วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ รองแชมป์โลก MotoGP บินตรงมาเมืองไทยแวะทักทายแฟนๆ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านการทำตลาดสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง พลิกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการมอเตอร์ไซค์เมืองไทย ด้วยการนำรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุด “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” นักแข่งชาวสเปน สังกัดทีมเฟี๊ยต - ยามาฮ่า เพื่อนร่วมทีมของ “เดอะ ด็อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ แชมป์โลกปีล่าสุด บินตรงมาเมืองไทยแวะทักทายแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) ก่อนเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อสู้ศึกในการแข่งขันฤดูกาล 2010

ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ กับการต้อนรับรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุดอย่าง “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” ตัวจริงเสียงจริงมาพบปะกับแฟนๆ ชาวไทย และลูกค้ายามาฮ่าอย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมกิจกรรมที่โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) พร้อมสัมภาษณ์สด และมอบของที่ระลึกสุดพิเศษให้กับแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ นอกจากนี้ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ยังมีโปรแกรมที่จะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการพักผ่อนไปในตัวก่อนที่เข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อสู้ศึกในการแข่งขันฤดูกาลหน้า

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้ยามาฮ่าประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการแข่งขันระดับโลก ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ถึง 3 ประเภทด้วยกันคือ แชมป์โลกโมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกที่ได้รับการกล่าวขวัญว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ทีมยามาฮ่ายังคว้ารางวัลประเภททีมแข่งชนะเลิศ ทีมเฟี๊ยต - ยามาฮ่า และรางวัลประเภทผู้ผลิตอีกด้วย ซึ่งเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์สองปีติดต่อกัน โดยแชมป์โลกของรายการนี้คือ วาเลนติโน่ รอสซี่ เจ้าของฉายา "เดอะด็อกเตอร์" คว้าชัยเป็นสมัยที่ 9 และตำแหน่งรองแชมป์โลกได้แก่ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ หรือ “ร็อกเก็ตบอย” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมของวาเลนติโน่ รอสซี่ ”

“สำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต ยามาฮ่าประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ยามาฮ่าตั้งเป้าหมายในการที่จะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางด้านกีฬาต่างๆ เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมส่งนักแข่งเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างๆ มากมายทั้งใน และต่างประเทศ อาทิ

กิจกรรม Petronas Sprinta Yamaha Automatic Gymkhana 2009 กิจกรรมส่งเสริมมอเตอร์สปอร์ตอีกรูปแบบหนึ่งกับการแข่งขันเพื่อพัฒนาทักษะการควบคุมรถ ที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีทั่วประเทศ

กิจกรรม Petronas Sprinta Yamaha Cup Race 2009 การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งตัวแทนประเทศไทยจากทั่วทุกภาคของประเทศไปแข่งขันในระดับอาเซียน

ยามาฮ่า อาเซี่ยน คัพ เรซ เกมส์การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบกระชับมิตรระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเซียปี 2009 รายการ PETRONAS Asia Road Racing Championship 2009 ที่ส่ง 2 นักแข่งไทยทั้ง เฉลิมพล ผลไม้ และเดชา ไกรศาสตร์ เข้าร่วมการแข่งขัน โดยสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในปี 2007 และในปี 2009 ทั้งคู่มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 และ 2 อยู่ในขณะนี้

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเราได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองแชมป์โลกโมโตจีพี ให้กับ วาเลนติโน่ รอสซี่ และรองแชมป์โลกโมโตจีพี อย่าง ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ซึ่งกิจกรรมฉลองความสำเร็จครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วทุกภาค ทั้งหมด 5 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดมหาสารคาม ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรี ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง และที่กรุงเทพฯ ณ โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) ซึ่งในปีหน้าจะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุน และส่งเสริมด้านกีฬาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”

บรรยากาศของงานเลี้ยงต้อนรับคลาคล่ำไปด้วยผู้บริหารบริษัทฯ แขกผู้มีเกียรติ พรีเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สื่อมวลชน ร้านอุปกรณ์ตกแต่ง รวมถึงลูกค้ายามาฮ่าคลับ และแฟนคลับชาวไทยทั้งหลาย มาคอยต้อนรับรอพบตัวจริงเสียงจริงของรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุด “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” อย่างใจจดใจจ่อกันตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่บริเวณโชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) งานนี้เรียกได้ว่า ถ้าพลาดแล้วคงจะไม่มีโอกาสไหนที่จะได้พบกับนักแข่งระดับโลกผู้นี้อย่างใกล้ชิดแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว งานนี้จัดขึ้นมาพิเศษเพื่อชาวยามาฮ่าจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ลอเรนโซ่ เดินทางมาถึงพร้อมกับโบกมือทักทายทุกคน และยามาฮ่าคลับที่มาคอยต้อนรับก่อนที่จะลงมาให้สัมภาษณ์สดกับสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากการให้สัมภาษณ์ ลอเรนโซ่ ยังได้เซ็นชื่อเป็นที่ระลึกลงบนถังน้ำมันของรถยามาฮ่า R1 ที่ตกแต่งพิเศษลาย เฟี๊ยต - ยามาฮ่า พร้อมกับออกมาแจกโปสการ์ดให้กับเหล่าแฟนคลับ และกล่าวขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่มาคอยต้อนรับอย่างอบอุ่น

ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับชาวยามาฮ่า และลูกค้ายามาฮ่า ได้ไม่น้อยกับความพิเศษที่ยามาฮ่าตั้งใจมอบให้ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ และให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งทางยามาฮ่า ตั้งใจสร้างสรรค์ความสุข ความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราที่มีจำนวนมากทั่วประเทศ เป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่างอย่างโดดเด่นที่บริษัทฯ ได้ทำการตลาดที่แตกต่างมาโดยตลอด ทั้งในด้านสินค้า และกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/

ศุนย์ฝึกฯฮอนด้า ได้รับสิทธิพิเศษ ออกหนังสือรับรอง เป็นแห่งแรกของประเทศ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 นายณันทพงศ์ เชิดชู ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ ลงนาม "บันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับการดำเนินการของโรงเรียนสอนขับในการออกหนังสือรับรองผลการเรียน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับรถ ระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับโรงเรียนสอนขับรถศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า" ให้สิทธิพิเศษ แก่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเป็นแห่งแรกที่สามารถดำเนินการอบรม และทดสอบให้กับผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ในหลักสูตร 15 ชั่วโมง โดยทางศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าออกใบรับรองให้ผู้ผ่านการอบรมและทดสอบ ไปรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด

กรมการขนส่งทางบกมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียนสอนขับรถมีมาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จึงให้โรงเรียนสอนขับรถที่จะออกหนังสือรับรองผลการเรียนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับรถ จะต้องจัดให้มีการทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam ) ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกกำหนด ดังนี้

1. จัดหาอุปกรณ์และ Software ทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-EXAM )
2. โรงเรียนสอนขับรถต้องยินยอมให้กรมการขนส่งทางบก และ สำนักงานขนส่งจังหวัด
2.1 ตรวจสอบวัน เวลาเรียน ของนักเรียน ที่โรงเรียนส่งรายชื่อขอสอบ ว่าครบถ้วน ถูกต้องตามที่กำหนดในหลักสูตรหรือไม่
2.2 ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารต่างของโรงเรียน สอนขับรถตามที่ ระบุใน เกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้สิทธิเศษแก่โรงเรียนสอนขับรถให้เป็นผู้ดำเนินการทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ
2.3 กำกับดูแลการดำเนินการของโรงเรียนสอนขับรถให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามระเบียบการการขนส่งทางบกว่าด้วยการรับรองโรงเรียนสอนขับรถ พ.ศ. 2547
2.4 ให้ คณะทำงานตรวจสอบการติดตั้งระบบทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam) ของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรอง เข้าทำการตรวจสอบการติดตั้งและทดสอบการใช้งานระบบทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam

ซึ่งโรงเรียนศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ได้เปิดดำเนินการเป็นโรงเรียนสอนขับรถตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547 และมีผลการดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จึงได้รับพิจารณาอนุญาตให้สืทธิพิเศษ เป็นแห่งแรก ที่สามารถออกหนังสือรับรองให้ผู้ที่มาอบรมในหลักสูตรขอรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ 15 ชั่วโมง นำใบรับรองที่ ศูนย์ฝึกฯ ออกให้ ไปรับใบอนุญาตได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ

เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"พีทีที" ยันหนุนต่อส่ง "ฟีม" บิด 600 ซีซี ปีหน้า

ปตท.(พีทีที) ค่ายผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย ยืนยันสนับสนุนงบประมาณส่ง "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยลงแข่งขันเวิลด์ จีพี เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน หลังนักบิดหน้าตี๋เตรียมขยับไปแข่งรุ่นโมโตทู (MOTO2) 600 ซีซี 4 จังหวะในฤดูกาล 2010

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นายปรัชญา ภิญญาวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. เป็นประธานในงานเลี้ยงต้อนรับ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หลังเสร็จสิ้นภารกิจแข่ง 250 ซีซี ในฤดูกาล 2009 ที่ผ่านมา

โดยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมันบมจ.ปตท. เผยถึงผลงานของนักแข่งสังกัดไทยฮอนด้าพีทีทีแซคว่า ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ด้วยการจบอันดับ 5 ได้ถึง 2 สนาม รวมถึงจบในอันดับท็อป 10 ได้ในช่วง 4 เรซสุดท้าย ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

พร้อมกันนี้นายปรัชญายังยืนยันถึงแผนการของปตท.ในฤดูกาลหน้าว่า "ปตท.จะสนับสนุนฟีมต่อไปอย่างแน่นอน เรามั่นใจว่าศักยภาพของเด็กไทยคนนี้จะทำให้คนไทยได้เฮได้แน่นอน ซึ่งเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้คือการยืนแป้นโพเดียม 1 ใน 3 แต่เราคิดว่าฟีมมีดีที่จะคว้าแชมป์ได้ในอนาคต"

อย่างไรก็ดีแม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขงบประมาณในการสนับสนุนฟีมในครั้งนี้ แต่เป็นที่คาดกันว่า ค่ายผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย น่าจะจ่ายเงินส่งเสริมนักบิดไทยในเวทีโลกในจำนวนเลข 8 หลักเลยทีเดียว

ด้านหนุ่มฟีมที่ปีหน้าเตรียมขยับไปบิดรุ่นโมโตทู (MOTO2) 600 ซีซี 4 จังหวะ หลังรุ่น 250 ซีซี ถูกยกเลิกเผยถึงการปรับตัวในปีหน้าว่า "การขยับไปขับรุ่นใหญ่ขึ้นต้องมีการปรับตัวพอสมควร ผมมีโอกาสได้ลองเทสต์ในช่วงสั้นๆที่สเปน ยอมรับว่าเครื่อง 600 ซีซี แรงกว่าเดิมมาก"

"อย่างไรก็ดีแม้จะยังไม่ลงตัวเรื่องของเฟรมรถ (ตัวรถ) แต่ก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาทีมงานน่าจะเลือกเฟรมได้ลงตัว ส่วนเรื่องเครื่องที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีการฝึกซ้อมบิดรถ 600 ซีซี ในเมื่องไทยเพื่อความคุ้นเคยไปพลางก่อน ก่อนที่จะบินกลับไปเทสต์รถคันใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า" นักบิดวัย 21 ปีกล่าว

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ยืนยัน "ฟีม" ลงเอยแซคบิด MOTO2 ปีหน้า

นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนดา จำกัด ยืนยันร้อยเปอร์เซนต์ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก จะขับให้กับทีม สต็อป แอนด์ โก (แซค) รุ่น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะในฤดูกาลหน้า

เวลานี้ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ กลับมาพักผ่อนในช่วงปิดฤดูกาลที่ประเทศไทย หลังทำผลงานยอดเยี่ยมเก็บ 81 แต้ม คว้าอันดับ 13 ในรุ่น 250 ซีซี ปีที่ผ่านมา แต่ในปีหน้ารุ่นนี้จะถูกยกเลิกและเปลี่ยนเป็น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ นายอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ เอพี ฮอนดา ออกมาเผยในงานเปิดตัวรถมอเตอร์ไซด์ ฮอนดา รุ่น พีซีเอ็กซ์ ว่า "ฟีม" จะได้ลงแข่ง เวิลด์ จีพี เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

"ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่า ฟีม จะลงแข่งภายใต้ทีม สต็อป แอนด์ โก ต่อไปในปีหน้าในรุ่น MOTO2 600 ซีซี เพื่อนร่วมทีมคงเป็นคนเดิมคือ เฮคตอร์ เฟาเบล ส่วนรายละเอียดเบื้องต้นคุยกันเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เอดูอาร์โด เปราเลส เจ้าของทีมจะบินมาตกลงขั้นสุดท้ายที่เมืองไทย ไม่น่าจะมีปัญหาและคงมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นอีกครั้ง" คุณอารักษ์ เผย

ส่วนในเรื่องเงินสนับสนุน นายอารักษ์ กล่าวว่า "งบประมาณตอนนี้คงจะไม่น้อยกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ 1.3 ล้านยูโร (ประมาณ 65 ล้านบาท) สปอนเซอร์หลักเจ้าเดิมยังอยู่กันครบทั้ง พิซซา, ปตท. และ เอไอเอส แต่คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก โดยตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจา"

จากนี้ "เจ้าฟีม" รัฐภาคย์ จะทำการทดสอบรถเครื่อง 600 ซีซี ในเบื้องต้นก่อนที่สนามพีระเซอร์กิต ประเทศไทย ในส่วนของตัวถังกำลังเลือกกันอยู่ คาดว่าจะเป็นจากค่าย เอฟทีอาร์ จากนั้นจึงจะเหินฟ้าไปทดสอบรถตัวจริงที่ประเทศสเปน ต่อไป

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

“ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” พิสูจน์สุดยอดฝีมือช่างมาตรฐานระดับประเทศ

ซูซูกิ สร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษประจำปี ตอบแทนสังคมอย่างยิ่งใหญ่กับงาน ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009 เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมเฟ้นหาสุดยอดช่างศูนย์บริการ มาตรฐาน “ซูซูกิ” ในการแข่งขันฝีมือช่างรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ประจำปี 2552 อีกทั้งยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างความประทับใจอีกมากมาย ณ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้จัดขึ้นโดย บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ร่วมกับบริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด ภายใต้ชื่อ “ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” ในระหว่างวันที่ 20 - 22 พ.ย. 2552 โดยได้ดำเนินการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2526 จนถึงปัจจุบัน เป็นครั้งที่ 27 ซึ่งในวันที่ 20 พ.ย. 2552 เป็นการแข่งขันฝีมือช่างศูนย์บริการมาตรฐาน ซูซูกิ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานฝีมือช่าง และการบริการที่ดีในศูนย์บริการ ซูซูกิ ทั่วประเทศ ตอบรับความพึงพอใจสูงสุดให้ แก่ลูกค้า “ซูซูกิ”


สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน ฝีมือช่างศูนย์บริการมาตรฐาน ซูซูกิ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ได้รับเกียรติจากคุณยุทธนา เหลี่ยมเคลือบ ผู้จัดการทั่วไปส่วนบริการ กล่าวรายงาน พร้อมทั้ง มร.มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด, คุณสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) และ คุณสิวิมล จังศิริวัฒนดำรง กรรมการบริหาร บริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด กล่าวต้อนรับ คณะช่างบริการที่เข้าแข่งขัน จากนั้น คุณเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้เกียรติเป็น ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน อย่างเป็นทางการ อีกทั้ง รองผู้ว่าราชการ จังหวัดปทุมธานี ยังได้ให้เกียรติพิสูจน์สุด ยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์ “ซูซูกิ เจลาโต้ 125” ที่รองรับน้ำมัน E20 ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด


การแข่งขันในปีนี้ ได้ทำการแข่งขันรอบคัดเลือกทีมช่าง จากศูนย์บริการมาตรฐาน “ซูซูกิ” ทั่ว ประเทศ กว่า 300 แห่ง - การสอบคัดเลือกทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 มิถุนายน 2552 มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง หมด 120 ศูนย์บริการ - การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 5-26 สิงหาคม 2552 จนกระทั่งได้สุดยอดทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นตัวแทน ในแต่ละภูมิภาค จำนวน 50 ศูนย์บริการ - การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ณ บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด ในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย. 2552

กติกาการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ บรรดาช่างผู้เข้าแข่งขันต้องทำการทดสอบในภาคปฏิบัติ 4 สถานี และสอบในภาคทฤษฎีอีก 1 สถานี เพื่อคว้าตำแหน่งสุดยอดช่างศูนย์บริการมาตรฐาน “ซูซูกิ” ระดับประเทศ ประจำปี 2009 นอกจากนั้น “ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” ในวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2552 ได้มีการบริการตรวจ สภาพรถจักรยานยนต์ เพื่อร่วมลดมลพิษในอากาศ, การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำเครื่องให้ กับลูกค้า “ซูซูกิ” ฟรี!!! พร้อมชมเทรนดี้มอเตอร์โชว์ทั้งรถแต่งรถแข่ง, รถบิ๊กไบค์ รวมทั้งการจำหน่ายรถจักรยาน ยนต์มือสอง, อะไหล่คุณภาพในราคาพิเศษสุด!!

เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"เทพบุตรโซโร" เปิดตัวทีม MOTO2 บิดปี 2010

อันโตนิโอ แบนเดอร์รัส ดาราดังจากภาพยนตร์เรื่อง หน้ากากโซโร (The Mask of Zorro) เปิดตัวทีมแข่ง "แจ็ค แอนด์ โจนส์ บาย อันโตนิโอ แบนเดอร์รัส" เพื่อส่งแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น MOTO 2 ในฤดูกาลหน้า

หลังจากตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาว่า อันโตนิโอ แบนเดอร์รัส ดาราดังชาวสเปน มีความสนใจที่จะส่งทีมเข้าแข่งขันเวิลด์จีพี 2010 ในรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ หรือ MOTO 2 ซึ่งเป็นรุ่นที่สหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ็ม) นำมาแทนการแข่งขันรุ่น 250 ซีซีเดิม

ล่าสุด motogp.com รายงานว่าเทพบุตรโซโร วัย 49 ปี ได้ยืนยันส่งทีมแข่งในปี 2010 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถายใต้ชื่อทีมว่า "แจ็ค แอนด์ โจนส์ บาย อันโตนิโอ แบนเดอร์รัส" โดยมี โจน โอลิเวย์ นักบิดสแปนิช และเคนนี นอยส์ จากสหรัฐอเมริกา เป็น 2 นักแข่งประจำทีม

โดย ดานี เดบาเอีย ทีมบอสแจ็ค แอนด์ โจนส์ บาย อันโตนิโอ แบนเดอร์รัส เผยว่า "อันโตนิโอ คือแฟนตัวยงของโมโตจีพี ซึ่งนี่คือครั้งแรกที่เขาตัดสินใจลงทุนในกีฬาที่เขารัก เขายืนยันว่าจะเข้าไปดูแลทีมในทุกๆสนามของฤดูกาล 2010 เท่าที่จะเป็นไปได้ และแน่นอนเป้าหมายที่ตั้งไว้คือการคว้าชัยชนะให้ได้ในฤดูกาลหน้า"

สำหรับศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2010 ทั้งรุ่นโมโตจีพี ,โมโตทู และ 125 ซีซี จะเปิดฉากขึ้นที่สนามโลไซอัล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ ในวันที่ 11 เมษายนปีหน้า

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ร่วมกระทบไหล่ รองแชมป์โลกโมโตจีพี 2009 “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” 27 พ.ย.นี้ ตัวจริงเสียงจริง

ยามาฮ่าชวนสมาชิกยามาฮ่าคลับชาว Red Deva ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ กับการต้อนรับรองแชมป์โลกโมโตจีพี 2009 "ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่" นักแข่งชาวสเปน หมายเลข 99 สังกัดทีมเฟี๊ยตยามาฮ่า (Fiat Yamaha Team) เพื่อนร่วมทีมของ "วาเลนติโน่ รอสซี่" แชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุด ที่บินตรงมาเยือนเมืองไทยให้พวกเราได้สัมผัสใกล้ชิดกันแบบเต็มๆ ตัวจริงเสียงจริง ในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้ ที่ Yamaha Rider’s Club 17.00 น. เป็นต้นไป ใครที่เป็นแฟนคลับตัวจริงห้ามพลาด โอกาสดีๆ แบบนี้เตรียมตัวกันให้พร้อม

พิเศษสุด สำหรับสมาชิกยามาฮ่าคลับชาว Red Deva เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล สามารถโทรสำรองที่นั่งเพื่อร่วม Meet&Greet ได้ที่ Yamaha Call Center โทร.0-2263-9999 ได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป จำนวน 50 ท่านแรกเท่านั้น รีบหน่อยนะครับ !

หมายเหตุ ผู้ที่ได้สิทธิ์เข้าร่วม Meet&Greet จำนวน 50 ท่าน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย. เวลา 17.00 น. ณ Yamaha Rider’s Club หลังตึกเอสพลานาด

ที่มา http://www.yamaha-motor.co.th

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บ.กลางฯพร้อมขายจยย.เจ้าเดียว

บริษัทกลางพร้อมเต็มร้อยรับประกันรถจักรยาน ยนต์เจ้าเดียว ยันรับประกันไม่มีปัญหา มีระบบออนไลน์เรียลไทม์รองรับลูกค้า 10 ล้านกรมธรรม์ ส่วนสินไหมปรับวิธีจ่ายเงินตาย-พิการเร็วขึ้น ตั้งตัวแทนคุณภาพรับเคลมจากผู้ประสบภัยโดยตรงพร้อมสั่งจ่ายผ่านตัวแทนภายใน 7 วัน ไม่ต้องมารับที่สาขาเหมือนอดีต เริ่ม 1 มกราคม 53 พร้อมขยายรณรงค์ป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนน

ในจังหวัดเกิดอุบัติเหตุสูง ลดสินไหมทั้งระบบ นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ว่า หากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (คปภ.) ให้บริษัทกลางรับประกันภัย พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์เพียงบริษัทเดียว บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการแม้ว่าจำนวนลูกค้าที่จะต้องดูแลจะเพิ่มขึ้นมาก ตามจำนวนกรมธรรม์รถจักรยานยนต์ ของทั้งระบบที่มีอยู่ประมาณ 10 ล้าน กรมธรรม์ที่จะไหลมาอยู่กับบริษัทเทียบ กับ 3.6 ล้านกรมธรรม์ที่รับประกันในปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ระหว่างนี้บริษัทได้เตรียม ความพร้อมใน 2 จุดใหญ่คือด้านรับประกันภัยและด้านสินไหมทดแทนในส่วน รับประกันภัยไม่มีปัญหาเนื่องจากระบบการรับประกันภัยในปัจจุบันผ่านระบบออนไลน์แบบเรียไทม์ทั่วประเทศอยู่แล้ว มี 2 ช่องทางคือรับประกันภัยผ่านอินเตอร์เน็ต (E-Policy : อี-โพลิซี) และผ่าน เครื่องออกกรมธรรม์อัตโนมัติ (PVR) สัดส่วนยอดขายระหว่าง 2 ช่องทางนี้ 50 : 50 แต่ในอนาคตยอดขายผ่านช่องทางอี-โพลิซีจะมากกว่าเพราะบริษัทอื่นที่ต้อง การขายกรมธรรม์ประกันภัยรถจักรยาน ยนต์ ซึ่งจะต้องมารับกรมธรรม์จากบริษัท ไปขายจะมีระบบคอมพิวเตอร์รองรับการขายของตัวแทนมากกว่าเครื่อง PVR

ส่วนด้านสินไหมทดแทนในแง่ครือข่ายโรงพยาบาลที่มีอยู่ 1,109 แห่งรอง รับบริการได้เพียงพอเพราะครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ แต่จะปรับปรุงด้านการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตและทุพพลภาพถาวรให้ผู้ประสบภัยได้รับเงินชดเชยเร็วที่สุด ซึ่งจากสถิติประกัน พ.ร.บ. ทั้งระบบมีผู้ประสบภัย 300,000-400,000 รายต่อปีในจำนวนนี้เสียชีวิต 12,000 คน พิการ 20,000-30,000 คน

ภายใต้การปรุบปรุงจะให้ตัวแทนจำนวนหนึ่งมาอบรมเป็นตัวแทนคุณภาพทำหน้าที่รับคำร้องเรียกร้องค่าชดเชยจาก ทายาทผู้ประสบภัยทั้ง 2 กรณีหลังจากนั้น จะคีย์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ซึ่งจะออนไลน์เข้าสู่ส่วนกลาง ซึ่งจะพิจารณาจ่ายค่า สินไหมเบื้องต้นและโอนเงินผ่านธนาคารเพื่อจ่ายให้กับผู้ประสบภัยภายใน 7 วัน

“ในเรื่องค่าเสียหายเบื้องต้นกรณีบาดเจ็บไม่มีปัญหา เคลียร์กับโรงพยาบาล ได้ทันที ไม่เหมือนตายกับพิการ นโยบายของเราคือจ่ายให้ทันงานศพ ระบบเดิมที่ทำอยู่อย่างกรณีตายเราจ่ายภายใน 3 วัน ส่วนพิการภายใน 7 วันนับแต่ตั้งเบิกเพียง แต่ลูกค้าต้องมารับที่สาขาบริษัทกลางส่วนใหญ่จะอยู่ในตัวเมือง แต่รูปแบบใหม่สามารถรับได้ที่ตัวแทนคุณภาพจะกระจายอยู่ในตำบลหรืออำเภอต่างๆ ซึ่งจะสะดวกกว่ามาก”

นายสมพร กล่าวว่า โครงการตัว แทนคุณภาพจะเริ่มให้บริการวันที่ 1 มกราคม 2553 นี้พร้อมกับความคุ้มครองใหม่ของประกันภัยพ.ร.บ. เบื้องต้นจะมีตัวแทน คุณภาพ 200 คนโดยมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 500 คนภายในสิ้นปี 2553 จากตัวแทนทั้ง หมดประมาณ 3,000 คน

นายสมพร ยังกล่าวถึงกรณีบริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มให้กับบริษัทกลางฯ เป็นไม่เกิน 16% ของเบี้ยประกันภัยพ.ร.บ.ทั้งระบบ (ไม่รวมเบี้ยรถจักรยานยนต์) จากเดิมจ่ายอยู่ในอัตรา 2.25% ต่อปีซึ่งจะเริ่มเก็บที่ 10% ก่อนในเดือนมกราคม 2553 นี้ว่า ตามที่คาดการณ์กันว่าปีนี้เบี้ยประกันพ.ร.บ.รถประเภทอื่นจะอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท เก็บเงินสมทบ 10% เท่ากับ 700 ล้านบาท เป็นเงินชดเชยก้อนใหม่ที่บริษัทกลางจะได้รับ ขณะที่การเพิ่มความคุ้มครองประกันพ.ร.บ.ซึ่งจะทำให้อัตราค่าสินไหมทด แทน (Loss Ratio) รถจักรยานยนต์ทั้งระบบเพิ่มขึ้นเป็น 133-135% จาก 83% หรือจะขาดทุนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปีเท่ากับเงินสมทบที่ได้เพิ่มมายังไม่พอรองรับผลขาดทุนยังมีส่วนต่างอยู่อีกประมาณ 500 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทกลางต้องพยายาม บริหารจัดการเพื่อลดความเสียหาย ลดผลขาดทุนให้น้อยลงโดยจะเพิ่มการรณรงค์ป้องกันอุบัติภัยและอุบัติเหตุบนท้องถนนเจาะจงลงไปในพื้นที่ที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงจากเดิมไม่ได้เจาะจงพื้นที่ โดย พื้นที่เป้าหมายคือกรุงเทพมหานคร สมุทร ปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงครามและหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ตาก เพชรบูรณ์ เป็นต้น อาจจะใช้งบประมาณมากขึ้นแต่น่าจะคุ้มค่า

เพิ่มเติม หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ

เปิดเวทีถกผุดทางมอเตอร์ไซค์ยาว4กม.

พิษณุโลก - อบจ.เมืองสองแควถกหน่วยงานราชการ พิจารณาร่างแบบสอบถามความคิดเห็นประชาชน ทำช่องทางรถจักรยานยนต์เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 4 กม.คาดใช้งบฯ 20 ล้านบาท

ที่ห้องประชุมสุพรรณกัลยา อบจ.พิษณุโลก นายเศรษฐา กิตติจารุรักษ์ ส.อบจ.เมืองพิษณุโลก ประธานกรรมการคมนาคมและปิโตรเลียม สภา อบจ.พิษณุโลก ได้ประชุมหน่วยงานราชการ เพื่อร่วมพิจารณาร่างแบบสอบถามความคิดเห็นของประชาชน ในการทำช่องทางรถจักรยานยนต์ บนถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ตั้งแต่แยกเรือนแพถึงแยกอินโดจีนระยะทาง 4.1 กิโลเมตร มีนายทรงธรรม ฐิติปุญญา รองนายก อบจ.พิษณุโลก ปฏิบัติหน้าที่แทน นายก อบจ.พิษณุโลก และหัวหน้าส่วนราชการ อาทิ สำนักทางหลวงพิษณุโลก สถิติจังหวัดพิษณุโลก ตำรวจ เทศบาล ร่วมประชุม

นายเศรษฐา กิตติจารุรักษ์ ส.อบจ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกสภาจังหวัดพิษณุโลก ได้เล็งเห็นถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์ ที่มักประสบอุบัติเหตุเป็นประจำ จึงคิดโครงการช่องทางรถจักรยานยนต์ขึ้นมา บนทางหลวงหมายเลข 12 หรือพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 4,100 เมตร ขณะนี้ทางหลวงพิษณุโลกได้ออกแบบให้ เป็นช่องทางสำหรับรถจักรยานความกว้าง 3 เมตร ทำสองด้านทั้งขาไปและขากลับ ให้สำหรับรถจักรยานและรถจักรยานยนต์วิ่ง ส่วนรถยนต์วิ่งช่องทางด้านกลางตามเส้นทางปกติ

สำหรับขั้นตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบถามความคิดเห็นจากภาคประชาชน โดยสำนักงานสถิติจังหวัดพิษณุโลก คาดว่าหากประชาชนเห็นด้วยกับโครงการนี้ ก็จะใช้งบประมาณเบื้องต้น 20 ล้านบาท ทั้งนี้ เม็ดเงินดังกล่าวจะมาได้จากสองช่องทาง ทางแรกมาจากงบประมาณจากส่วนกลางที่ให้ ส.ส.ในพื้นที่ช่วยของบจากรัฐบาลมาก่อสร้าง และอีกทางหนึ่งมาจากการนำเสนอฝ่ายบริหารผ่านทางสภา อบจ.พิษณุโลก

เพิ่มเติม หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Suzuki 100 Years of Innovation…100 ปี กับ ซูซูกิ

Suzuki 100 Years of Innovation…100 ปี กับ ซูซูกิ สู่นวัตกรรมที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ จาก
เครื่องทอผ้า...สู่ความเป็นผู้นำในเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ฉลองครบรอบ 100 ปี ในเดือนตุลาคม ปี
2009 นี้ ปัจจุบัน ซูซูกิ ได้ขยายธุรกิจออกไปอย่างมากมาย ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถเอทีวี เครื่อง
ยนต์เรือ และอีกหลากหลายนวัตกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้ากว่า 190 ประเทศ และมี
โรงงานผลิต / ประกอบ กว่า 60 ประเทศทั่วโลก ระยะเวลา 100 ปี ที่ผ่านมาของ ซูซูกิ ได้สร้างสรรค์ และ
ประดิษฐ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพตอบสนองทุกความต้องการทั่วโลก เพื่อสร้างความเร้าใจ ความท้าทาย คุณ
ค่า ทางเลือกที่ถูกต้อง และมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งภายใต้แบรนด์สโแกนปัจจุบัน “Suzuki Way of
Life!”

ย้อนกลับไปในปี 1909 (พ.ศ.2542) มร.มิชิโอะ ซูซูกิ (Mr.Michio Suzuki) ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องทอผ้า ซูซูกิ (Suzuki Loom Works) ในเมืองฮามามัตซึ (Hamamatsu) ตั้งอยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น พร้อมกับมีการพัฒนาเครื่องทอผ้า เพื่อให้สามารถรองรับกับ ความต้องการของลูกค้าในยุคนั้น จนเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องทอผ้าของโลก ที่ต้องการเครื่องจักรที่สามารถผลิตเสื้อผ้า ที่มีลายในแนวนอน และแนวตั้งได้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิด ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานอย่างแท้จริงได้ จึงเป็นที่มาของปรัชญาของ ซูซูกิ คือ “โมโนซูกูริ” (Monozukuri) หรือ นวัตกรรมแห่งการประดิษฐ์แห่งการสร้างสรรค์ เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้...ให้เป็นไปได้

ซูซูกิ เริ่มหันมามุ่งเน้นธุรกิจยานยนต์ ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่มาพร้อมกับความท้าทายที่ตั้งใจไว้ ซึ่งสามารถ
ตอบสนองการดำรงชีวิตของผู้คนได้มากกว่า และด้วยการผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความท้าทายมากมาย ความใฝ่ฝัน และเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ประสบผลสำเร็จในปี 1952 (พ.ศ.2495) ซูซูกิ ได้เปิดตัว “Power Fee” ยานพาหนะแบบ 2 ล้อ ที่นำจักรยานมาติดเครื่องยนต์ (Motorized Bicycle) ขนาด 36 ซีซี 2 จังหวะ ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นแรกของซูซูกิ ในธุรกิจรถจักรยานยนต์ และได้รับความนิยมอย่างมาก และหลังจากนั้นในปี 1953 (พ.ศ.2496) ซูซูกิผลิตจักรยานติดเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะสูงขึ้น รุ่นต่อมาคือ “Diamond Free” ขนาด 60 ซีซี 2 จังหวะ และเวลาแห่งความสำเร็จก็มาถึงกับรถจักรยานยนต์ (Motorcycle) ที่สมบูรณ์แบบคันแรกของซูซูกิ ชื่อว่า “Colleda” ขนาด 90 ซีซี 4 จังหวะ ผลิตออกมาในปี 1954 (พ.ศ.2497) และได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม จนได้ออกรถใน Series ต่อๆ มาอีกหลายรุ่น

จากนั้น ซูซูกิ ไม่หยุดยั้งในการพัฒนารถจักรยานยนต์รุ่นต่อๆ มา ซึ่งสร้างชื่อเสียง และได้รับความนิยมไป
ทั่วโลกในแต่ละ Series จวบจนปัจจุบัน จนติดอันดับ “World’s Big Four” อันได้แก่ T500 (1968), GT750
(1971), RM125 (1975), GS750 (1976), RG250R (1983), GSX-R750 (1985), IntruderVS1400 (1987), Bandit400
(1989), Skywave/Burgman400 (1998), Hayabusa (1999), B-King (2008) และ Gemma (2008) เป็นต้น โดยฉลอง
การผลิตรถจักรยานยนต์ สะสมครบ 40 ล้านคันทั่วโลก ในปี 1999


ฝันที่เป็นจริง…กับการเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเต็มตัว

เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com

สาวมั่น “บุ๋ม ปนัดดา” ควบฮายาบูสะ ลุยโครงการ “รณรงค์ยุติความรุนแรงกับผู้หญิง”

บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ขับ ซูซูกิ ฮายาบูสะ นำทีมคนรักมอเตอร์ไซค์เข้าร่วมโครงการ “รณรงค์
ยุติความรุนแรงกับผู้หญิง”
ผ่านรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับผู้ที่ขับขี่รถ
จักรยานยนต์ ร่วมด้วยคุณเทพชัย เจริญพร คนดังแห่งวงการบิ๊กไบค์ หัวหน้าชมรม “คนรักเหยี่ยว” พร้อมด้วย
เหล่าดาราและคนดังผู้รักมอเตอร์ไซค์มากมาย ณ อาคารมาลีนนท์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา

เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com

"ฟีม" บินถึงเมืองไทยยันพร้อมบิด MOTO2 ซีซันหน้า

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก บินกลับถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังเสร็จภารกิจฤดูกาล 2009 ด้วยอันดับที่ 13 รุ่น 250 ซีซี ยันใกล้บรรลุข้อตกลงร่วมทีมสต็อป แอน โก (แซค) ซิ่งรุ่น MOTO ในปีหน้า

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ห้องซีไอพี 2 สนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดขวัญใจชาวไทย เดินทางกลับมาถึงเมืองไทยด้วยเที่ยวบิน LH 0782 จากประเทศเยอรมัน หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันสนามสุดท้ายที่ประเทศสเปนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

โดยบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ นำโดยนาย อารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ในฐานะต้นสังกัดทางเมืองไทย พร้อมอาจารย์และนักศึกษาจากมหาวิทยลัยรัตนบัณฑิต (อาร์แบค) รวมถึงแฟนคลับ และสื่อมวลชนให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง

ซึ่งหลังเดินทางถึงประเทศไทยนักบิดวัย 21 ปี กล่าวเปิดใจว่า รู้สึกพอใจที่ทำผลงานได้ดี โดยในปีหน้าจะขึ้นไปแข่งในรุ่นโมโต2 600 ซีซี 4 จังหวะ ซึ่งจะลงแข่งให้กับทีมเดิม คือ สต็อป แอนด์ โก ซึ่งก่อนกลับมาเมืองไทยได้ทดลองรถคันใหม่ที่จะใช้ลงแข่งในปีหน้าแล้ว รถดีไม่มีปัญหาและทีมงานก็ดี แต่ในเดือนธ.ค.จะต้องกลับไปที่สเปนอีกเพื่อลองรถ

ขณะที่ นายอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ เอพี ฮอนด้า กล่าวว่า สำหรับผลงานที่ผ่านมาในฤดูกาลที่ผ่านมาความผิดพลาดเกิดจากทั้งตัวฟีมและทีมงานด้วย ส่วนในฤดูกาลหน้า "ฟีม"ได้ลองรถใหม่แล้ว มั่นใจว่าจะไม่ทำให้แฟนๆ ชาวไทย ผิดหวัง ซึ่งได้เตรียมรถและทีมงานให้ "ฟีม" ไว้แล้วสำหรับการแข่งขันในปีหน้า โดยงบประมาณไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา ซึ่งต้องรอหารือเรื่องงบประมาณกันก่อนว่าจะมีเพิ่มเติมหรือไม่

สำหรับฟีมที่มี 81 แต้ม รั้งอันดับ 13 ในรุ่น 250 ซีซี ฤดูกาลที่ผ่านมา เตรียมขยับไปขับในรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ ในฤดูกาลหน้า หลังฝ่ายจัดการแข่งขันประกาศยกเลิกรุ่น 250 ซีซี ซึ่งจะทำให้นักบิดหน้าตี๋ได้ลงแข่งเวิลด์ จีพี แบบเต็มฤดูกาลเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

"เอฟไอเอ็ม" คลอดโผเวิลด์ จีพี 2010 กาตาร์บิดประเดิม

สหพันธ์กีฬาจักรยานยนต์โลก (เอฟไอเอ็ม) ประกาศ 18 สนามแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกประจำฤดูกาล 2010 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยจะประเดิมเรซแรกในรูปแบบไนท์เรซ ที่ประเทศกาตาร์ ในเดือนเมษายน และปิดฤดูกาลที่ประเทศสเปน

หลังจากที่ในช่วงเดือนสิงหาคม เอฟไอเอ็ม และฝ่ายจัดการแข่งขันเวิลด์จีพี(ดอร์นา) ได้กำหนดแผนการคร่าวๆสำหรับปฏิทินแข่งปี 2010 ล่าสุดได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการถึง 18 สนามแข่งขันในปีหน้าออกมาเป็นที่เรียร้อยแล้ว

โดยในฤดูกาลหน้าการแข่งขันทั้งรุ่น โมโตจีพี (800 ซีซี) ,โมโตทู (600 ซีซี) และ 125 ซีซี จะออกสตาร์ทกันในศึกกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ ในรูปแบบไนท์เรซ วันที่ 11 เมษายน ก่อนจะไปปิดฤดูกาลที่ประเทศสเปนในศึกบาเลนเซียน จีพี ในวันที่ 7 พฤศจิกายน

พร้อมกันนี้ในศึกบริติช กรังด์ปรีซ์ ที่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกใช้สนามโดนิงตัน พาร์ค มายาวนาน ก็จะขยับไปแข่งขันยังซิลเวอร์สโตน เซอร์กิต แทร็กเก่าแก่แห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตแทน

ปฏิทินแข่งจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2010
สนามที่ 1 11 เม.ย. กาตาร์ (โลไซอัล) *แข่งกลางคืน
สนามที่ 2 25 เม.ย.ญี่ปุ่น (โมเตกิ)
สนามที่ 3 2 พ.ค. สเปน (เฆเรซ)
สนามที่ 4 23 พ.ค. ฝรั่งเศส (เลอ มังส์)
สนามที่ 5 6 มิ.ย.อิตาลี (มูเจลโล)
สนามที่ 6 20 มิ.ย. อังกฤษ (ซิลเวอร์สโตน)
สนามที่ 7 26 มิ.ย. ฮอลแลนด์ (แอสเซน) *แข่งวันเสาร์
สนามที่ 8 4 ก.ค. คาตาลุนญา (คาตาลุนญา,สเปน)
สนามที่ 9 18 ก.ค. เยอรมนี (แซคเซนริง)
สนามที่ 10 25 ก.ค.สหรัฐอเมริกา (ลากูนา เซกา) * แข่งเฉพาะรุ่นโมโตจีพี
สนามที่ 11 22 ส.ค. สาธารณรัฐเช็ก (เบอร์โน)
สนามที่ 12 29 ส.ค. อินเดียนาโปลิส (อินเดียนาโปลิส,สหรัฐ)
สนามที่ 13 5 ก.ย. ซานมาริโน (มิซาโน)
สนามที่ 14 19 ก.ย. ฮังการี (บาลาตอนริง)
สนามที่ 15 10 ต.ค.มาเลเซีย (เซปัง)
สนามที่ 16 17 ต.ค.ออสเตรเลีย (ฟิลลิป ไอส์แลนด์)
สนามที่ 17 31 ต.ค. โปรตุเกส (เอสโตริล)
สนามที่ 18 7 พ.ย. บาเลนเซีย (ริคาร์โด ตอร์โม ,สเปน)

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

ชมภาพล่าสุด "ฟีม" เทสต์รถ MOTO2 ที่สเปน

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี อนาคตสดใสที่จะได้ลงแข่งรายการ MOTO2 ในฤดูกาลหน้า หลังล่าสุดนำรถ 600 ซีซี 4 จังหวะลงทดสอบร่วมกับทีมสต็อป แอนด์ โก (แซค) ที่สนามบาเลนเซีย ประเทศสเปน

แม้ว่าการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการของ "ฟีม" กับต้นสังกัดจะยังไม่มีขึ้น หลังจากปี 2010 ฝ่ายจัดการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกเตรียมยกเลิกรุ่น 250 ซีซี 2 จังหวะ พร้อมนำเอารถ 600 ซีซี 4 จังหวะ หรือที่เรียกว่า MOTO2 บรรจุแข่งขันแทน

อย่างไรก็ดีอนาคตของนักบิดไทยมีแนวโน้มที่จะได้บิดต่อร่วมกับทีม สต็อป แอนด์ โก (แซค) ต่อไป หลังล่าสุดได้นำรถคัดใหม่ลงทดสอบเป็นครั้งแรก ที่สนามบาเลนเซีย เซอร์กิต ประเทศสเปน ร่วมกับนักบิดชั้นนำในรุ่นโมโตจีพีอย่างคับคั่ง

โดยฟีมเป็น 1 ใน 3 นักบิดรวมกับ เคนนี นอยส์ ,และโยน โอลิเบ ที่นำรถสเปกใหม่ MOTO2 ลงทดสอบ ซึ่งเจ้าตัวทำนำรถหมายเลข 14 คันใหม่ลงจับเวลาเป็นครั้งแรก และบิดไปทั้งสิ้น 17 รอบ โดยทำเวลาดีที่สุดที่ 1 นาที 39.815 วินาที

ขณะเดียวกันในการทดสอบดังกล่าวยังมีนักบิดรุ่นโมโตจีพีนำ 800 ซีซี 4 จังหวะ นำรถลงทดสอบด้วย โดย เคซีย์ สโตเนอร์ จากทีมดูคาติ ทำเวลาดีที่สุด จากรถรุ่นโมโตจีพี 16 คัน โดยมีฮอร์เก ลอรเรนโซ และวาเลนติโน รอสซี ทำเวลาตามมาเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"ฟีม" รับพลาดโค้งแรก เสียดายขยับอันดับโลกไม่ขึ้น

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี รับเสียดายที่ไม่สามารถขยับอันดับโลกในรุ่น 250 ซีซีในเรซสุดท้ายของฤดูกาลได้ แม้ว่าจะทำผลงานยอดเยี่ยมบิดเข้าที่ 5 ในศึกบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อคืนที่ผ่านมาก็ตาม

นักแข่งไทยฮอนดา-พีทีทีแซค ที่แม้จะเก็บเพิ่มได้ 11 คะแนนในเรซสุดท้าย ทว่าไม่สามารถขยับจากอันดับ 13 ของโลกในรุ่น 250 ซีซี ขึ้นไปได้ โดยมีแต้มตามหลังโรเบอร์โต โลคาเตลลี และจูเลส คลูเซล ในอันดับ 11และ 12 เพียง 4 และ 1 แต้มเท่านั้น

โดยนักบิดวัย 21 ปีเผยหลังผ่านพ้นฤดูกาล 2009 ว่า "ผมต้องขอขอบคุณทีมงานและแฟนๆทุกคนที่ทำงานหนักมาตลอดปี ผมเสียดายเล็กๆที่อันดับโลกไม่ขยับ ซึ่งผมคิดว่าหากเราไม่โชคร้ายในหลายๆสนาม อันดับในตารางน่าจะดีกว่านี้แน่นอน"

นอกจากนี้นักบิดหน้าตี๋ยังพูดถึงการแข่งขันที่จบอันดับ 5 ในรายการส่งท้ายปีว่า "ผมออกสตาร์ทได้ไม่เลว แต่มาเสียจังหวะในโค้งแรกที่ผมอยู่ไลน์นอก ทำให้ถูกแซงไปหลายอันดับ ทว่าจากนั้นแม้ผมจะทำความเร็วได้ดี แต่ก็ดันมีปัญหาเรื่องรอบเครื่องเล็กน้อย"

"จนในช่วงท้ายผมต้องมาคับเคี่ยวกับจูเลส คลูเซลอยู่หลายรอบ กว่าที่จะแซงเขาได้ ก่อนที่จะต้องเบียดแย่งที่ 5 กับคาเรล อับบราฮัมในรอบสุดท้าย ซึ่งอันดับที่ 5 ถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในสนามส่งท้ายของเรา" ฟีมกล่าวในท้ายที่สุด

สำหรับฟีมทำผลงานในช่วง 4 เรซสุดท้ายของปีได้ยอดเยี่ยมด้วยการจบท็อป 10 ได้ทุกสนาม จากอันดับ 6 ที่โปรตุเกส ,อันดับ 9 ที่ออสเตรเลีย ,อันดับ 6 ที่มาเลเซีย และอันดับ 5 ที่สเปน โดยเจ้าตัวเตรียมขยับไปบิดรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ หรือ MOTO2 หลังฝ่ายจัดฯยกเลิกรุ่น 250 ซีซีในฤดูกาลหน้า

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

พบกับการปรากฏโฉมของ 3 สุดยอด “มอไซค์...มังกี้” ยนตรกรรมอัจฉริยะของญี่ปุ่น ในงาน FUYUSHIMA BY ASAHI SUPER DRY

พบกับการปรากฏโฉมของ 3 สุดยอด “มอไซค์...มังกี้” ยนตรกรรมอัจฉริยะของญี่ปุ่น ในงาน FUYUSHIMA BY ASAHI SUPER DRY เทศกาลเบียร์กลางสายลมหนาวสไตล์เกาะญี่ปุ่น 26 พ.ย. – 2 ธ.ค. ศกนี้ ณ บริเวณลานสยามดิสคัพเวอรี่

เบียร์อาซาฮี ซุปเปอร์ ดราย เอาใจคนไทยทีชื่นชอบรถมอเตอร์ไซค์ไซส์จิ๋วแต่สมรรถนะคับแก้วอย่าง “มอเตอร์ไซค์ มังกี้” โดยได้รวมรวมสุดยอดไฮไลท์รุ่นหายาก และตกแต่งแบบเต็มพิกัด อาทิ มังกี้บาจา รุ่นพิเศษ Africa Twin มีคันเดียวในเมืองไทย มังกี้ FTR มังกี้ Gold มังกี้ Silver และ มังกี้ 40th มารวมไว้ในกิจกรรม Japanese Retro Bike “จากคุณภาพการออกแบบ...สู่ความอมตะ” ทุกวันเสาร์ ระหว่างวันที่ 26 พ.ย. – 2 ธ.ค. ศกนี้ ในงาน FUYUSHIMA BY ASAHI SUPER DRY เทศกาลเบียร์กลางสายลมหนาวสไตล์เกาะญี่ปุ่น ณ บริเวณลานศูนย์การค้าสยามดิสคัพเวอรี่ ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสรถมอเตอร์ไซค์ญี่ปุ่นสุดคลาสสิก ที่ถูกสร้างสรรค์ให้มีสมรรถนะทัดเทียมกับรถมอเตอร์ไซค์ระดับสุดยอดจากซีกโลกตะวันตก กับขนาดที่เล็กกว่า ที่หาดูได้ยากหลากหลายรุ่นจากกูรูนักสะสมชาวไทย

“มอเตอร์ไซค์ มังกี้ หรือเจ้าลิงน้อยทรงเพรียว” มีประวัติความเป็นมาที่น่าทึ่ง ที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาและอัจฉริยะของชาวญี่ปุ่น ในการสร้างสรรค์ยนตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ และมากด้วยประสิทธิภาพการขับขี่ ที่ไม่น้อยหน้าซีกโลกตะวันตก เรื่องราวของเจ้าลิงน้อยมังกี้เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1961 ( พ.ศ. 2504 ) ในโรงงานผลิตมอเตอร์ไซด์ฮอนด้า ประเทศญี่ปุ่นโดยที่พนักงานในโรงงานได้นำเครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของมอเตอร์ไซด์ที่ผลิตอยู่ในสายการผลิตมาลองใส่ในตัวถังขนาดเล็กที่ทำขึ้นมาใหม่เพื่อ ทำให้เป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดจิ๋วย่อส่วนไว้ขับขี่เล่นในยามว่าง หรือ นำพาติดรถไปขับขี่พักผ่อนนอกสถานที่ได้ โดยนำเอาเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 50 ซีซี,ไฟส่องทาง,ชุดคันเร่ง,มือเบรค จากฮอนด้าคันใหญ่มาใช้ ส่วนตัวโครงและชิ้นส่วนโลหะอื่นๆ ใช้เศษโลหะที่เหลือจากการผลิตมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาทำ แล้วตกแต่งให้สวยงามโดยให้ สีตัวโครงเป็นสีแดง ถังน้ำมันสีขาว ตัดกันอย่างลงตัว แล้วใส่ล้อจิ๋วขนาดเล็กเพียง 5 นิ้ว แล้วตั้งชื่อมอเตอร์ไซด์ คันน้อยนี้ว่ารุ่น "แซด ร้อย" Z100 ในเวลานั้นยังไม่ใครนึกถึงชื่ออื่น Z100 ขับวิ่งเล่นครั้งแรกในสวนหย่อม ทามา เทค "Tama Tech" และก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่ได้ลองขับขี่ว่า ขี่สนุก ผู้ที่เห็นรูปร่างมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้แล้วจินตนาการได้เหมือนกันว่า เหมือนกับลิงผอมตัวยาวๆ ที่แฝงไว้ด้วยความซุกซน จนมอเตอร์ไซด์จิ๋วคันนี้ ถูกเรียกชื่อกันติดปากและรู้จักกันภายในอย่างไม่เป็นทางการว่า "มังกี้" ที่ดูยังไง ยังไง ก็เหมือน "ของเล่น" มากกว่าเป็นมอเตอร์ไซด์ พลาดไม่ได้กับการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ที่ยากจะได้พบ ในเทศกาลเบียร์กลางสายลมหนาวสไตล์เกาะญี่ปุ่น กับ Asahi Super Dry

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"ฟีม" จบที่ 5 "อาโอยามา" แชมป์โลกส่งท้าย 250 ซีซี

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ทำผลงานส่งท้ายฤดูกาล 2009 รุ่น 250 ซีซี ด้วยการจบการแข่งขันในอันดับที่ 5 ของศึกบาเลนเซียน จีพี ขณะที่ ฮิโรชิ อาโอยามา ทำแต้มคว้าแชมป์โลกไปครองได้ตามเป้า แม้จะเข้าเส้นชัยเพียงอันดับ 7 เท่านั้น

ศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2009 รายการบาเลนเซียน จีพี แข่งขันกันที่สนามบาเลนเซีย เซอร์กิต ประเทศสเปน มีความยาวต่อรอบ 4.051 กิโลเมตร โดยรุ่น 250 ซีซี ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม

ก่อนการแข่งขัน รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดไทยแห่งทีมไทยฮอนดา-พีทีทีแซค ที่คว้าอันดับ 4 ในการควอลิฟาย ส้มหล่นได้ขยับขึ้นมาสตาร์ทถึงกริดที่ 3 หลังจากอเล็กซ์ เดบอน เจ้าของตำแหน่งโพลโพซิชัน มีอาการบาดเจ็บไม่สามารถลงบิดได้

อย่างไรก็ดีเรซนี้ “ฟีม” ออกสตาร์ทได้ไม่ดีนัก หลุดลงไปถึงอันดับ 8 เมื่อผ่านโค้งแรก และถึงแม้จะขยับขึ้นมาในอับดับ 5 ได้ในรอบที่ 2 แต่ก็ไม่สามารถทานความเร็วของอัลบาโร เบาติสตา และไมค์ ดิ เมกลิโอ ได้จนต้องเกาะติดอันดับที่ 8 หลังผ่าน 10 รอบสนาม

จากนั้นในช่วงท้ายหลังจากที่กลุ่มนำอย่าง ดิ เมกลิโอ และ มาร์โก ซิมอนเชลลี ต้องออกจากการแข่งขัน นักบิดไทยพยายามเต็มสูบที่จะทำความเร็วเพื่อขยับอันดับ ซึ่งก็สามารถแซงจูเลส คูลเซล ได้แบบหมดจดในรอบที่ 22 ก่อนจะควบเข้าป้ายเป็นอันดับที่ 5 หยิบ 11 แต้มส่งท้ายฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม

ขณะที่ ฮิโรชิ อาโอยามา นักบิดทีมสก็อต-ฮอนดา ที่จ่อแชมป์โลกในรุ่นนี้ เกือบจะพลาดล้มในรอบที่ 10 ขณะที่กำลังขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งผู้นำ ทว่าประคองรถที่หลุดลงไปในบ่อทรายได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถนำเข้ารถเส้นชัยอันดับที่ 7 ได้สำเร็จ พร้อมทำแต้มคว้าแชมป์โลกไปครอง

ส่วนผู้ชนะสนามนี้เป็นของ เฮคเตอร์ บาร์เบรา นักบิดเจ้าถิ่นจากทีม อพริเลีย ทำเวลารวม 44 นาที 10.601 วินาที โดยมี อัลบาโร เบาติสตา และรัฟฟาเอล เด โรซา นักบิดอพริเลียและฮอนดา ตามขึ้นโพเดียมอันดับ 2 และ 3 ได้สำเร็จ

ผลการแข่งขัน 8 อันดับแรก บาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ รุ่น 250 ซีซี
1. เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพริเลีย) 44 นาที 10.601 วินาที
2. อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพริเลีย) +3.663
3. รัฟฟาเอล เด โรซา (อิตาลี / ฮอนดา ) +5.665
4. โธมัส ลูธี (สวิตเซอร์แลนด์ /อพริเลีย) +5.680
5. รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทยฮอนดา-พีทีทีแซค) +13.601
6. คาเรล อับบราฮัม (เช็ก / อพริเลีย) +13.697
7.ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนดา) +27.483
8. อเล็กซ์ บัลโดดินี (อพริเลีย) +35.097

สรุปคะแนนรุ่น 250 ซีซี
1. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 261 คะแนน * แชมป์โลก
2. เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพริเลีย) 239 คะแนน
3. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / จิเลรา) 231 คะแนน
*13. รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทยฮอนดา-พีทีทีแซค) 81 คะแนน

เพิ่มเติม http://www.manger.co.th/

"ฟีม" สตาร์ทกริด 4 ศึกบาเลนเซียจีพี

“เจ้าฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดชาวไทยแห่งทีมไทยฮอนดา-พีทีทีแซค อาจสมหวังได้ขึ้นโพเดียมในสนามสุดท้าย ศึกบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ หลังรอบควอลิฟายทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับที่ 4

ศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามสุดท้ายของปี 2009 รายการบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ แข่งขันกันที่บาเลนเซีย เซอร์กิต ประเทศสเปน เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายนเป็นการลงสนามในรอบควอลิฟาย

โดยรุ่น 250 ซีซี รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ แห่งทีมไทยฮอนดา-พีทีทีแซคไม่ทำให้คอนักซิ่งชาวไทยผิดหวัง ทำเวลาเข้ามาเป็นอันดับ 4 ตามหลัง อเล็กซ์ เดบอน จากทีมอพริเลีย ซึ่งคว้าตำแหน่งโพลโพซิชัน 0.447 วินาที ขณะที่ ฮิโรชิ อาโอยามา ยอดนักบิดจากทีมสกอต-ฮอนดา ซึ่งจะคว้าแชมป์โลกทันทีจบรายการนี้ด้วยอันดับ 11 ได้ออกสตาร์ทกริดที่ 5


ผลรอบควอลิฟาย รุ่น 250 ซีซี บาเลนเซีย กรังด์ปรีซ์
1. อเล็กซ์ เดบอน (สเปน / อพริเลีย) เวลา 1 นาที 36.116 วินาที
2. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / จิเลรา) ตามหลัง 0.334 นาที
3. เฮคเตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพริเลีย) ตามหลัง 0.534 วินาที
4. รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทยฮอนดา-พีทีทีแซค) ตามหลัง 0.447 วินาที
5. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนดา) ตามหลัง 0.540 วินาที

สำหรับรุ่นโมโต จีพี เคซีย์ สโตเนอร์ อดีตแชมป์โลกปี 2007 แห่งทีมดูคาติ คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันด้วยเวลา 1 นาที 32:256 วินาที ขณะที่ ดานี เปโดรซา แห่งทีมฮอนดา เข้ามาเป็นที่ 2 เวลาตามหลัง 0.263 วินาที และอันดับ 3 ของ ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมชาวสเปน เวลาตามหลัง 0.281 วินาที ส่วนแชมป์โลกปีนี้ วาเลนติโน รอสซี ซูเปอร์สตาร์ชาวอิตาเลียนของทีมยามาฮา ได้ที่ 4 เวลาตามหลัง 0.666 วินาที

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ได้เวลา เจลาโต้ พาเพื่อนน่ารักบินลัดฟ้า หานิชคุณ

เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com

คาดตลาดจักรยานยนต์โค้งท้ายคึก

คาดการณ์ตลาดรถจักรยานยนต์รวมไตรมาสสุดท้ายคึก เหตุจากผู้ผลิตและจำหน่ายโหมกระหน่ำแคมเปญ ฮอนด้าทุ่มกิจกรรมและเปิดตัวรุ่นใหม่ มั่นใจตลาดรวมทุกยี่ห้อทะลุ 1.47 ล้านคัน ด้านยอดขายเดือนกันยายนที่ผ่านมา129,112 คันโต 6% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม

ด้าน นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี คาดว่าจะมีความคึกคักมากขึ้นโดยจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายของค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ จะส่งผลให้ตลาดรวมสามารถทะลุไปถึง 1.47 ล้านคันได้

สำหรับฮอนด้านั้นจะมีการจัดกิจกรรมในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยเฉพาะรถฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ โดยร่วมกับพันธมิตรค่ายใหญ่อย่างโค้ก ในแคมเปญ "ได้เวลาโค้กซ่า ได้เวลาฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ" ร่วมสนุกชิงรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ 45 วัน 45 คัน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2552 นอกจากนี้ยังได้เตรียมเปิดตัวรุ่น พีซีเอ็กซ์ เป็นประเทศแรกของโลกในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยรถดังกล่าวเป็นรถสกูตเตอร์ เกียร์ออโต ที่มีการพัฒนาและใช้โรงงานผลิตในประเทศไทย ที่มีแผนการส่งออกไปจำหน่ายหลายประเทศทั่วโลก
ด้านยอดขายรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย คือ 6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หรือสิงหาคม ส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 เติบโตขึ้นนั้น สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้ตลาดด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในโค้งสุดท้ายของไตรมาสนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

สำหรับยอดการจดทะเบียนในเดือนกันยายนปีนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวได้รับความนิยมสูงสุดเช่นเคย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกันยายน 62,551 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% และหากดูจากยอดตัวเลขสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันแล้ว รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวนี้ก็ยังคงเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 561,014 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 85%


ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน ดังนี้ คือ รถแบบ เอที มีปริมาณ 530,652 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 27,937 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 8,723 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 9,157 คัน สัดส่วนตลาด 1%
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 749,203 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 319,914 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 47,751 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 10,406 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,388 คัน, แพลตตินั่ม 802 คัน, ไทเกอร์ 718 คัน และอื่นๆ 7,819 คัน

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com/

SIMPLE & CLEVER รถต้นแบบในอนาคต

เอ็มดับเบิลยู อวดโฉม SIMPLE & CLEVER 2 รถต้นแบบพาหนะอนาคตสำหรับเมืองใหญ่ มุ่งเน้นที่ความคล่องตัวในการเดินทางและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับเมืองที่มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน

SIMPLE เป็นพาหนะที่ผสมผสานข้อดีและจุดเด่นของรถยนต์และจักรยานยนต์เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ห้องโดยสารเป็นแบบปิดเหมือนรถยนต์เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายทั้งในวันฝนตก แดดออก อากาศร้อน หรืออากาศหนาว อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่ปลอดภัยกว่าเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์ ในขณะเดียวกัน SIMPLE ก็มีความคล่องตัวในการเดินทางเฉกเช่นมอเตอร์ไซค์ ด้วยตัวถังที่มีความกว้างเพียง 110 เซนติเมตรมี 2 ที่นั่งแถวเรียง นั่งสบายเหมือนรถยนต์ อีกทั้งยังมีความปราดเปรียวคล่องตัวอย่างเหนือชั้นและสามารถเทโค้งเอียงตัวได้อย่างมอเตอร์ไซค์

นอกจากนี้ SIMPLE ยังมีลักษณะที่ลู่ลมโดยอาศัยหลักการด้านอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้น ทำให้ SIMPLE มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ Cd เพียง 0.18 นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการสร้างสมดุล โดยอาศัยการเอียงของตัวถัง ระบบไฮดรอลิกที่ทำหน้าที่สั่งการทำมุมเอียงของตัวถังอย่างอัตโนมัติ ผู้ขับไม่ต้องเอียงตัว ไม่ต้องเกร็งตัวเพื่อต้านแรงเหวี่ยงหนีศูนย์ในการเข้าโค้ง เนื่องจากตัวรถจะทำมุมเอียงที่ถูกต้องเพื่อชดเชยแรงเหวี่ยงหนีศูนย์โดยอัตโนมัติ
ที่น่าสนใจ SIMPLE ยังมีน้ำหนักเบาเพียง 450 กิโลกรัมขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดที่ 36 กิโลวัตต์ สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 10 วินาที และมีอัตราความประหยัดน้ำมันถึง 50 กิโลเมตรต่อลิตร
ส่วน CLEVER เป็นความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปและมหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งกรุงเบอร์ลิน โดยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรป เป็นยานพาหนะสำหรับเมืองใหญ่ Mega City มี 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์พลังงานก๊าซธรรมชาติ มีขนาดความยาว 3 เมตร กว้าง 1 เมตร และสูง 1.4 เมตร และมีน้ำหนักต่ำกว่า 400 กิโลกรัม ด้วยโครงสร้างตัวถังแบบ Space Frame ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา พร้อมด้วยเทคโนโลยีการทำมุมเอียงของตัวรถด้วยการควบคุมจากคอมพิวเตอร์ เพื่อให้การเอียงเข้าโค้งทำมุมสูงสุดได้ถึง 45 องศา
ความคล่องตัวของ CLEVER จะช่วยให้การเดินทางในเมืองขนาดใหญ่เป็นไปได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย CLEVER ใช้เครื่องยนต์ 1 สูบขนาด 230 ซีซี ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ให้กำลังสูงสุด 12.5 กิโลวัตต์ และใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT สามารถเร่งจาก 0-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ไกล 200 กิโลเมตรจากถังจุเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ CNG Compressed Natural Gas จำนวน 2 ถังซึ่งแต่ละถังมีความจุ 1.7 กิโลกรัม

เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"ฟีม" หวังขยับอันดับโลกสั่งลารุ่น 250 ซีซี


รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในเวิลด์ จีพี หวังขยับอันดับโลกเป็นการส่งท้ายการบิดรุ่น 250 ซีซี ในการแข่งสนามสุดท้ายของปี 2009 ที่ประเทศสเปนในวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย.นี้ หลังการแขงขันรุ่นดังกล่าวจะเปลี่ยนไปเป็นรุ่น 4 จังหวะ 600 ซีซี (MOTO2) ในฤดูกาลหน้า

นักบิดสังกัดทีมไทยฮอนดา-พีทีทีแซค เพิ่งจะทำผลงานประทับใจด้วยการจบอันดับที่ 6 ในศึกมาเลเซียน จีพี เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พร้อมกับขยับขึ้นมารั้งอันดับ 13 ในตารางแชมเปียนชิปรุ่น 250 ซีซี ซึ่ง "ฟีม" ตั้งเป้าที่จะขยับอันดับโลกอีกครั้ง เพื่อเป็นการสั่งลาฤดูกาล 2009

โดยนักบิดวัย 21 ปี ที่ต้องเข้ารับการทำกายภาพบำบัดตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรักษาอาการปวดหลังจากการแข่งขันที่มาเลเซีย เผยก่อนลงบิดสนามสุดท้ายว่า "ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้องทำกายภาพบำบัดเพื่อให้อาการเจ็บหลังบรรเทาลงเพื่อการแข่งขันเรซสุดท้าย"

"มันจะเป็นสนามที่นักบิดเกือบทุกคนสั่งลารุ่น 250 ซีซี 2 จังหวะ ซึ่งผมตั้งเป้าที่จะลงแข่งโดยไร้ความกดดัน และหวังว่าจะขยับอันดับโลกด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมอีกครั้งที่บาเลนเซีย" ฟีมที่มีแต้มตามหลังโรเเบร์โต โลคาเตลลี อันดับ 12 และ จูเลส คลูเซล อันดับ 11 อยู่ 8 และ 12 แต้มเผย

โดยการแข่งขันรุ่น 250 ซีซี 2 จังหวะ กำลังจะถูกฝ่ายจัดการแข่งขัน เปลี่ยนเป็นการแข่งขันรุ่น 600 ซีซี 4 จังหวะ หรือ MOTO2 ในฤดูกาลหน้า ซึ่งค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ฟีม จะได้ลงแข่งขันในรุ่นดังกล่าวด้วย แม้ว่าจะยังไม่บรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการจากต้นสังกัดก็ตาม

สำหรับศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามสุดท้ายของฤดูกาล 2009 จะแข่งขันกันที่สนามบาเลนเซีย เซอร์กิต ประเทศสเปน ในวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย.นี้ โดยรุ่น 250 ซีซี จะบิดกันในเวลา 18.15 น. ตามเวลาประเทศไทย

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

บ. น้ำมันปิโตรเลียมไทย เปิดตัวโลโก้ใหม่ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” เน้น“ความทันสมัย-เป็นมืออาชีพ”จับตลาดคนรักรถหวังดันยอดขายโตกว่า 20%

อินคริสซ์ เน็ทเวิร์ค เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแทนส์ อัดงบกว่า 25 ล้านบาท ทำกิจกรรมสร้างการรับรู้แบบครบวงจร นายสัมพันธ์ ติงธนาธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” (STATES) มาตั้งแต่ปี 2527 โดยผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์”

มีสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้รักรถทั้งในกลุ่มของ น้ำมันเครื่องสำหรับรถจักรยานยนต์ รถเครื่องยนต์ดีเซล และ เบนซิน รวมถึงจาระบีคุณภาพสูง โดยผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ทุกประเภท จะผ่านการวิจัย ค้นคว้า และพัฒนาอย่างต่อเนื่องร่วมกับผู้ผลิตสารเพิ่มคุณภาพชั้นนำของโลก รวมถึงวัตถุดิบคุณภาพสูง และการผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สินค้าของ “สเตทส์” มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดียิ่ง จนสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 600 ล้านบาทต่อปี และ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความไว้วางใจดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ ได้มีการวางแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนวคิดในการเปลี่ยนแปลงโลโก้ใหม่เพื่อให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยทำการสำรวจและวิจัยทั้งจากร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย และ ผู้บริโภค โดยเริ่มใช้โลโก้นี้ตั้งแต่ต้นเดือน ตุลาคม 2009 ที่ผ่านมา และมั่นใจว่าการเปลี่ยนโลโก้ใหม่นี้ จะทำให้ภาพลักษณ์ของ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” มีความทันสมัย น่าเชื่อถือ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และ ทำให้ผู้บริโภคนึกถึง ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ทุกครั้งที่ต้องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และ จะทำให้บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 20% จากยอดขายในปัจจุบัน

“โลโก้ใหม่ของ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ถูกพัฒนาขึ้นด้วยการนำรูปโล่ห์มาใช้เพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์ของการปกป้องที่สัมพันธ์กับคุณประโยชน์ของ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ที่มุ่งเน้นการปกป้องเครื่องยนต์ที่ใช้งานอย่างสมบุกสมบันอย่างมืออาชีพ รวมทั้งรูปแบบของตัวอักษรที่มีทิศทางพุ่งไปข้างหน้าและเส้นสายที่ใข้ความเป็นเหลี่ยมมุม สื่อถึงความรวดเร็วแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง และจากรูปร่างของโลโก้ใหม่นี้จะสื่อให้เห็นถึงความทันสมัย มีมิติ บ่งบอกถึงความมั่นใจสำหรับผู้ที่จะตัดสินใจใช้ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์”

บริษัท ได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงโลโก้ใหม่อย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยเริ่มต้นที่สำนักงานใหญ่ โลโก้ที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด ป้ายร้านค้า รวมถึงอุปกรณ์ส่งเสริมการขายทุกชนิด” นายสัมพันธ์กล่าวในที่สุด

นายอุดมชาย ตรีธนะสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตราผลิตภัณฑ์ บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” เป็นที่รู้จักอย่างดีในกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถ ทั้งในรถจักรยานยนต์ และ รถยนต์ทั่วไป โดย ผลิตภัณฑ์ “สเตทส์” มียอดขายสูงสุดในกลุ่มของผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่องสำหรับ รถจักรยานยนต์ ทั้งประเภท 2 จังหวะ และ 4 จังหวะ การเปลี่ยนแปลงโลโก้ครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยภายหลังการเปลี่ยนโลโก้ บริษัทฯ ได้ทำการส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก นอกจากนี้ยังได้มีการจัดเตรียมกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการรับรู้แบบครบวงจร ด้านแรก คือ จัดทำภาพยนตร์โฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ถึงโลโก้ใหม่ ซึ่งจะเริ่มทำการแพร่ภาพในช่วง กลางเดือน พฤศจิกายนนี้ สำหรับด้านที่สอง คือ การจัดทำอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย แจกจ่าย และ ติดตั้งให้แก่ร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 1,000 ราย เพื่อสร้างความจดจำในตราสัญลักษณ์ใหม่ และ ด้านที่สาม คือ การจัดกิจกรรม (Below The Line) เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ของ ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น “สเตทส์” ในครั้งนี้ โดยใช้งบประมาณเพื่อส่งเสริมการรับรู้กว่า 25 ล้านบาท

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

สหการประมูลเร่งเปิดขายรถจักรยานยนต์มือสองตจว.เผยสระแก้ว-เชียงใหม่ตลาดคึกคักเปิดขายราคาถูกกว่า 600 คัน

สหการประมูลเร่งเปิดตลาดรถจักรยานยนต์มือสองต่างจังหวัด เน้นสินค้าคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด เจาะกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นซื้อมือสองราคาประหยัด เผยตลาดจังหวัดสระแก้วและจังหวัดเชียงใหม่คึกคักตั้งเป้าขาย 600 คันต่อวัน

นางสาวเสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองในกรุงเทพฯ ซึ่งได้เปิดให้บริการลูกค้าทุกวันพฤหัสบดีและทุกวันเสาร์ที่สำนักงานใหญ่ รวมทั้งการประมูลที่สาขารังสิต-คลอง 8 ทุกวันอังคารและทุกวันอาทิตย์ ซึ่งในแต่ละรอบนั้นมีรถจักรยานยนต์มือสองเข้าประมูลขายไม่ต่ำกว่า 200 คัน และได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี สาเหตุที่ทำให้การประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองประสบความสำเร็จนั้น เนื่องจากปัจจัยด้านราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด รวมทั้งการคัดเลือกรถที่อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน และเป็นรถที่อยู่ในความต้องการของตลาด ส่งผลให้การประมูลแต่ละครั้งสามารถขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90

“เมื่อการทำตลาดในกรุงเทพฯ ประสบความสำเร็จ บริษัทจึงมีเป้าหมายในการขยายตลาดไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ เนื่องจากเล็งเห็นว่าตลาดรถจักรยานยนต์มือสองในต่างจังหวัดนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตได้มากกว่าส่วนกลาง เนื่องจากรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะยอดนิยม เพราะราคาถูกและประหยัดน้ำมัน จึงมั่นใจได้ว่าการเปิดตลาดจะได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี” นางสาวเสาวลักษณ์กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การสำรวจตลาดเพื่อหยั่งลึกถึงความต้องการของลูกค้า พบว่าลูกค้ากลุ่มที่ให้ความสนใจรถจักรยานยนต์มือสองส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น รองมาคือกลุ่มพนักงานและลูกจ้างที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีความคิดจะซื้อรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะยี่ห้อและรุ่นที่ออกใหม่ แต่มีข้อจำกัดด้านราคาที่ค่อนข้างสูงกว่างบประมาณที่ตั้งไว้

นางสาวเสาวลักษณ์กล่าวว่าการเปิดตลาดรถจักรยานยนต์มือสองในต่างจังหวัดจะเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการประหยัด เนื่องจากรถมือสองส่วนใหญ่จะถูกประมูลขายในราคาที่ถูกกว่ารถใหม่ถึงร้อยละ 50 เท่านั้น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 บริษัทจึงได้เปิดประมูลขายที่จังหวัดสระแก้ว ณ ห้างบิ๊กซี จำนวน 300 คัน และที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 13 และ 25 พฤศจิกายน 2552 ณ ห้างคาร์ฟูร์ จำนวน 300 คัน ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะขยายตลาดรถจักรยานยนต์มือสองออกไปในทุกภูมิภาคเช่นเดียวกันการประมูลรถยนต์ เนื่องจากสินค้าดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถที่ถูกยึดจากไฟแนนซ์ในภูมิภาคต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเปิดประมูลขายได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน สำหรับ ผู้ที่สนใจร่วมประมูลดังกล่าวสอบถามรายละเอียดได้ที่ www.union-auction.com และโทรศัพท์ 0-2934-7344-8

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตลาดรถจักรยานยนต์ส่งสัญญาณคึกคัก ปิดเดือนสุดท้ายไตรมาส 3 โตขึ้น 6% ในขณะที่ “ฮอนด้า คลิก” เป็นโมเดล เอ.ที. รุ่นแรกของตลาด 2 ล้อเมืองไทย

ตลาดรถจักรยานยนต์ส่งสัญญาณคึกคัก ปิดเดือนสุดท้ายไตรมาส 3 โตขึ้น 6% ในขณะที่ “ฮอนด้า คลิก” เป็นโมเดล เอ.ที. รุ่นแรกของตลาด 2 ล้อเมืองไทย ที่สามารถดันสถิติทุบยอดขายทะลุ 1,000,000 คันไปแบบชิวล์ ชิวล์

รายงานตลาดรถจักรยานยนต์ ปิดท้ายไตรมาสที่สามของปีด้วยสัญญาณความแรงของตลาดที่เริ่มก่อตัวคึกคัก กับปริมาณยอดจดทะเบียนในเดือนกันยายน 2552 ที่ยอดตัวเลข 129,112 คัน ซึ่งเมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปีเดียวกันเติบโตขึ้น 6% แม้ว่าปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี 2552 ถึงเดือนกันยายนจะอยู่ที่ 1,138,001 คัน ซึ่งลดลง 14% เมื่อเทียบกับยอดสะสมของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามด้วยกระแสการตอบรับที่มาแรงของรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งทำการเปิดตัวไปอย่างฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ คาดจะช่วยส่งผลให้แนวโน้มตลาดในไตรมาส 4 มีความคึกคักมากขึ้น พร้อมรุกผลักดันตลาดรวมให้ได้ 1.47 ล้านคัน ตามคาดการณ์ ในขณะที่ปัจจุบันรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น “คลิก” สามารถสร้างสถิติใหม่ของรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที. ด้วยยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ปี 2006 ถึงปัจจุบัน ที่ทะลุเกิน 1 ล้านคันไปแบบสบายๆ

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “เหตุผลส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้ตลาดเดือนสุดท้ายของไตรมาส 3 เติบโตขึ้นนี้ สาเหตุหลักคงมาจากการที่บรรดาค่ายผู้ผลิตต่างโหมกระตุ้น และสร้างความตื่นตัวให้ตลาดด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ในโค้งสุดท้ายของไตรมาสนี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับเป็นเดือนสุดท้ายของแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” ซึ่งฮอนด้าสามารถสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ผลักดันยอดขายสะสมของรถจักรยานยนต์รุ่น “ฮอนด้า คลิก” ให้มุ่งทะยานทะลุสู่ 1,000,000 คันเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นับเป็นรถแบบ เอ.ที. รุ่นแรกของประเทศไทยที่มียอดจำหน่ายสะสมสูงเกิน 1 ล้านคันในเวลาเพียงไม่ถึง 4 ปี และถือเป็นรถจักรยานยนต์รุ่นที่ 4 ของฮอนด้าที่สามารถทำสถิติทุบยอด 1 ล้านคัน หลังจากรุ่น Dream, Wave และ Tena ที่ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้า”

ทั้งนี้ สำหรับตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี คาดการณ์มีความคึกคักมากขึ้น ด้วยกระแสการเปิดตัวของรถจักรยานยนต์รุ่นที่ถูกกล่าวขานว่ามาแรงที่สุด “ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ” รถจักรยานยนต์เจ้าตำนานความสนุกจากประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียง 2 อาทิตย์กับยอดจองที่ทะลุไปกว่า 20,000 คัน โดยเฉพาะฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ในซีรีย์เพรสทิส (Prestige) สีดำ-น้ำตาล รถสไตล์คลาสสิคสุดเท่ที่เป็นรุ่น และสีที่มียอดจองเข้ามามากที่สุด จากในอีก 6 สีตามแต่ละสไตล์ความสนุกมันส์ที่มีมาให้เลือกหลากหลายทั้ง ซีรีย์เพรสทิสอีกสีอย่าง ขาว-น้ำตาล, ซีรีย์ฟัน ในสีขาว-แดง ดำ-แดง และน้ำเงิน-ดำ, ซีรีย์คิวท์ ในสีชมพู-ขาว และเขียว-ขาว นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมหลากหลายที่ได้เสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมทั้งกิจกรรมเดินสายประชาสัมพันธ์เกาะกระแสหนังดังไปทั่วกรุงเทพในกิจกรรม “ขึ้นรถไฟฟ้าต่อฮอนด้า Scoopy i ส่งคนที่ใช่มาหานะเธอ” และแคมเปญประชาสัมพันธ์กระตุ้นตลาดในไตรมาสสุดท้าย ร่วมกับพันธมิตรค่ายใหญ่อย่างโค้ก ในแคมเปญ “ได้เวลาโค้กซ่า ได้เวลาฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ” ร่วมสนุกชิงรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ 45 วัน 45 คัน ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2552 พร้อมเตรียมสัมผัสกับอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ของยนตรกรรมระดับเวิลด์คลาส สุดยอดนวัตกรรมของรถจักรยานยนต์ระดับโลกฝีมือคนไทย ที่ให้คนไทยได้สัมผัสเป็นประเทศแรกของโลกในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ กับรถจักรยานยนต์ “Honda PCX” และกิจกรรมการสื่อสารการตลาดอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งฮอนด้าจะยังคงรุกเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคให้ครบทุกเซ็กเมนต์ตลาด พร้อมทำหน้าที่ในฐานะผู้นำตลาด ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและรูปแบบการขับขี่ที่ดีขึ้นเพื่อผู้บริโภคและโลกของเราต่อไป”

สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนกันยายนปีนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวได้รับความนิยมสุงสุดเช่นเคย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกันยายน 62,551 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% และหากดูจากยอดตัวเลขสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันแล้ว รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวนี้ก็ยังคงเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 561,014 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 85%

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายน ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 530,652 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 27,937 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 8,723 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 9,157 คัน สัดส่วนตลาด 1%

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 749,203 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 319,914 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 47,751 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 10,406 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,388 คัน, แพล็ตตินั่ม 802 คัน, ไทเกอร์ 718 คัน และอื่นๆ 7,819 คัน

เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

Justin Timberlake's Bike

Justin Timberlake อีกหนึ่งนักแสดง Hollywood ที่เปลี่ยนแนวมาขี่รถมอเตอร์ไซค์กับเขาบ้าง โดยเค้าได้ถอยรถมอไซค์คันใหม่ ยี่ห้อ Harley-Davidson แหมแค่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นข่าวดัง ก็คนมันดังนี่น่ะ!

ภาพบรรยากาศ KSR Mini GP สนาม4

ส่งท้ายความมันส์ ระเบิดความสนุกกับ KSR Mini GP สนาม 4 สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในรถสไตล์ mini supersport bike อย่าง Kawasaki KSR ที่ทำการแข่งขันกันไปเมื่อ วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยยังคงยึดสนามบางกอก เรซซิ่ง เซอร์กิต เป็นสนามประลองความเร็วเหมือนเช่นเคย ซึ่งถือว่าเป็นสนามสุดท้ายของปี 2009 นี้แล้ว

โดยในช่วงเช้า ได้มีการอบรมทักษะการขับขี่ในกลุ่ม KSR เป็นการวอร์มอัพกัน ก่อนที่จะเริ่มต้นระเบิดความมันส์ด้วยการแข่งขันของ KSR เริ่มที่รุ่น Mini GP Stock ต่อกันด้วยรุ่น Relay Pro-Stock ซึ่งภายในแต่ละทีมจะมีนักแข่ง 3 คน และขับขี่กันคนละ 5 รอบ ก่อนที่จะเข้ามาเปลี่ยนตัวกับเพื่อนในทีมทำการแข่งขันต่อไป และขยับความแรงของรุ่นต่อมา เป็น Mini GP Modify ที่รถ KSR ซึ่งผ่านการปรับแต่งมาพอสมควรตามข้อกำหนด อีกทั้งนักแข่งฝีมือก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน และรุ่นต่อมาเป็นรุ่นที่หนุ่มๆจับตามองมากที่สุด นั่นคือรุ่น Mini GP Stock (F) ซึ่งเป็นการแข่งขันของสาวๆ ถึงแม้จะเป็นผู้หญิง แต่ฝีไม้ลายมือใช่ย่อยซะที่ไหน เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว จากนั้นก็มาถึงเวทีการชิงชัยสำหรับมือใหม่โดยเฉพาะในรุ่น Relay Novice Stock โดยการแข่งจะผลัดกัน 3 คนใน 1 ทีม รุ่นนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของนักแข่งทุกคนในทีม เพราะทาง Kawasaki ได้เตรียมรถ KSR ไว้ให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน จึงทำให้การแข่งขันรุ่นนี้มีแต่ความสนุกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ขึ้นอยู่กับจังหวะและนักแข่ง ว่าใครจะมีฝีไม้ลายมือดีกว่าใคร ก่อนที่จะปิดท้ายความมันส์ระดับพระกาฬสำหรับรุ่น Mini GP Open ที่ทั้งนักแข่งต้องมีฝีมือสุดยอดและสมรรถนะของรถแข่งก็ต้องยอดเยี่ยมด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้การแข่งขันในรุ่นนี้มีแต่ความมันส์ เร้าใจ และตื่นเต้น ตั้งแต่เริ่มสตาร์ท จนกระทั่งจบเกมการแข่งขันเลยทีเดียว


เพิ่มเติม http://www.kawasakiksr.com

ขอบคุณชาวฟีโน่ทั้ง 600,000 คัน พฤศจิกายนนี้ ลุ้นรับประสบการณ์ใหม่ เลือกไปเที่ยวภูเก็ตหรือเชียงใหม่ฟรี

เงื่อนไขรายการส่งเสริมการขาย
ลูกค้ายามาฮ่าฟีโน่ทุกคน ติดต่อรับคูปอง ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1– 30 พฤศจิกายน 2552 กรอกรายละเอียดให้ชัดเจน ส่งไปที่ตู้ปณ.8 ปณฝ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ10542 ลุ้นรับรางวัลPackage ท่องเที่ยว กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ หรือ กรุงเทพฯ – ภูเก็ต รางวัลละ 30,000 บาท จำนวน 200 รางวัล รวมมูลค่า 6,000,000 บาท (หกล้านบาทถ้วน)

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th

ลุ้นรับบัตรชมคอนเสิร์ต โปงลางสะออน เฟสติวัลคอนเสิร์ต ฟรี!!!


เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th

ยามาฮ่า ซุปเปอร์คุ้ม แค่เช็คก็ได้โชค



ยามาฮ่า จัดโปรโมชั่น ยามาฮ่า ซุปเปอร์คุ้ม ลุ้นรับยามาฮ่า ฟีโน่ และ สปาร์ค นาโน ฟรี เพียงนำรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่น มาตรวจเช็คสภาพ ฟรี 10 รายการ ที่ศูนย์บริการยามาฮ่าทั่วประเทศ รวมทั้งยังมี อะไหล่แท้ราคาคุ้มโดนใจ อุปกรณ์ตกแต่งลดสูงสุด 50% ยามาฮ่าคอลเลคชั่นราคาพิเศษสุดๆ
และพิเศษยิ่งกว่า เพียงซื้อสินค้าครบ 300 บาท รับฟรีทันทีพวงกุญแจไฟฉายฟีโน่สุดเท่ หรือชำระผ่านบัตรยามาฮ่าสมาร์ทเพิร์ส รับเพิ่ม E-Coupon มูลค่า 30 บาท

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง