนี้เราคงจะทำออกมาไม่ทันอย่างแน่นอน

ผลตอบรับของรถจักรยานยนต์พรีเมี่ยม ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์

ในส่วนของฮอนด้า พีซีเอ็กซ์นี้ ถือว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีมาก ๆ ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายพอ ๆ กัน ปีนี้เราตั้งเป้าจะมียอดขายรถรุ่นนี้ไว้ที่ 35,000 คัน สำหรับตลาดในประเทศ ซึ่งวันนี้ผ่านมา 6 เดือนมียอดขายไปแล้วกว่า 20,000 คัน ซึ่งเราพอใจมาก ๆ

และอนาคตอันใกล้นี้ ฮอนด้าก็จะมีการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ ในรูปแบบคล้าย ๆ กับพีซีเอ็กซ์ขึ้นมาอีก 1 รุ่น และเราหวังว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในการผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีความแข็งแกร่ง และมีคุณภาพของฮอนด้า สำหรับรถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ จะเป็นรถที่ได้รับการพัฒนาระดับเดียวกับพีซีเอ็กซ์ หรืออาจจะสูงกว่า

- กังวลกับสถานการณ์ในประเทศหรือไม่

ไม่มีอะไรที่กังวลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้ ฮอนด้าไม่มีความกังวลแต่อย่างใด แต่ที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ จนเป็นเหตุให้ ส่งผลกระทบไปยังเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย และอนาคตถ้ามีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้นี้เกิดขึ้น มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวลในระยะสั้นเท่านั้น

อย่างในปีนี้ เรามีแผนในการทำตลาดและมีกิจกรรมต่าง ๆ รออยู่ค่อนข้างมาก เดือนตุลาคมที่จะถึงเราจะเตรียมงานฉลองวันเกิดครบรอบ 1 ปีให้กับฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ, การส่งรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด หรือแม้แต่กิจกรรมส่งเสริมการขายต่าง ๆ เราก็จะยังคงจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี และถ้าการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปตามแผนเหมือนช่วงครึ่งปีแรก "ผมเอง" ก็คงไม่มีอะไรต้องทำมากนัก เพราะวันนี้คน เอ.พี.ฮอนด้าทุกคนสามารถทำทุกอย่างได้ดีแล้ว

หรือแม้แต่ปีหน้าจะถือเป็นอีก 1 ปีที่สำคัญของ เอ.พี.ฮอนด้า เพราะจะเป็นปีฉลองความสำเร็จของการเข้ามาดำเนินธุรกิจครบรอบ 25 ปีในประเทศไทยของ เอ.พี.ฮอนด้าด้วย และเราก็อยากจะให้เกิดสิ่งดี ๆ ในปีนี้

ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงหรือไม่

ความจริงแล้ว ส่วนแบ่งตลาดนั้น เรามองว่ามันคือผลที่เกิดขึ้น แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกใช้รถอะไรมากกว่า วันนี้ เอ.พี.ฮอนด้าเราพยายามทำธุรกิจบนพื้นฐานของความถูกต้อง มีคุณธรรม และ ผู้ใช้จะเลือกรถยี่ห้ออะไร ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ใช้

การลงทุนเพิ่มเติม

ในทุก ๆ ปีเราจะมีการลงทุนอยู่แล้ว ที่โรงงานของไทยฮอนด้า สำหรับการลงทุนหลักของเรา ในประเทศอินเดีย-อินโดนีเซียนั้นจะเป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตส่วนการลงทุนในประเทศไทย หลักใหญ่จะเป็นการลงทุนพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานการผลิต ด้วยการเน้นเทคโนโลยีชั้นสูงมากกว่า

มองสัดส่วนตลาดจะเปลี่ยนเป็นรถเอทีมากขึ้น

สัดส่วนของรถเอทีในปัจจุบันนี้ยังไม่ถึง 60% ของตลาด แต่เราเชื่อว่าในระยะเวลา 5 ปีนับจากนี้ สัดส่วนของรถเอทีจะปรับเพิ่มเป็น 2/3 ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั้งหมด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าความต้องการของรถครอบครัวจะลดน้อยลง

การแข่งขันของตลาดเมืองไทย

การแข่งขันของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยนั้น ยังถือว่ามีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมากนัก และเราก็ไม่ได้อยากจะ แข่งขันกับใคร เรามองเพียงแค่ป้อนสินค้าให้กับลูกค้าได้ตามความต้องการ เราอยากสร้างความคึกคักให้กับตลาด และแน่นอน เราอยากให้ เอ.พี.ฮอนด้าเป็นผู้นำตลาดโลก และวันนี้รถจักรยานยนต์ของเรา ถือว่า ก้าวหน้าที่สุดในโลก และเราจะต้องพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย

เพิ่มเติม http://prachachat.net/

“สิทธิผล” ชี้ตลาดอะไหล่มอเตอร์ไซค์อีสานยังแรง

เศรษฐกิจต่างจังหวัดพุ่งฉลุย บริษัท สิทธิผล 1919 มั่นใจปี 53 ตลาดอะไหล่รถจักรยานยนต์อีสานโต 9% เร่งวางกลยุทธ์ลงพื้นที่หนุนตัวแทนจำหน่ายขยายตลาดสู่นอกเมืองให้ทั่วถึง

นายศิริ อังคฉัตรชัย ผู้จัดการขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท สิทธิผล 1919 เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทช่วงครึ่งปีหลังว่า สิทธิผลมีแผนที่จะรุกตลาดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากขึ้น เนื่องจากหลายจังหวัดในแถบภาคอีสานมีศักยภาพทางธุรกิจสูง เป็นศูนย์กลางทางการค้า การบริหารงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาของภาค ประกอบกับบริษัทมีตัวแทนจำหน่ายแข็งแกร่งและฐานลูกค้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าในปี 2553 นี้ บริษัทจะสามารถเพิ่มยอดขายได้ 9%

“บริษัทคาดหวังให้ตัวแทนจำหน่ายทุกภูมิภาคทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 1,000 ราย สามารถเพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น สำหรับตลาดแถบอีสานวางกลยุทธ์ลงพื้นที่ช่วยสนับสนุนดีลเลอร์ให้สามารถกระจายสินค้าสู่กลุ่มลูกค้าในเขตนอกเมืองให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น เนื่องจากยังมีบางพื้นที่ที่ยังสามารถเข้าไปทำตลาดและมีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวแทนจำหน่ายอีกทางหนึ่ง”

นายวิวัฒน์ รุจิพรวศิน เจ้าของกิจการ บริษัท ชัยสว่างมอเตอร์พาร์ท 1995 ผู้จัดจำหน่ายอะไหล่รถจักรยานยนต์ จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะชะลอตัวตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศและผลิตผลทางการเกษตรไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะมันสำปะหลัง ซึ่งโคราชเป็นแหล่งผลิตใหญ่แต่ประสบปัญหาเพลี้ยแป้งลงเมื่อช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามปัจจัยตลาดในพื้นที่ยังมีความต้องการใช้อะไหล่รถจักรยานยนต์ในสัดส่วนที่สูง เนื่องจาก รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่จำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน ประกอบกับผู้บริโภคมีกำลังทรัพย์ที่จะดูแลและบำรุงรักษาง่ายทำให้บริษัทยังรักษาฐานลูกค้าไว้ได้เหมือนเช่นทุกปี

“ปัจจุบันตลาดอะไหล่รถจักรยานยนต์แข่งขันกันสูงขึ้น ธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวและพัฒนาประสิทธิภาพสม่ำเสมอ โดยบริษัทมีการลงทุนพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทำธุรกิจ พร้อมจัดบริการรถขายส่งภายในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยผลักดันยอดขายและวางระบบบริหารจัดการร้านได้เป็นอย่างดี”

เพิ่มเติม http://www.posttoday.com

วัฒนาทำฐานข้อมูลวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

นายจรูญ มีธนาถาวร ผู้อำนวยการเขตวัฒนา กล่าวว่า เขตในฐานะหน่วยงานในสังกัด ได้ริเริ่มโครงการ "จัดทำฐานข้อมูล และให้บริการข้อมูลผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างด้วยระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ Virtual Private Network (VPN)" ขึ้น โดยใช้ร่วมกับโครงข่ายโทรศัพท์ระบบ 3G เชื่อมต่อเข้าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสำนักงานเขต

เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่ซึ่งมีอยู่ 130 วิน คิดเป็นจำนวนผู้ขับขี่รับจ้างประมาณ 1,100 คน ให้เป็นระบบ ถูกต้องและครบถ้วน สามารถให้บริการออกใบรับรอง กรณีขอเปลี่ยนรถจักรยานยนต์แก่ผู้ขับขี่รับจ้าง รวมทั้งให้บริการข้อมูลของผู้ขับขี่ในพื้นที่แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีตำรวจนครบาลและกรมการขนส่งทางบก

ทั้งนี้ ผู้ขับขี่รับจ้างสามารถเลือกเข้ารับบริการได้ทั้งในสำนักงานเขตและสถานที่ที่กำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจจะกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมภายในพื้นที่เขตโดยจะออกให้บริการจัดทำฐานข้อมูล ผู้ขับขี่รับจ้างนอกสถานที่ทุกเดือนๆ ละ 1-2 ครั้ง ตั้งแต่บัดนี้ถึงกันยายน 2553 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเทศกิจ โทร.02-3812136 ในวันและเวลาราชการ

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ยามาฮ่ากระตุ้นยอดบิ๊กไบค์

ยามาฮ่าเปิดแผนบิ๊กไบค์ครึ่งปีหลัง ชูกลยุทธ์ส่งเสริมการขายดาวน์น้อยดอกเบี้ยต่ำ อัดกิจกรรมซีอาร์เอ็มหวังมัดใจลูกค้าใหม่ - เก่า พร้อมเปิดจุดขายเพิ่ม คาดสิ้นปีทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ 100 -140 คัน นายเกษมพงศ์ สินธุโสภณ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผนการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้ารถจักรยานยนต์ยามาฮ่า กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ค่อนข้างจะดี แต่เมื่อมามองเฉพาะตลาดบิ๊กไบค์กลับพบว่าตลาดซบเซาลงไปบ้างเล็กน้อย ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดต้องมีการปรับตัวเพื่อกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคัก ซึ่งในส่วนของยามาฮ่า ที่มีรถบิ๊กไบค์เข้ามาจำหน่าย ก็ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดผ่านแคมเปญที่เป็นข้อเสนอทางการเงิน

ล่าสุดมีการทำแคมเปญรถบิ๊กไบค์ ในรุ่น YZF-R1 , YZF-R6 และรุ่นสปอร์ตทัวริ่ง FZ1 FAZER ด้วยแคมเปญ ดาวน์ 20% ดอกเบี้ย 1.99% 48 เดือน หรือดาวน์ 30% ขึ้นไป ดอกเบี้ย 0% 24 เดือน หรือ 0.99 % 36 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ ที่โชว์รูมยามาฮ่าไรเดอร์ส คลับ ทั้ง 4 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ,เชียงใหม่,ภูเก็ต และนครราชสีมา

"ในงานมอเตอร์โชว์ เรามีการจัดไบค์เฟส แนะนำรถหลายรุ่น พร้อมข้อเสนอทางการเงิน ซึ่งพบว่าผลการตอบรับจากงานดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภครู้จักรถของยามาฮ่ามากขึ้น ส่วนแคมเปญ 0% ผ่อนนาน 2 ปี ก็มีผลให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นเจ้าของง่ายขึ้น ขณะที่การแข่งขันเรื่องราคานั้น บริษัทมองว่าการทำราคาต่ำมาแข่งขันกัน ไม่ได้ส่งผลดีกับตลาดเพราะจะทำให้เกิดความไม่เหมาะสม "

นอกจากข้อเสนอทางการเงินแล้ว ยังเตรียมแผนงานด้านการตลาดผ่านกิจกรรมกับลูกค้า ซึ่งถือเป็นการทำซีอาร์เอ็ม โดยจะจับมือกับดีลเลอร์เพื่อจัดกิจกรรม อาทิ จัดอบรมเทคนิคการขับขี่บิ๊กไบค์ หรือ ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมสนามแข่งขัน ก็จะเปิดอบรมทักษะพิเศษในสนามแข่ง ,การจัดทริปท่องเที่ยวเสาร์ -อาทิตย์ หรือวันหยุดเฉพาะผู้ที่ขับรถบิ๊กไบค์ และไฮไลต์ประจำปีคือการขับรถไปร่วมชมมอเตอร์จีพีที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย

นายเกษมพงศ์ กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดบิ๊กไบค์ค่อนข้างจะโตแบบก้าวกระโดด โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตัวเลขยอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 คัน แต่ปัจจุบันคาดว่าตลาดรวมน่าจะอยู่ 1,200 -1,300 คัน ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ตลาดเติบโตมาจากราคาเริ่มต้นของรถบิ๊กไบค์ที่ถูกลง ทำให้ผู้บริโภคเป็นเจ้าของรถง่ายขึ้น โดย ยามาฮ่าคาดว่าจะทำยอดขายรถในกลุ่มบิ๊กไบค์ได้ประมาณ 100 - 140 คัน

ปัจจุบันยามาฮ่ามีบิ๊กไบค์ที่ขายได้แก่ รุ่น YZF-R1 ราคา 870,000-946,000 บาท ,รุ่น YZF-R6 ราคา 680,000 - 695,000 บาท ,รุ่น FZ1 FAZER ราคา 650,000 บาท ,รุ่น FZ 6 ราคา 490,000 บาท ,FJR1300A ราคา 850,000 บาท และ TMAX ราคา 550,000 - 555,000 บาท ขณะที่โชว์รูมและศูนย์บริการมีจำนวนทั้งสิ้น 4 แห่งทั่วประเทศ และกำลังทำการขยายเครือข่ายซึ่งจะเป็นจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นที่พัทยา และจังหวัดที่เป็นพื้นที่รอยต่อของจังหวัดใหญ่ๆอย่างเชียงใหม่ หรือ ภูเก็ต

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

“ฮอนด้า” ยิ้มกลยุทธ์เข้าเป้า ดีลเลอร์ชอบใจคนไทยได้โชค แห่ส่งคูปองชิง “สกู๊ปปี้ ไอ ลายสิงโตคำราม” กว่า 1.5 ล้านใบ

“ฮอนด้า” สุดปลื้มแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้าสกู๊ปปี้ ไอ” บรรลุผลเกินคาดหมาย ดีลเลอร์สุดแฮปปี้ เก็บเกี่ยวลูกค้ารายใหม่กันถ้วนหน้า แถมผูกใจผู้ใช้รถฮอนด้าอยู่หมัด สามารถเดินหน้าต่อยอดทางธุรกิจได้มากมาย ขณะที่ผู้สนใจทั่วไปได้ร่วมสนุก พร้อมลุ้นรับโชคใหญ่แบบไม่มีเงื่อนไข โดยมีคนไทยร่วมส่งคูปองทายผลลุ้นชิง “ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ลายสิงโตคำราม” ล้นทะลึกกว่า 1.5 ล้านใบ

มร.จิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงเกมส์การแข่งขันศึกลูกหนังโลกปี 2010 ที่เพิ่งจบลงไปเมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัท เอ.พี. ฮอนด้าได้ส่งแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับ ฮอนด้าสกู๊ปปี้ ไอ” ที่สามารถสร้างความคึกคักให้ตลาดในรูปแบบใหม่ ไม่ซ้ำใคร ด้วยการให้ผู้เข้าร่วมสนุกได้ลุ้นทายว่า ทีมชาติอังกฤษจะสามารถเข้าสู่รอบการแข่งขันในศึกลูกหนังโลกที่แอฟริกาใต้ได้ลึกที่สุดในปีนี้ได้ถึงรอบไหน ทายถูก : ลุ้นรับรถจักรยานยนต์ฮอนด้าสกู๊ปปี้ ไอ ลายสิงห์โตคำราม Limited Edition เพียง 100 คัน ทายพลาด : มีสิทธิ์ลุ้นรับเสื้อโปโลทีมชาติอังกฤษ 1,000 ตัว รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 7 ล้านบาท ซึ่งแคมเปญนี้ได้รับความสนใจอย่างเหนือความคาดหมายจากที่เราคาดการณ์ไว้ โดยดูได้จากจำนวนชิ้นส่วนคูปองทายผลที่ส่งเข้ามาร่วมสนุกนั้นมีมากกว่า 1.5 ล้านใบ ทำให้การวางแผนของ เอ. พี. ฮอนด้า ที่มุ่งสร้างสรรค์กลยุทธ์ในการกระตุ้นการขาย ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าและประชาชนทั่วไปที่สนใจอย่างสูงสุด และสามารถสร้างบรรยากาศความคึกคักให้กับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศได้ผลสำเร็จเป็นอย่างดีทั้งในช่วงเวลานั้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคตต่อไป”

จากความสำเร็จดังกลาว ได้สะท้อนให้เห็นถึงการวางกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้าแนวใหม่ ที่มิใช่เพียงแค่การส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่ฮอนด้ยังส่งมอบความสุขให้แก่พี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าหรือผู้สนใจทั่วไป ได้มีความสุขและร่วมสนุกกับมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลระดับโลก ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมสูงสุดของมวลมนุษยชาติ และยังสร้างสรรค์กลยุทธ์กระตุ้นบรรยากาศความคึกคักที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศในครั้งนี้อีกด้วย“ มร.จิอากิ กล่าวยืนยัน “ต้องขอขอบคุณผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าทุกท่าน รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ให้การตอบรับกิจกรรมแคมเปญ “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้าสกู๊ปปี้ ไอ” ซึ่งฮอนด้าเองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งความสุขผ่านเกมส์กีฬายอดนิยมของโลกในครั้งนี้ และยังช่วยเติมรอยยิ้มให้แก่พี่น้องคนไทย ”

สำหรับรายชื่อผู้โชคดีในการร่วมกิจกรรม “เกาะติดอังกฤษ สู้ศึกลูกหนังโลก ลุ้นโชคทุกรอบกับฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ” ประกาศผลทางหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2553 และทาง http://www.aphonda.co.th/

เพิ่มเติม http://www.thaipr.net/

ตลาดสองล้อแข่งเดือด ฮอนด้าชูรถใหม่

เอ.พี.ฮอนด้า ทบทวนตลาดบิ๊กไบค์อีกรอบ ระบุปีหน้ารู้ผลแน่นอน เตรียมเดินหน้าเปิดตัวโปรเจ็กต์รถสปอร์ตใหม่ ตุลาคมนี้ มั่นใจรุ่นใหม่ตลาดอ้าแขนรับไม่แพ้รุ่นพีซีเอ็กซ์ พร้อมตั้งเป้าตลาดครึ่งปีหลังคึกคัก ส่งยอดขายรถรวมทั้งตลาดทะลุ 1.78 ล้านคัน

นายจิอากิ คาโต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดเผยว่า บริษัทมีความพยายามในการนำรถบิ๊กไบค์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย แต่ว่าในช่วงที่ผ่านมาเกิดปัญหาด้านเศรษฐกิจส่งผลให้การดำเนินงานล่าช้า ซึ่งคาดว่าหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นคืนกลับมาก็จะพิจารณาแผนงานดังกล่าวอีกครั้ง ส่วนโชว์รูมบนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ หรือ บิ๊กวิงส์ คาดว่าจะมีความเคลื่อนไหวในปีหน้า

ส่วนแผนงานด้านตลาดนั้น ในเบื้องต้นรถบิ๊กไบค์ของฮอนด้าจะเป็นการนำเข้าจำหน่ายมากกว่าผลิตในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้เงื่อนไขพิเศษด้านเอฟทีเอ กับประเทศต่างๆทำให้การนำเข้าได้รับอัตราภาษีพิเศษ

"เรายังคงมองว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ ดังจะเห็นจากการผลิตรถรุ่นใหม่อย่างพีซีเอ็กซ์ ที่ผลิตขึ้นมาเป็นครั้งแรก และทำการส่งออกไปยังตลาดประเทศต่างๆ ซึ่งแนวโน้มในอนาคตประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในส่วนของบิ๊กไบค์ ฮอนด้าต้องการแบ่งปันความสุขในการขับขี่รถทุกประเภทกับลูกค้าคนไทย แต่เนื่องจากรถบิ๊กไบค์เป็นรถขนาดใหญ่ที่ต้องมีเทคโนโลยี ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งศูนย์พัฒนาและปรับแต่งเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภครถบิ๊กไบค์ในเมืองไทย "

นายคาโต กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาฮอนด้าได้พัฒนารถรุ่นใหม่ พีซีเอ็กซ์ ที่ทำการเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา และเริ่มส่งออกต้นปี โดยพบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และทำยอดขายมากกว่า 20,000 คันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่เป้าหมายยอดขายทั้งปีของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 35,000 คัน สำหรับรุ่นพีซีเอ็กซ์ ทำการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น และยุโรป

นอกจากนั้นแล้ว บริษัทยังเตรียมลงทุนเพื่อพัฒนารถรุ่นใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนตุลาคมนี้ โดยจะเป็นรถใหม่แบบสปอร์ต ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งในรุ่นใหม่นี้ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนไม่ต่างจากในรุ่นพีซีเอ็กซ์เลย
ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดของฮอนด้า ยังคงเน้นกิจกรรมที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายหลัก อาทิ"สกู๊ปปี้ ดี-เดย์"ที่จะจับมือร่วมกับร้านผู้จำหน่ายเพื่อตระเวนไปจังหวัดต่างๆ และเตรียมจะมีกิจกรรมใหญ่เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 1 ปีของสกู๊ปปี้ ไอ ที่เข้ามาแนะนำตัวกับตลาดในประเทศไทยรวมไปถึงเน้นเรื่อง Target Marketing และ Relation Marketing เป็นหลัก โดยมีมิวสิกหรือสปอร์ตหรือ ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งเครื่องมือเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ล่าสุดมีการใช้มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง ผ่านการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบต่างๆ ล่าสุดที่มีขึ้นในวันที่ 31 ก.ค.นี้ที่ชายหาดชะอำ กับฮอนด้า เรกเก้ ออน เดอะ ร็อค 2

นายคาโต กล่าวโดยคาดว่าตลาดรถยนต์ปีนี้จะมีตัวเลขยอดขาย 1.78 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 16% โดยในส่วนของฮอนด้าคาดว่าจะมียอดขาย 1.22 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 20 % หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาด 69% ขณะที่ตัวเลขยอดขายรวมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดขาย 933,219 คัน เติบโต 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยฮอนด้ามียอดขาย 641,481 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 69% เติบโต 30%

"ตลาดครึ่งปีแรกของฮอนด้าเติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมา และแม้จะมีเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจและการเมืองแต่ฮอนด้ากลับได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าทุกประเภท รวมถึงเทคโนโลยีและการพัฒนาของฮอนด้า และการบริการที่ครบวงจรของตัวแทนจำหน่าย โดยคาดว่าตลาดในครึ่งปีหลังจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีการใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ หรือการแนะนำแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดมากขึ้น"

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"ซูซูกิ"สางปัญหาพื้นที่ขายทับซ้อน เปิดรับตัวแทนใหม่หลังเทกโอเวอร์"พรประภา"จบ

"ซูซูกิ" เตรียมเดินหน้าทำตลาดมอเตอร์ไซค์เต็มสูบ หลังจากซื้อหุ้นคืนจากเอส.พี.ซูซูกิ คาดลุยสะสางปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ส่วนดีลเลอร์ 200 แห่งยังไม่ชัดเจน เตรียมให้สมัครเข้าเป็นดีลเลอร์ใหม่ ขณะที่ "ฮอนด้า-ยามาฮ่า" ลั่น แม้บริษัทแม่เข้ามาทำตลาด เชื่อไม่กระเทือน คาดปีนี้ตลาดโตแตะระดับ 1.78 ล้านคัน

ผลพวงจากการที่กลุ่มพรประภาถอดใจเลิกขายมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ ปล่อยให้ญี่ปุ่น เข้ามาลุยเมืองไทยเอง โดยแจ้งตลาด หลักทรัพย์ฯขอเพิกถอนหุ้น เอส.พี.ซูซูกิ เนื่องจากบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ของญี่ปุ่น มีนโยบายจะทำธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทยด้วยตัวเอง และได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด พร้อมยกเลิกสัญญา Distributorship Agreement หรือการเป็นตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด

นายเลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงกรณีการเปลี่ยน แปลงที่เกิดขึ้นว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะส่งผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้น โดยบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ จะมีหุ้นอยู่ 5.56% เท่าเดิม ขณะที่หุ้นที่เหลือทั้งหมดก็จะถือโดยซูซูกิประเทศญี่ปุ่น

จากเดิม บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นอยู่ที่ 42.38% แต่หลังจากเอส.พี.ฯ ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดคืนกับบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น และขอยุติบทบาทการเป็นดิสทริบิวเตอร์ของซูซูกิลงตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ปัจจุบัน ซูซูกิมีโชว์รูม

ทั่วประเทศ 600 กว่าแห่ง ซึ่งในจำนวนนี้เป็นของบริษัท ไทยซูซูกิ จำกัด, บริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด และบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด

โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ได้มีการประกาศแต่งตั้งดีลเลอร์ไปแล้ว 53 แห่ง และล่าสุด จะมีการพิจารณารับเพิ่มเป็น 60 แห่งทั่วประเทศ ยกเว้นเพียงแต่ในเขตพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งดูแลโดยบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด เท่านั้น ขณะที่เป้าหมายการดำเนินธุรกิจของซูซูกิ ในปีนี้บริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายเดิมที่ 1 แสนคัน ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายบ้าง แต่เป็นไปได้ทั้งเชิงบวกและลบ ดังนั้น บริษัทจึงขอยืนยันเป้าหมายเดิมก่อน

แหล่งข่าวจากบริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า บริษัทได้ตัดสินใจแจ้งบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังจากที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายมายาวนานกว่า 40 ปี โดยนอกจากการยกเลิกสัญญาดังกล่าวแล้ว ยังจะมีการขายหุ้น 42.38% คืนให้กับบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และบริษัทจะไม่มีความเกี่ยวข้องต่อกับธุรกิจดังกล่าวทั้งหมด

ส่วนดีลเลอร์ที่บริษัทมีอยู่ประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศนั้น คาดว่าบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด จะเปิดโอกาสให้สมัครเข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิใหม่ ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ ดีลเลอร์

"การตัดสินใจยุติบทบาทของเราครั้งนี้ ถือเป็นการจากลากันด้วยดี เพราะที่ผ่านมา ไทยซูซูกิก็มีการตั้งตัวแทนจำหน่ายของตัวเองในพื้นที่ 62 จังหวัดที่เราดูแลอยู่ตั้งแต่เมื่อปี 2550 แล้ว เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของซูซูกิต่อจากนี้ ส่วนการบริหารจัดการรถจักรยานยนต์ในสต๊อกของเรานั้น เท่าที่ได้มีการ หารือกับทางไทยซูซูกิฯ คาดว่าทางซูซูกิจะเป็นผู้รับผิดชอบและซื้อคืนทั้งหมด" แหล่งข่าวกล่าว

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า โดยรวมของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ น่าจะช่วยให้ซูซูกิมีการพัฒนาระบบเครือข่ายการจำหน่ายได้ดีมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา อาจจะมีบางช่องทาง และบางพื้นที่มีความซ้ำซ้อน ซึ่งหากบริษัทแม่เข้ามาดูแล และควบคุมอย่างเต็มที่ ก็น่าจะทำให้ตรงนี้ดีขึ้น ส่วนจะทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์มีสภาพการแข่งขันที่รุนแรงหรือไม่นั้น ถือว่าปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงมาโดยตลอด และสินค้า รวมทั้งพื้นที่การจำหน่ายของซูซูกิก็ไม่ได้ด้อยกว่ายี่ห้ออื่น ๆ

"ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจับตา เพราะจุดประสงค์ใหญ่ของการเข้ามาของซูซูกิครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาเครือข่ายให้ดีขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว บริษัทแม่คงไม่ทุ่มเงินลงทุนขนาดนี้ ส่วนเรื่องสินค้า และพื้นที่การขาย ถ้ามีการพัฒนาให้เหมือนคู่แข่ง ก็เชื่อว่าน่าจับตาทีเดียว" นายธีระพัฒน์กล่าว

สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตสูงถึง 25% และเอ.พี.ฮอนด้ามีอัตราการเติบโตที่ 30% ซึ่งถือเป็นยอดที่น่าพอใจ ส่วนครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์ยังคงดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าภาคการเกษตร คาดว่าตลาดโดยรวมน่าจะอยู่ในระดับ 1.78 ล้านคัน สูงขึ้นจากเป้าเดิมที่ 1.7 ล้านคัน และฮอนด้าจะมียอดขายเพิ่มเป็น 1.14 ล้านคันอย่างแน่นอน

เช่นเดียวกับนายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับซูซูกิ ในเชิงตลาดรวม คงไม่ แตกต่างกันมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมา ซูซูกิก็ได้มีความพยายามทำตลาดอย่างเต็มที่ แต่ความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะได้เห็นครั้งนี้ คือโครงสร้างการบริหารมากกว่า ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับซูซูกิ เพราะหากเทียบกับค่ายรถจักรยานยนต์อื่น ๆ ที่บริษัทแม่เข้ามาดูแล 100%

เพราะเดิม การบริหารจัดการของ "ซูซูกิ" นั้นมีความหลากหลาย อาจจะส่งผลทำให้การบริหารจัดการไม่ชัดเจน แต่จากการตัดสินใจของบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับไทยซูซูกิ ว่าจะทำทุกอย่างได้มีมากน้อยเพียงใดด้วย

สำหรับยามาฮ่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการทำตลาดมากนัก เพราะลำพังเพียงแค่ฮอนด้าและยามาฮ่า ก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 95% แล้ว ดังนั้น การปรับเปลี่ยนของซูซูกิครั้งนี้ น่าจะทำให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น ในแง่ของเป้าหมายการจำหน่ายของปีนี้ เดิมยามาฮ่าตั้งเป้ามียอดขายที่ 4.8 แสนคัน แต่ขณะนี้ได้ปรับเพิ่มเป้าเป็น 5.2 แสนคันขึ้นไปแล้ว เนื่องจากตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตค่อนข้างมาก

สำหรับบริษัท เอส.พี.อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุน ในราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญ 16.20 บาทต่อหุ้น และมีบริษัท เคพีเอ็มจี ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินของผู้เสนอซื้อ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ

เพิ่มเติม http://www.prachachat.net/

"ยามาฮ่า" ใช้รถลายใหม่บิดยูเอสฯ

เฟียต-ยามาฮ่า ทีมแข่งดังแห่งศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี ตกแต่งลวลลายรถ YZR-M1ของวาเลนติโน รอสซี และฮอร์เก ลอเรนโซ เป็นการเฉพาะกิจ สำหรับการแข่งขันรายการยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามลากูนา เซกา สหรัฐอเมริกา ในสุดสัปดาห์นี้

ทีมแข่งโรงงานจากประเทศญี่ปุ่น เปิดตัวลวดลายรถแข่งที่รอสซี และลอเรนโซ จะใช้ทำศึกที่สนามลากูนา เซกา เซอร์กิต ด้วยการตกแต่งลวดลายที่เป็นการฉลองการนำเข้ารถ "เฟียต 500" รถยนต์ขนาดเล็กจากประเทศอิตาลี ที่จะเข้าไปทำตลาดอีกครั้งในสหรัฐอเมริกา

โดยลวดลายดังกล่าวเป็นการนำใบหน้าแฟนคลับทีมเฟียต-ยามาฮ่า หลายร้อยคนมาตกแต่งเป็นลวลลายบนรถรถ YZR-M1 ทั้ง 2 คัน พร้อมด้วยตัวเลข 500 ซึ่งเป็นลายธงชาติสหรัฐอเมริกา อันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการดังกล่าว

โดยมีรายงานว่าเพียง 30 นาทีที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเฟียต-ยามาฮ่า เปิดให้แฟนๆได้ส่งรูปใบหน้าตัวเองเข้ามาเพื่อนำมารวมเป็นลวดลายบนรถแข่ง แฟนคลับจากทั่วโลกหลายพันก็ต่างส่งรูปของตัวเองเข้ามาจนเว็บไซต์ต้องปิดรับภายในเวลาอันรวดเร็ว

สำหรับศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่สนามลากูนา เซกา จะเป็นสนามเดียวของเวิลด์ จีพี 2010 ที่แข่งขันเฉพาะรุ่นโมโตจีพี โดยรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นในคืนวันอาทิตย์ที่ 25 ก.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

"ภราดร" ชื่อขายได้ 11 บริษัทหนุนทีมซิ่งสองล้อ

ความโด่งดังของ ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมือ 9 ของโลกขวัญใจชาวไทย ยังไม่ลดน้อยถอยลง เมื่อล่าสุดมีสินค้าน้อยใหญ่ 11 รายการแห่สนับสนุนทีมมอเตอร์ไซค์ซูเปอร์ไบค์ "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" ซึ่งมี "ซูเปอร์บอล" เป็นสิงห์นักบิด

หลังประกาศแขวนแร็กเกตเทนนิสเต็มตัว เมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ภราดร วัย 31 ปี เดินตามความฝันเปิดตัวเข้าร่วมทีมซูเปอร์ไบค์ไทย "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" พร้อมกับ "ซูเปอร์เบิร์ด" แสน เชยศักดิ์ เพื่อลงแข่งขันรายการในไทยปี 2010 ทั้งหมด 7 รายการ

ทีมข่าว MGR Sport ทำการสอบถามข้อมูลไปที่ที "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" พบว่ามีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนทีมลงแข่งขันในปี 2010 ถึง 11 รายการ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากชื่อเสียงของ "ซูเปอร์บอล" หนึ่งในนักบิดของทีม ซึ่งประชาชนชาวไทยรวมถึงทั้งโลกรู้จักเป็นอย่างดี

โดย สปอนเซอร์ทีมแข่งประกอบด้วย 1.น้ำมันเครื่อง เอลฟ์ และ 2. สิทธิผล กรุ๊ป ในฐานะผู้สนับสนุนหลัก ตามมาด้วย สมาร์ท สปอร์ต โปรโมชัน จำกัด บริษัทในเครือของ สิทธิผล

ด้านของผู้สนับสนุนในส่วนของรถมอเตอร์ไซค์หมายเลข 78 ของ แสน และ 79 ของ ภราดร ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์ ฮอนดา CBR 1000 RR ปี 2009 เครื่องยนต์ 999 ซีซี ตามมาด้วย ยางรถจักรยานยนต์ ไออาร์ซี และโซ่รถจักรยานยนต์ ดีไดดี รวมถึงหัวเทียนจาก เด็นโซ และ หมวกกันน๊อต "เรียว" ( Real)

นอกจากนี้ยังมี หลอดไฟและโคมไฟ สแตนเลย์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ตราสิงห์และอาหารเสริมสำหรับผู้ชาย แมจิก ไอริส (Majic Iris) ของ "เจ้าบอล" เอง ซึ่งจะติดโลโกไว้ที่ตัวรถด้วย

นาย แวงซองต์ มินาร์ด กรรมการผู้จัดการบริษัท โททัล ออย ประเทศไทย จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเอลฟ์ กล่าวถึงการหลั่งไหลเข้ามาของสปอนเซอร์ว่า "แน่นอนว่า ภราดร เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก และการที่ได้เขาเข้ามาเป็นนักบิดภายในทีมย่อมส่งผลดีต่อทีมของเราเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่าถ้าผลงานในปีนี้พอใช้ได้ ปีหน้าทีมของเราจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องแน่นอน"

สำหรับ ภราดร พร้อมด้วยทีม "เอลฟ์ สมาร์ท สปอร์ต เรซซิง ทีม" เตรียมลงแข่งขัน ไทยแลนด์ กรังปรีซ์ โปรซีรีส์ สนามที่ 2 สุดสัปดาห์นี้ วันที่ 24-25 ก.ค. ณ สนาม พีระเซอร์กิต พัทยา จังหวัด ชลบุรี ต่อไป

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บ.แม่ญี่ปุ่นโดดเทคฯ เอสพีซูซูกิจาก"พรประภา" ขอทำตลาดเอง เพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์

กลุ่มพรประภาถอดใจเลิกขายมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ หลังญี่ปุ่นเข้ามาลุยเมืองไทยเอง แจ้งตลาดขอเพิกถอนหุ้นเอส.พี.ซูซูกิ พร้อมตั้งโต๊ะรับซื้อที่หุ้นละ 16.20 บาท ดันราคาหุ้นกระฉูดพรวดเดียว 5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50% หลังปลดเอสพี มาปิดที่ 15.80 บาท

นายสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เนื่องจากทางบริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นของญี่ปุ่น มีนโยบายจะทำธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิในประเทศไทยด้วยตนเอง และได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ที่บริษัทถืออยู่ทั้งหมด ซึ่งบริษัทได้พิจารณาภาพรวมแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจรถจักรยานยนต์ประกอบกับอัตราการแข่งขันของธุรกิจดังกล่าวภายในประเทศ รวมถึงปัจจัยต่างๆ ทั้งภาคเศรษฐกิจและการเมืองแล้วเห็นว่า หากบริษัทประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป อาจทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้

ทั้งนี้ บริษัท ซูซูกิมอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ยังเสนอให้บริษัทยกเลิกสัญญา Distributorship Agreement ที่บริษัทได้ทำไว้กับบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ซึ่งหากมีการยกเลิกสัญญาดังกล่าวบริษัทก็จะต้องยกเลิกสัญญา Dealership Agreements ที่บริษัทได้ทำกับตัวแทนจำหน่ายรายต่างๆ ไปในคราวเดียวกัน ขณะที่บริษัทก็เจรจาขายสินค้าคงเหลือคืนให้กับไทยซูซูกิฯ นอกจากนี้ บริษัทต้องขายหุ้น บริษัท สินพล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิ เนื่องจากบริษัทไม่ได้ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ต่อไป

"การทำรายการทั้งหมด เข้าข่ายเป็นการจำหน่ายทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติของบริษัทไปเกือบทั้งหมด เป็นผลให้บริษัทมีทรัพย์สินทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปของเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น และบริษัทมีความประสงค์ที่จะหยุดประกอบธุรกิจการจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และบริษัทไม่มีแผนการลงทุนและการดำเนินงานในอนาคต จึงขอเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์ คาดว่ากระบวนการซื้อขายหุ้นจะแล้วเสร็จในสิ้นเดือนตุลาคมนี้"

นายสถิตย์พงษ์กล่าวว่า ในการขายหุ้นไทยซูซูกิที่บริษัทถืออยู่ 5,088 หุ้น มูลค่าพาร์หุ้นละ 10,000 บาท คิดเป็น 18.78% มีมูลค่ารวม 699.91 ล้านบาท รวมเงินปันผลที่บริษัทจะได้รับก่อนการขายหุ้นมูลค่า 804.71 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าการขายสินค้าคงเหลือคืนให้บริษัทไทยซูซูกิ 82 ล้านบาท การขายหุ้นบริษัทสินพล อีก 24 ล้านบาท
หุ้นเอสพีซูซูกิ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 158 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท รวม 790 ล้านบาท

โดยช่วงเช้าวันที่ 16 กรกฎาคม บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอหยุดพักการซื้อขายเป็นการชั่วคราว หรือขึ้นเครื่องหมายเอสพี เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงทุน ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะของบริษัท และหลังจากชี้แจงข้อมูลว่า บริษัท เอส.พี. อินเตอร์แนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะเสนอซื้อหุ้นสามัญของบริษัทที่ราคาหุ้นละ 16.20 บาท และเอสพีซูซูกิได้ขอเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์ ตลาดจึงได้ปลดเอสพีตั้งแต่ช่วงบ่าย ซึ่งราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นอย่างแรง โดยมาปิดที่ 15.80 บาท เพิ่มขึ้นถึง 5.30 บาท หรือเพิ่มขึ้น 50.48%

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 11 มีนาคม 2553 ประกอบด้วยบริษัท ซี.เอ.อาร์.เอส จำกัด 30.38% บริษัท เอส.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล 30.38% นางสาวปฤณ พรประภา 5.39% นางสาวลดาวัลย์ อัศวะประภา 3.62% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ 2.75% และนายรักสนิท พรประภา 2.66%

เพิ่มเติม http://www.matichon.co.th/

ข่าวที่เกี่ยวข้อง