วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"ฟีม" สุดเซ็งเครื่องพังชวดเก็บ 10 แต้มที่อินดี

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี สุดเซ็งกับผลงานของตัวเองที่เกือบจะเก็บ 10 แต้มจากอันดับที่ 6 ได้สำเร็จในศึกอินเดียนาโพลิส จีพี ทว่าต้องออกจากการแข่งขันในช่วง 2 รอบสุดท้ายเนื่องจากเครื่องพัง

"เจ้าฟีม" ที่ออกตัวจากกริดที่ 9 ในแถวที่ 3 ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งบิดเกาะกลุ่มท็อป 5 ได้แบบมีลุ้น ก่อนที่จะแซงเฮคตอร์ บาร์เบรา นัดบิดสแปนิช ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 6 ได้สำเร็จ ทว่ากลับต้องออกจาการแข่งขันทั้งที่เหลือเพียง 2 รอบสุดท้าย

ซึ่งนักบิดวัย 21 ปีจากทีมไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค เผยด้วยความผิดหวังว่า "ผมออกสตาร์ทได้ไม่เลว ด้วยการขึ้นไปเกาะกลุ่ม 7 อันดับแรก จากนั้นอุบัติเหตุของจูเลส คลูเซล ชิ้นส่วนท่อไอเสียของเขากระเด็นมาถูกตัวผม แต่ยังโชคดีที่รอดมาได้ แต่ผมก็โชคดีไม่ตลอด เมื่อไปสะกิดกับรถของอเล็กซ์ เดอบอง"

"มันทำให้ท่อไอเสียของผมมีปัญหา ขณะเดียวกันผมไม่สามารถใช้คาบูเรเตอร์ได้อย่างเต็มกำลัง จนกระบอกสูบพังไปอีก 1 ตัว นี่คือความน่าเสียดายที่สุด เพราะมันกำลังจะเป็นวันที่ดีที่สุดของผม แต่ต้องมาจบลงเมื่อเหลือเพียง 2 รอบสุดท้าย" หนุ่มฟีมร่ายยาว

อย่างไรก็ดี "เจ้าลิงน้อย" ยังมองโลกในแง่ดีว่า "เราแสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทาง สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนของผมที่ต้องเรียนรู้ หน้าที่ต่อไปคือการมองไปที่การแข่งขันสนามหน้าที่ซานมาริโน(5 ก.ย.นี้) ผมหวังว่าจังหวะและโอกาสน่าจะเข้าทางเราบ้าง"

สำหรับเจ้าฟีมเคยจบการแข่งขันดีที่สุดในชีวิตในอันดับที่ 5 ที่เลอ มังส์ ในช่วงต้นฤดูกาล ก่อนที่จะประสบปัญหารถคู่ใจไม่พร้อมสมบูรณ์มาตลอดในช่วงหลัง ส่งผลให้ยังมีแต้มอยู่ที่ 43 คะแนน รั้งอันดับ 14 ในตารางรุ่น 250 ซีซีเช่นเดิม

ที่มา http://www.manager.co.th/

หนุ่มเลี่ยนแชมป์ เสียดาย ‘ฟีม’ ชวดติดท็อป 6 อินดี จีพี

มาร์โก ซิมอนเชลลี ยอดนักบิดชาวอิตาเลียนคว้าแชมป์รุ่น 250 ซีซี ศึกอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ “เจ้าฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ น่าเสียดายที่รถมีปัญหาชวดทำอันดับสูงถึงที่ 6 ไปอย่างน่าเสียดาย

ศึกเวิลด์ จีพี สนามที่ 11 ของรุ่น 250 ซีซี รายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์ สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันอาทิตย์เป็นการลงบิดชิงชัยกันในรุ่น 250 ซีซี โดย รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ สังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค ออกตัวในกริดที่ 9

โดยการแข่งขัน 26 รอบ (ระยะทาง 109.616 กิโลเมตร) ปรากฏว่า มาร์โก ซิมอนเชลลี จากทีมกิเลรา ออกสตาร์ทในอันดับ 3 อาศัยจังหวะเบียดแซงทั้ง ไมค์ ดิ เมกลิโอ ตำแหน่งโพลโพซิชัน รวมถึง ฮิโรชิ อาโอยามา เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 45 นาที 43.599 วินาที ขณะที่ อาโอยามา ซึ่งออกตัวกริดที่ 2 คว้ารองแชมป์สนามนี้ไปครอง ด้วยเวลาที่ห่างจากแชมป์ 1.943 วินาที

ซึ่งจากชัยชนะสนามที่อินเดียนาโพลิส ทำให้ ซิมอนเชลลี คว้าชัยได้สองสนามติดต่อกันแล้วในรุ่น 250 ซีซี ทั้งยังเป็นการซิวแชมป์ 3 จาก 4 รายการหลังสุดด้วยของนักบิดประสบการณ์ปีที่ 4

ส่วน รัฐภาคย์ ทำผลงานเยี่ยมบิดขึ้นมาถึงอันดับ 6 ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียงสองรอบ แต่ “เจ้าฟีม” โชคร้ายสุดขีดรถดันมามีปัญหา ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน ชวดมีคะแนนติดมือไปอย่างน่าเสียดาย

ผลการแข่งขัน อินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ รุ่น 250 ซีซี 5 อันดับแรก
1. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) เวลา 45 นาที 43.599 วินาที
2. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) ตามหลัง 1.943 วินาที
3. อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) ตามหลัง 4.661 วินาที
4. ไมค์ ดิ เมกลิโอ (ฝรั่งเศส / อพรีเลีย) ตามหลัง 12.776 วินาที
5. โรแบร์โต โลคาเตลลี (อิตาลี / กิเลรา) ตามหลัง 15.475 วินาที

สรุปคะแนนรวม 5 อันดับแรก รุ่น 250 ซีซี หลังจบการแข่งขันไป 11 สนาม
1. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 192 คะแนน
2. อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) 176 คะแนน
3. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 165 คะแนน
4. เฮคเตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) 133 คะแนน
5. แมตเตีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) 100 คะแนน
14. รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค) 43 คะแนน

ส่วนผลการแข่งขันในรุ่นโมโต จีพี (28 รอบ) ปรากฏว่า ฮอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนของทีมยามาฮ่า เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 47 นาที 13.592 วินาที ตามมาด้วย อเล็กซ์ เด แองเจลิส (ฮอนด้า) ที่เวลา 47 นาที 23.027 วินาที ขณะที่ นิคกี เฮย์เดน (ดูคาติ) ได้อันดับ 3 เวลา 47 นาที 26.539 วินาที

ที่มา http://www.manager.co.th/

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สหฯ รุกเปิดประมูลมอ ไซค์มือสอง

สหการประมูลชี้ตลาดรถจักรยานยนต์มือสองต่างจังหวัดยอดขายพุ่ง เผยลูกค้านิยมซื้อเพราะราคาประหยัด ยืนยันไม่คิดขายแข่งรถใหม่เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม รวมรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อกว่า 300 คัน เปิดประมูลราคาถูกวันเดียวที่จังหวัดสระแก้ว

น.ส.เสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีการประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองขึ้นที่จังหวัดสระแก้ว ณ ลานประมูล ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาจังหวัดสระแก้ว เวลา 11.00 น. ชมรถวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 09.00–17.30 น. การประมูลดังกล่าวได้มีการรวบรวมรถยึดทุกรุ่นทุกยี่ห้อจากไฟแนนซ์ต่างๆ กว่า 300 คัน มาเปิดประมูลขายในราคาถูกกว่าตลาดรถจักรยานยนต์มือสองทั่วไป ทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากรถจักรยานยนต์มือสองส่วนใหญ่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและใกล้เคียงรถใหม่ ที่สำคัญยังเป็นยี่ห้อและรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมในตลาด เช่น HONDA WAVE100, HONDA CLICK, YAMAHA MIO, YAMAHA FINO, YAMAHA NOUVO ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จดทะเบียนระหว่างปี 2008-2009 และถูกประเมินราคาขายถูกกว่ารถใหม่ 50-70%

การเปิดประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองนั้นบริษัทไม่มีนโยบายที่จะแข่งขันกับตลาดรถใหม่ เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม จึงไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อ แต่ที่การประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในต่างจังหวัดค่อนข้างสูง เนื่องจากราคาขายที่ประหยัดกว่า ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้แล้วกลุ่มลูกค้าที่นิยมประมูลซื้อไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ใช้รถเท่านั้น แต่มีธุรกิจและร้านขายรถจักรยานยนต์มือสองเข้าร่วมประมูลซื้อด้วย เนื่องจากข้อได้เปรียบด้านราคา” น.ส.เสาวลักษณ์ กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์มือสองว่า ที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวใน กทม. ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ต้องมีการเพิ่มรอบประมูลทั้งที่สำนักงานใหญ่และสาขารังสิต-คลอง 8 ถึง 4 รอบต่อสัปดาห์ๆ ละไม่ต่ำกว่า 200 คัน เมื่อผู้บริโภคให้ความสนใจสูงจึงได้ขยายตลาดในภูมิภาคมากขึ้น ผลปรากฏว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะการประมูลแต่ละครั้งนั้นสามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 95%

ที่มาhttp://www.banmuang.co.th/

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปากีฯแบนรถมอเตอร์ไซค์ติดก๊าซ

ปากีสถาน ได้ออกประกาศห้ามใช้รถจักรยานยนต์ติดก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี โดยให้เหตุผลว่า การติดตั้งดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายของระเบียบว่าด้วยการติดตั้งก๊าซสำหรับยานยนต์ และแจ้งไปยังสถานีบริการก๊าซ ผู้ได้รับใบอนุญาตติดตั้งและผู้ใช้รถ

สำหรับประกาศดังกล่าวได้เกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ประกอบการได้มีการนำรถจักรยานยนต์ที่มีการติดตั้งพร้อมชุดอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติมาจำหน่าย โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องระงับไม่ให้ใช้รถประเภทดังกล่าว ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันนี้ปากีสถานยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการดัดแปลงรถจักรยานยนต์เพื่อใช้ก๊าซธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็พร้อมที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นและพร้อมที่จะพิจารณารถประเภทดังกล่าว

ก่อนหน้านี้อาร์เจนตินาได้มีการผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ประกอบเสร็จจากโรงงานพร้อมกับชุดติดตั้งก๊าซธรรมชาติ เพื่อตอบสนองกลุ่มที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงที่น้ำมันแพง โดยบริษัทที่มีชื่อว่า ซาเนลล่า (Zanella) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของอาร์เจนตินา เตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์พลังงานทางเลือกจากก๊าซซีเอ็นจี โดยรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวราวเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี สามารถติดตั้งถังก๊าซจำนวน 2 ถัง วิ่งได้ระยะทางราว 200 กิโลเมตร

รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก ECOP Rosario ซึ่งเป็นบริษัทแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติให้สามารถผลิตระบบก๊าซที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์ได้ โดยรถรุ่นใหม่นี้จะสามารถประหยัดพลังงานได้ราว 6 เท่า และเตรียมแผนที่จะติดตั้งให้กับรถยนต์ยี่ห้อและรุ่นอื่นๆที่ขายในอาร์เจนตินา รวมถึงการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆในอนาคตอีกด้วย โดยได้เริ่มส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ด้านจีนก็ได้มีการพัฒนารถดังกล่าวออกมาจำหน่ายด้วยเช่นกัน

สำหรับตลาดอุปกรณ์ก๊าซติดในรถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยนั้นในช่วงที่ผ่านมามีผู้จำหน่ายบางรายได้รับติดตั้งก๊าซสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งการติดตั้งดังกล่าว ยังไม่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ติดตั้งก๊าซยังมีจำนวนไม่มากนัก อีกทั้งรถจักรยานยนต์นั้นสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ คาดว่าในอนาคต รถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งก๊าซจะไม่ได้รับความนิยม
ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี หรือที่เรียกว่า ซีเอ็นจีนั้นได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ปัจจุบันอาร์เจนตินาเป็นประเทศที่มีการใช้รถจากพลังงานซีเอ็นจีมากที่สุดในโลก ซึ่งราคาของก๊าซจะถูกกว่าน้ำมัน

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

"ฟีม" เชื่อติดแถวหน้าได้หากทีมงานเซ็ตรถลงตัว

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซี ยังเชื่อมั่นว่าตนเองมีสิทธิ์ทำทำผลงานติดกลุ่มผู้นำได้ หากรถแข่งคู่ใจได้รับการเซ็ตอัพที่ลงตัวกว่าที่ผ่านๆมาจากทีมงานสต็อป แอนด์ โก

ฟีมเคยทำผลงานชิ้นโบว์แดงในฤดูกาล 2008 ที่ผ่านมา ด้วยการเป็นนักบิดคนเดียวของรุ่น 250 ซีซี ที่จบการแข่งขันได้ทุกสนาม ทว่าในปีนี้ กลับไม่จบการแข่งขันเนื่องจากรถมีปัญหาไปแล้ว 1 ครั้ง ทั้งยังประสบอุบัติเหตุออกจากการแข่งขันอีก 2 สนาม

อย่างไรก็ดีนักบิดหน้าตี๋จากประเทศไทย ยังคงเชื่อมั่นในรถฮอนด้า RS250RW ว่าจะสามารถพาตนเองจบการแข่งขันในอันดับที่สูงๆรวมถึงขึ้นโพเดียมได้ หากได้รับการเซ็ตอัพที่ลงตัว รวมถึงจังหวะต่างเป็นใจกว่าที่ผ่านมา

"จริงๆแล้วรถของเราโอเคอยู่แล้ว ดูจากที่ ฮิโรชิ อาโอยามา (ใช้รถสเปกเดียวกัน) ก็กำลังคั่วแชมป์โลกอยู่ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเรา(ทีมงานสต็อป แอนด์ โก)ยังเซ็ตอัพเครื่องยนต์ตอนแข่งยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นที่น่าพอใจ"

"ที่ผ่านมาทั้งผมและทีมงานก็ทำงานหนัก หากดูเวลาต่อรอบของเราไม่ได้ต่างกันเลยในตอนซ้อม มันเป็นจังหวะที่ยังไม่ลงตัว เพราะบางครั้งที่รถดี ผมก็ดันมีอาการบาดเจ็บ โอกาสดีๆของเราเลยยังไม่ค่อยมี " ฟีมร่ายยาวผ่าน MGR Sport

สำหรับฟีมมีคิวลงทำศึกเวิลด์ จีพี สนามที่ 11 ของรุ่น 250 ซีซี ในรายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์ สปีดเวย์ สหรัฐอเมริกา โดยจะแข่งขันกันในช่วงเที่ยงคืน ของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

โปรเรซซิ่งเพิ่มรุ่นแข่งจักรยานยนต์

"พัทยาโปรเรซซิ่งซีรีส์ 2009" ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สนามที่ 3 เสาร์และอาทิตย์ที่ 29-30 ส.ค.นี้ ผู้จัดเพิ่มกิจกรรมแสดงรถเครื่องเสียง มอเตอร์ไซค์สตันต์โชว์และแรลลี่ท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมเสริม นอกเหนือจากการเพิ่มแข่งรถจักรยานยนต์ขึ้นอีก 2 รุ่น ถ่ายทอดสดให้ชมกันในวันอาทิตย์ ระหว่าง 15.00-17.00 น. ทาง T Sport Channel และ True Visions ช่อง 68 ใน 4 รายการใหญ่ ทั้งซุปเปอร์ไบค์ 1000 โปร รุ่นแฟมิลี่ และรถยนต์โปรคาร์และโปรทรัค

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คุณพร้อมแล้วหรือยังกับความมันส์...ที่คอบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษต้องห้ามพลาด !

บริษัท ไทยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้จัดกิจกรรมออนไลน์ เกมยามาฮ่าพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009 -2010 ให้แฟนๆคอบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ร่วมสนุก ลุ้นมันส์...กันแมทช์ต่อแมทช์ ชิงรางวัลกันทุกเดือน พร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ปลายปี 2009 อาทิ Notebook , เกม PSP, กล้องถ่ายรูป, เครื่องเล่น MP3 และของพรีเมียมอีกมากมาย ระเบิดความมันส์แล้วที่นี่ http://www.yamaha-motor.co.th/PML09/


ที่มา www.yamaha-motor.co.th

Suzuki "Jelato"

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

นิตยสารนักเลงมอเตอร์ไซค์ เล่มที่ 09:09

ในเล่ม:
- แกะกล่องลองขี่ Honda Click i B.O. Project นอกจากสีแล้วมีอะไรใหม่
- จับจังหวะจูน ของที่ใหญ่กว่า มันดีกว่าจริงหรือ?
- KAWASAKI ER-6n แรงและเร็วเท่ๆแบบ Naked Roadster
- HUSQVARNA SM 530 RR ซูเปอร์โมโตพันธุ์แท้
- YAMAHA Mio Drag Racing 402 11.5 ตัวเลขตัวแรงจาก "อ้อมน้อย"
- สัมผัสล่าสุด BENELLI Cafe Racer
HUSQVARNA SM 530 RR
HONDA CBR 1000 RR
SUZUKI GSX-R 1000 K9
KAWASAKI VN 1700 Nomad
DUCATI Monster 696
KTM 990 Super Duke R
- ยัดคาร์บูเรเตอร์ "โต" (ภาคอัพเดท) เที่ยวแล้วไม่สะใจ ยัดใส่ด้วยขนาด 18 มม.
- ล้วงลึกกับระบบ "คอมบาย เบรค"
- 2003 HARLEY-DAVIDSON FLSTF Fat Boy
- Yamaha Maxam 250

ฮอนด้าเร่งถกอนาคต "ฟีม" ซีซันหน้า

อารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ยืนยันกำลังเร่งเรื่องอย่างเต็มที่เพื่อสรุปอนาคตของ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ว่าจะยังคงลงแข่งในสังกัดทีมสต็อป แอนด์ โก (แซค) ต่อไปหรือไม่ หลังผู้จัดปรับกติกาใหม่ในฤดูกาลหน้า

หลังจากที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกประกาศเตรียมยกเลิกการแข่งขันรุ่น 250 ซีซี ที่เจ้าฟีมลงชิงชัยอยู่ในเวลานี้ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้รถเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 600 ซีซี ภายใต้ชื่อรุ่น โมโต 2 ในฤดูกาลหน้าแทน

ส่งผลให้อนาคตของ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่กำลังชิงชัยในรุ่นดังกล่าวเป็นฤดูกาลที่ 3 ร่วมกับทีมสต็อป แอนด์ โก (แซค) ต้องสั่นคลอนทันที เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันว่าทีมแข่งสัญชาติสเปนจะดำเนินการร่วมงานกับนักบิดไทยต่อไปหรือไม่

ล่าสุด อารักษ์ พรประภา บอสใหญ่เอพีฮอนด้า เปิดเผยว่า "จากกติกาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า ประกอบกับฤดูกาลนี้เหลือการแข่งขันอีกเพียง 6 เรซ ทำให้เราต้องเร่งหารือถึงอนาคตของฟีมในปีหน้า ซึ่งเวลานี้นอกจากสต็อปแอนด์โก(แซค)ต้นสังกัดเดิมแล้ว ยังมีอีก 2 ทีมที่สนใจดึงเขาไปร่วมทีม"

"ในนามของเอพี ฮอนด้า เรากำลังหารือกับทั้งทีมสปอนเซอร์ ,ทีมโรงงานฮอนด้า (HRC) รวมถึงงบค่าใช้จ่ายที่น่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปในทางที่ดีในเร็ววันนี้"เสี่ยอารักษ์เผยผ่าน ASTVผู้จัดการรายวัน

พร้อมกันนี้บอสใหญ่เอพีฮอนด้า ยังปฏิเสธข่าวที่เตรียมขยับฟีมขึ้นไปบิดในรุ่นโมโตจีพีว่า "จริงอยู่ที่ดอร์นา (ฝ่ายสิทธิประโยชน์) ให้ความสนใจที่จะดึงตัวฟีมขึ้นไปแข่งรุ่นโมโตจีพี (800 ซีซี) แต่ในความคิดของผมแล้ว ฟีมยังน่าจะต้องสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นโมโต 2 ไปก่อน"

สำหรับ ฟีม ปัจจุบันรั้งอันดับ 14 ในรุ่น 250 ซีซี เพิ่งจะเดินทางออกจากสเปนไปยังสหรัฐเมริกา เพื่อเตรียมทำศึกเวิลด์จีพี รายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ โดยจะแข่งขันในคืนวันที่ 30 ส.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

คาวาฯปรับทัพ โยกฐานการผลิต ชูไทยผลิต2ล้อ

บริษัท คาวาซากิ ในญี่ปุ่น ประกาศโยกฐานการผลิตรถจักรยานยนต์มายังประเทศไทย เหตุค่าแรงถูกคุ้มทุนกว่า บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างหนังสือพิมพ์โยมิอูริ ฉบับวานนี้ว่า บริษัท คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น จะเริ่มโยกย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดกลางและรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ จากเดิมที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยภายในปี 2553 นี้ เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ถูกกว่า ทั้งนี้ รายงานเปิดเผยว่า คาวาซากินับเป็นบริษัทญี่ปุ่นแห่งแรก ที่ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ทั้งหมดมายังประเทศตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ดีรายงานไม่ได้กล่าวรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงช่วงเวลาและสถานที่ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่แน่ชัด ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัท

ฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุด อันดับ 2 ในญี่ปุ่น ได้พิจารณาโยกย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ได้รวมถึงรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ เนื่องจากติดข้อจำกัดด้านภาษี ในวันเดียวกันหนังสือพิมพ์นิกคัน โคเกียว ได้รายงานว่าบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกจากญี่ปุ่น มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ราคาถูกเพื่อป้อนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในประเทศจีนและไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มภายในปี 2553 นี้ ขณะเดียวกันรายงานยังกล่าวด้วย ว่าโตโยต้าตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าวในสายการผลิตที่เรียกว่า รถครอบครัวแบบเริ่มต้นที่ 1.5 แสนคัน ต่อปี เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูกในกลุ่มประเทศ ตลาดเกิดใหม่

ที่มา หนังสือพิมพ์ Post Today

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

“ซูซูกิ” เตรียมรุกตลาดแฟชั่น เปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ ... ดีไซน์เก๋ พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “นิชคุณ” 2PM

“ซูซูกิ” ค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศรุกตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกสไตล์แฟชั่นอย่างเป็นทางการ ด้วยการเตรียมตัวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เปี่ยมด้วยศักยภาพที่เหนือกว่ากับเทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ DCP-FI พร้อมด้วยดีไซน์แปลกใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไอศกรีม เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นยุคใหม่โดยเฉพาะ

เนื่องจากปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกมีการเติบโตเป็นอย่างสูง ดังนั้น “ซูซูกิ” ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่นอกจากจะใส่ใจในเรื่องการประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเน้นในเรื่องเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงกว่าถึง 125 ซีซี ถือเป็นรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่มีสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้วยซีซีสูงที่สุด นอกจากนั้นรถจักรยานยนต์ตัวใหม่ของ “ซูซูกิ” ยังเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ DCP-FI เอกลักษณ์ของ “ซูซูกิ” ที่เน้นระบบเผาผลาญที่หมดจด ช่วยประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตร่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำหรับรถจักรยานยนต์ตัวใหม่ของ “ซูซูกิ” ที่กำลังจะเปิดตัวนั้น เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น รักความสนุกสนาน และสีสันที่สดใส พร้อมด้วยเครื่องยนต์หัวฉีด DCP-FI แรงถึง 125 ซีซี ซึ่งมีความโดดเด่น ฉีกจากการดีไซน์แบบเดิมๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้มีทางเลือกที่แตกต่าง และแสดงถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

โดยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ” รุ่นใหม่ พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มหล่ออย่าง “นิชคุณ 2PM” ที่นำขบวนความน่ารัก และความสนุกสนานมารอพบกับคุณ และเปิดโอกาสให้ได้กรี๊ดกันอย่างใกล้ชิดแค่ซื้อสินค้า Collectionโดนๆ ของ “นิชคุณ” เพียง 100 ท่านเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ลุ้น Meet&Greet กับ “นิชคุณ” นอกจากนั้นยังมีมินิคอนเสิร์ตจาก 4 หนุ่ม Tattoo Colour และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2552 ณ ลานพาร์คพารากอน ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นต้นไป

ที่มา http://www.siamsport.co.th/

"ฟีม" มั่นใจขยับอันดับโลกที่อินเดียนาโพลิส

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี หวังขยับอันดับโลกในตารางคะแนนสะสมรุ่น 250 ซีซี สุดสัปดาห์นี้ในการแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกา หลังหยุดนิ่งอยู่อันดับ 14 มาหลายสนามจากผลงานที่ไม่สู้ดี

นักบิดสังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค กลับมาเก็บคะแนนได้อีกครั้งในการแข่งขันสนามล่าสุดที่สาธารณรัฐเช็ก หลังก่อนหน้านี้ประสบปัญหาไม่จบการแข่งขันที่เยอรมนีและอังกฤษ ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่าการแข่งขันสนามต่อไปในสุดสัปดาห์นี้เป็นโอกาสดีที่จะขยับอันดับโลกอีกครั้ง

โดยเจ้าฟีมเผยก่อนออกเดินทางจากประเทศสเปนไปยัง อินเดียนาโพลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทำศึกสนามต่อไปว่า "การเก็บแต้มได้ที่เบอร์โน(เช็ก)ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของผมในสนามนี้คือการเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะขยับอันดับโลกให้ได้"

พร้อมกันนี้นักบิดวัย 21 ปี ยังพูดถึงการแข่งขันในปีที่แล้วที่พลาดลงแข่งเนื่องจากถูกยกเลิกด้วยพิษพายุไต้ฝุ่นว่า "ปีที่แล้วผมควอลิฟายได้ดี แต่น่าเสียดายที่การแข่งขันถูกยกเลิก ผมยังจำได้ว่าฝนตกลงมาหนักมากจนแทร็กแทบจะกลายเป็นแม่น้ำไปเลย ผมหวังว่าปีนี้จะไม่มีอะไรมาขัดขวางเราอีก"

ฟีมมีแต้มสะสมในรุ่น 250 ซีซีอยู่ที่ 43 คะแนน ตามหลังลูคัส พีเช็ก,จูเลียส คลูเซล และไมค์ ดิ เมกลิโอ ที่อยู่อันดับเหนือกว่าเพียง 1,5 และ7 คะแนนเท่านั้น โดยศึกอินเดียนาโพลิส จีพี จะมีขึ้นที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค. นี้

ที่มา http://www.manager.co.th/

"ลอเรนโซ" ต่อสัญญาบิดให้ทีมยามาฮ่า 1 ปี

ฆอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนตัดสินใจปักหลักอยู่กับทีมเฟียต-ยามาฮ่า ต่อไป หลังจากเซ็นสัญญาฉบับใหม่เป็นเวลา 1 ปี

สิงห์สองล้อรุ่นโมโตจีพีวัย 22 ปี เพิ่งจะตกเป็นข่าวว่า ดูตาติ ทีมคู่ปรับพร้อมทุ่มค่าจ้างก้อนโตดึงตัวไปร่วมงานในฤดูกาลหน้า หลังสัญญากับยามาฮ่ากำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันรับค่าเหนื่อยเพียง 2 ล้านยูโรต่อปี (ราว 96 ล้านบาท) น้อยกว่า วาเลนติโน รอสซี เพื่อนร่วมทีมถึง 7 เท่า ขณะที่ ดูคาติ พร้อมจ่าย 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) เป็นการล่อใจ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ลอเรนโซ ตกลงอยู่กับทีมต่อไป 1 ปี โดยมี ลิน ยาร์วิส กรรมการผู้จัดการของทีมยามาฮ่า เรซซิง ออกแถลงว่า “เราหวังว่า ลอเรนโซ จะอยู่กับ ยามาฮ่า ไปอีกหลายปีนับจากนี้ ซึ่งเราไม่สงสัยเลยว่าเขาจะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพีในอนาคต”

“เราภูมิใจที่เขาตัดสินใจอยู่กับ ยามาฮ่า แม้ว่าจะได้รับข้อเสนอที่ล่อใจจากบรรดาทีมคู่แข่งของเราเข้ามามากมายก็ตาม” ยาร์วิส กล่าวด้วยความโล่งใจ ทว่า แหล่งข่าวไม่ระบุตัวเลขค่าจ้างที่ ลอเรนโซ จะได้รับในสัญญาฉบับใหม่แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ลอเรนโซ มีคะแนนสะสมในรุ่นโมโตจีพีเป็นอันดับ 2 ตามหลัง วาเลนติโน รอสซี เพื่อนร่วมทีมชาวอิตาเลียนอยู่ 50 คะแนน โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามต่อไป จะไปแข่งขันกันที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐเอเมริกา ในช่วงดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา www.manager.co.th>

"เดอะด็อกเตอร์" แบะท่าซิ่งเอฟวันปี 2011

วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดแชมป์โลก 8 สมัย พร้อมทำตามฝันของตนเองด้วยการร่วมทีมเฟอร์รารี ลงแข่งรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2011 หลังสัญญาฉบับปัจจุบันกับทีมเฟียต-ยามาฮ่า ในศึกโมโตจีพีจะหมดลงในปี 2010

"เดอะด็อกเตอร์" ตกเป็นข่าวเตรียมเปลี่ยนชนิดกีฬาจากมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก มาเป็น ฟอร์มูลา วัน หลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเคยร่วมทดสอบรถกับทีม "ม้าลำพอง" ที่สนามมาลาเนลโน มาแล้วถึง 3 ครั้ง นับจากปี 2006 เป็นต้นมา

ซึ่งแม้ว่ายอดนักบิดอิตาเลียนจะเคยออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้รับการทาบทามจากเฟอร์รารี ให้เข้ามาทำหน้าที่แทนเฟลิเป มาสซาในฤดูกาลนี้ ทว่าล่าสุดเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในบ้านเกิดว่า มีความเป็นไปได้ที่จะขยับไปขับเอฟวันหลังปี 2010

"เวลานี้ผมยังมีสมาธิอยู่กับการแข่งขันโมโตจีพี เช่นเดียวกับในปีหน้าที่ผมยังเหลือสัญญากับยามาฮ่าอีก 1 ฤดูกาล แต่หลังจากนั้นในปี 2011 อะไรจะเกิดขึ้นเราจะได้เห็นกัน ผมมีทางเลือกมากมายซึ่งยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจในเวลานี้"

"การได้เป็นนักขับให้เฟอร์รารีลงแข่งเอฟวันคือความฝันของทุกคน ในปี 2006 พวกเขาเคยเสนอให้ผมเป็นนักขับทดสอบ แต่เวลานั้นผมยังไม่อยากทิ้งอาชีพที่ผมรัก ทว่าหากเป็นในปี 2011 ผมคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อถึงเวลานั้น" นักบิดวัย 30 ปี ร่ายยาว

รอสซี กำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่ 9 ของตัวเองในการแข่งขันจักรยานต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่นโมโต จีพี ฤดูกาล 2009 โดยเจ้าตัวมีคิวทำศึกสนามต่อไปในรายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สหรัฐอเมริกา วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมนี้

ที่มา http://www.manager.co.th/

บิ๊กไบค์-เสกเวย์โอกาสใหม่ของคนที่มองเห็น

เมื่อมองย้อนไปประมาณ 1-2 ปีที่ใครๆ ต่างก็จับตามองกระแสเศรษฐกิจที่มีการคาดการณ์ว่าจะต้องได้รับผลกระทบจากสภาวการณ์เศ่รษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอเมริการอย่างแน่นอน เพียงแต่ใครจะได้รับมากหรือน้อยเท่านัน ดังนั้น จึงส่งผลให้เกิดการเตรียมตัวไปในทิศทางของการชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ท่ามกลางความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสและใช้จังหวะเวลานี้ในการก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา โดยเน้นไปที่การมองและตัดสินใจจากศักยภาพของตนเองเป็นหลัก แต่มีการวางกรอบแนวคิดในการทำธุรกิจแบบที่เรียกได้ว่าเสี่ยงอย่างมีการประเมินไว้แล้ว เพระไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่มีความเสี่ยง "ผู้จัดการ 360 รายสัปดาห์" ติดตาม 2 ผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจ "บิ๊กไบค์" กับ "เสกเวย์" มานำเสนอ

บิ๊กไบค์ต้องเริ่มก่อนจะสายไป
ในช่วงจังหวะของเศรษฐกิจขาลง แต่"Gen4" สามารถแจ้งเกิดในธุรกิจ "Big bike" ทั้งๆ ที่รถมอเตอร์ไซค์คันละเกือบแสนขึ้นไปจนถึงราคาหลักล้านบาทนี้เรียกได้ว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ยิ่งในยุคเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ด้วยแล้ว นอกจากนี้ รถบิ๊กไบค์ยังเป็นธุรกิจที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่สินค้าแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีในตลาด แต่จุดสำคัญ ที่ทำให้ Gen 4 แทรกตัวขึ้นมาในธุรกิจนี้ได้ เป็นเพราะเห็นช่องว่างและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแตกต่าง จึงมีโอกสาใหม่ๆ เกิดขึ้น

จุดเริ่มต้นของ Gen 4 ไม่ได้แตกต่างจากหลายๆ ธุรกิจที่เกิดมาจากความสนใจหรือความฝันของผู้ประกอบการคนหนึ่ง ที่มีความประทับใจในอะไรสักอย่างหรือแปรเปลี่ยนงานอดิเรก ของเล่นสนุกๆ ในยามว่าง ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์ส่วนตัวมาก่อร่างสร้างเป็นธุรกิจขึ้นมา แต่ความแตกต่างอยู่ที่การเตรียมความพร้อมและความสามารถในการบริหารจัดการ

หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือริเริ่มธุรกิจใหม่เพราะธุรกิจที่ปรึกษาทางการประชาสัมพันธ์ที่ทำมาถึง 13 ปี อยู่ในจุดที่อยู่ตัวแล้ว และยังคิดว่าวัยที่ร่วงเลยไปเรื่อยๆ อาจจะกลายเป็นอุปสรรค "ชาญยุทธ ชาญวิถี" จึงชักชวน วีระพงศ์ เหล่าวานิช ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ชื่นชอบการขับขี่รถบิ๊กไบค์เหมือนกัน พร้อมทั้ง ยังได้วรวุธ พานิชกุล นักแข่งมืออาชีพ หรือ Biker กับธวัชชัย ตรีพิชิต ซึ่งมีความถนัดในเรื่องงานช่างมาเป็นทั้งทีมงานและหุ้นส่วน ทั้ง 4 คน ร่วมกันก่อตั้ง บริษัท เจนโฟร์ มอเตอร์ไบค์ จำกัด ขึ้นมาเมื่อ 2 ปีก่อน

"การที่เราคนเดียวจะมาเรียนรู้ใหม่หมดกับธุรกิจที่มีมาอยู่ก่อนนานแล้วจะเสียเปรียบคนที่อยู่มาก่อน เพราะฉะนั้นการหามือโปรมาช่วยเสริมกันเพราะถนัดคนละด้าน ทำให้เราสามารถก้าวทันคนอื่นได้ในเวลาที่ค่อนข้างเร็ว เพราะตอนนี้เราเป็นที่รู้จักในวงการนี้แล้ว"

แม้ว่ารูปแบบธุรกิจจะไม่แตกต่างแต่แนวคิดในการทำธุรกิจของ Gen 4 ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ เริ่มแรกคือแนวคิดในการมองโอกาสธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นไปที่การหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มักจะมองแต่กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดิม โดยใช้วิธีการกระตุ้นตลาดที่แตกต่าง เริ่มจากการทำประชาสัมพันธ์เฉพาะกลุ่ม ด้วยการนัดสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มไปขับรถเที่ยว การออกบูทในศูนย์การค้า รวมทั้งการไปโชว์ตัวในงานอีเวนต์ ซึ่งเป็นโอกาสให้พบลูกค้าใหม่ที่มักจะสนใจเข้ามาทักทาย ทำให้ได้โอกาสแจกนามบัตร

ที่สำคัญคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยเน้นไปที่การเปิดรับทุกคนที่ให้ความสนใจอย่างเป็นมิตรโดยไม่ได้หวังว่าจะเกิดการซื้อขายตามมาหรือไม่ พร้อมกับการสร้างจุดเด่นในเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการพาไปขับอย่างถูกวิธีและปลอดภัย โดยมีสนามฝึกที่เป็นมาตรฐานและนักแข่งรถที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาช่วยฝึก รวมทั้งฝีมือของช่างที่สามารถแต่งรถหรือดูแลรถให้ทำออกมาแล้วใช้งานได้จริง ยังเป็นจุดแข็ง นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดไฟแนนซ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าจ่ายได้ดีขึ้นและมีการดูแลรับซื้อขายแลกเปลี่ยน

"ในขณะที่รายอื่นๆ ส่วนมากจะกลุ่มเป้าหมายระดับ B ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น Triumph, BMW, Ducati และ Harley Davidson ซึ่งเป็นรถที่มีดีไซเนอร์แต่งอย่างสมบูรณ์แบบมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับ B ลงมาเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีช่องว่าง ไม่มีใครจับตลาดที่ชัดเจน และเห็นว่ามีลูกค้าที่ชอบสนุกกับการแต่งรถเอง เช่น ทำเฟรมใหม่ ทำสีใหม่ หรือรถสปอร์ตจากญี่ปุ่นอย่างซูซูกิ ถ้าจะเบรกที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต้องมีการปรับแต่งอุปกรณ์ใหม่ เพราะเบรกปรกติไม่พอ ซึ่งเรามีช่างที่มีความสามารถในการดูแลและให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าได้จริงๆ

มองอนาคตสดใส ปูทางสร้างความยั่งยืน
เนื่องจาก ธุรกิจนี้ยังมีภาพที่เรียกว่า "Gray market" เพราะมีการซื้อรถที่มีแต่ใบ Invoice ซึ่งเป็นอะไหล่นำเข้ามาประกอบและขับขี่โดยไม่จดทะเบียนและเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฏหมาย แต่แนวทางการทำธุรกิจของ Gen 4 มองความถูกต้องในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและต้องการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะทำให้เสียโอกาสในการขายเพราะลูกค้าต้องจ่ายมากขึ้น ด้วยการขายรถทุกคันแบบมีการจดทะเบียนและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทำให้การซื้อรถแต่ละคันของลูกค้าต้องมีค่าใช้จ่ายสุงขึ้นคันละประมาณ 5-8 หมื่นบาท

"ลูกค้าบางคนอยากจะประหยัดเงินและคิดว่าไม่เป็นไรถ้าตำรวจจับคงจะต่อรองได้ ในขณะที่ บางร้านก็คิดแค่อยากจะขายเท่านั้น แต่สำหรับเราอยากทำให้ถูกต้องมากกว่า เพราะเราไม่ได้ทำธุรกิจแบคิดแต่จะขายหรือต้องมีกำไรมากๆ แต่คิดว่าถ้าเราสามารถทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้ ผลกำไรก็จะตามมาเอง นอกจากนี้ในอีกไม่เกิน 5 ปี ข้างหน้าค่าทะเบียนรถใหญ่นำเข้าจะเป็น 0% ทำให้โอกาสในการขายของเราสูงขึ้นอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ชาญยุทธ มองอนาคตของธุรกิจนี้ว่า น่าจะเติบโตไปได้อีกนาน เพราะปัจจุบันค่ายรถญี่ปุ่นรายใหญ่เข้ามาเปิดศูนย์บริการรถบิ๊กไบค์ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ยามาฮ่า คาวาซากิ และซูซูกิ ซึ่งจะเป็นการเข้ามาช่วยขยายตลาด เพราะจะมีการกระตุ้นความนิยมให้เพิ่มมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์โดยรวมเพราะไม่ใช้ลูกค้าทุกคนจะเข้าไปใช้บริการกับศูนย์ฯ ดังนั้น Gen 4 จึงเป็นทางเลือก

นอกจากนี้ ยังมองว่าเพราะผู้ชายทุกคนชอบความเร็วและใฝ่ฝันอยากจะมีรถบิ๊กไบค์เอาไว้ขับเล่น เพราะเสน่ห์อยู่ที่ความเท่ห์ของรถและเครื่องแต่งกาย รวมทั้งความสนุกกับการได้ขับขี่และได้มารวมกลุ่มพบปะคนที่ชอบเหมือนกัน

ในด้านการบริหารจัดการ ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ มีทีมงานประมาณ 10 คนเท่านั้น แต่หากไม่มีแนวทางและวิธีบริหารจัดการที่ดีจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ไม่น้อย โดยเฉพาะบางส่วนในทีม ซึ่งมีความเป็นศิลปินชอบความอิสระ ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องระเบียบกฏเกณฑ์หรือความคิดแบบธุรกิจทำให้ต้องปรับตัว ทั้งการใช้คำพูด การแสดงออกและค่อยๆ ใส่ความคิดเข้าไปให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม แนวทางในการทำธุรกิจที่หุ้นส่วนทุกคนคิดตรงกันคือต้องซื่อตรงต่อลูกค้า ไม่ตีหัวเข้าบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นรากฐานให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกเหนือจากการใช้ความสมารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่

ที่มา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์โหมแคมเปญโค้งสุดท้าย

ฮอนด้าประเมินสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งหลังคึกคัก ผู้ผลิตอัดแคมเปญหวังเพิ่มยอดขาย ขณะที่ยอดขายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา 138,898 คัน ลดลง 13% เหตุจากเข้าช่วงฤดูฝน นอกฤดูการขาย ยอดขายรถเกียร์อัตโนมัติยังคงได้รับความนิยม

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยเชิงบวกต่างๆ ที่จะกลับเข้ามาช่วยเสริม ทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรมที่ค่ายผู้ผลิตต่างทยอยนำเสนอออกมากระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสะท้อนถึงสัญญาณที่ดีของทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในบ้านเราอีกครั้ง

ส่วนแนวโน้มของสภาพตลาดไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป คาดว่าค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ จะยังคงนำเสนอกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดโดยรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีความคึกคัก และมีความตื่นตัวสูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นตลาดครึ่งปีหลัง

สำหรับสภาพตลาดตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ต้องฝ่าฟันกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโดยรวม และความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะการลดลงแบบชะลอตัว ซึ่งเมื่อดูตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ 7 เดือนแรก นับว่ามีอัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 882,122 คัน ส่งผลให้การขยายตัวมีอัตราลดลงเพียง 15% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้รายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนแรกของครึ่งปีหลังนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอที ขึ้นมาได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,802 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% ในขณะที่รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แม้ว่าในเดือนนี้จะมียอดการจดทะเบียนที่น้อยกว่ารถแบบ เอที แต่ก็ต่างกันในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว มีปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,646 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% แต่หากนับปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวม 7 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวยังคงมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากที่สุดถึง 435,321 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% และยังคงครองความนิยมเป็นประเภทรถจักรยานยนต์ที่มียอดขายสูงสุดอย่างยาวนาน

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเริ่มเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ดังนี้ คือ รถแบบ เอที มีปริมาณ 411,405 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 21,674 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 6,684 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,038 คัน สัดส่วนตลาด 1%

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 582,443 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 245,872 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 38,076 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 7,935 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 863 คัน, แพล็ตตินั่ม 600 คัน, ไทเกอร์ 473 คัน และอื่นๆ 5,860 คัน

นายธีระพัฒน์ กล่าวต่อไปว่าในส่วนของฮอนด้า เริ่มต้นส่งกิจกรรมมากระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลัง ด้วยการผลักดัน 2 แคมเปญส่งเสริมการขายอย่าง "ผ่อนสนุกขี่สบาย...กับอิออน" และแคมเปญ "คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น" ให้ช่วยเป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ประกอบกับการโหมทำกิจกรรม สร้างความต่อเนื่องให้กับแคมเปญ C'mon Let's Have Fun ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสโมสรระดับโลก "ลิเวอร์พูล" กับทีมชาติไทย และกิจกรรมที่สร้างปรากฏการณ์คลื่นมหาชนในมหกรรมดนตรีริมทะเล Honda Click i Reggae on the Rock ที่ส่งสัญญาณการตอบรับที่ดีล้นหลามจากประชาชนกว่าแสนคนทั่วประเทศที่มาร่วมงาน นับว่าทั้ง 2 แคมเปญ และ 2 กิจกรรมใหญ่ดังกล่าวช่วยรักษาสภาพตลาดและเป็นการการันตีฐานผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

การชำระภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์

ด้วยปัจจุบันปรากฏว่ามีการประกอบรถจักรยานยนต์ขึ้นจา กชิ้นส่วนอุปกรณ์นำเข้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งรถจักรยานยนต์เป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิ ต ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตประเภทที่ 08.90 ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ดังกล่าวบางส่วนไม่รู้ว่าต้ องเสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ย่อมมีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เ สียภาษีหรือเสียภาษี ไม่ครบถ้วน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองถึงสิบเท่าของค่าภาษี

ดังนั้น กรมสรรพสามิตจึงมีหนังสือด่วนที่สุดให้สำนักงานสรรพส ามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 แจ้งประชาสัมพันธ์ว่าหากท่านมีภูมิลำเนาอยู่ภายในฝั่ งธนบุรีทั้งหมด (เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตหนองแขม เขตบางแค เขตภาษีเจริญ เขตบางบอน เขตบางขุนเทียน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี) และมีรถจักรยานยนต์ที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์น ำเข้าไว้ในครอบครอง ขอให้ตรวจสอบว่าได้มีการชำระภาษีสรรพสามิตไว้ถูกต้อง ครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้องครบถ้วนขอ ให้ติดต่อชำระภาษีสรรพสามิต ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 กรมสรรพสามิต ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ภายในวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2552 หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว กรมสรรพสามิต จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป

อนึ่ง กรณีมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 โทรศัพท์หมายเลข 0 2668 6413 0 2668 6413 โทรสาร 0 2668 6414 0 2668 6414 E-mail : Krungtep1@mail.excise.go.th

สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1
สิงหาคม 2552


การชำระภาษี รถจักรยานยนต์
การจัดเก็บภาษีตามพิกัดอัตราภาษี ประเภท 08.90
1. รถจักรยานยนต์
(1) ชนิดเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ตามมูลค่าร้อยละ 5
(2) ชนิดเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ตามมูลค่าร้อยละ 3
ลักษณะสินค้าที่ผลิตหรือประกอบ เช่น สินค้ารถจักรยานยนต์ ชนิดเครื่องยนต์ 2 หรือ 4 จังหวะ

ผู้ผลิตหรือประกอบรถจักรยานยนต์มีความประสงค์ยื่นชำร ะภาษีเตรียมเอกสาร ดังนี้
1. ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุ งเทพมหานคร 1 เรื่อง ขอชำระภาษีรถจักรยานยนต์
2. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าแฟรมรถจักรยานยนต์
3. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าแรงประกอบรถจักรยานยนต์
4. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าทำสี กรณีเปลี่ยนสีหรือทำสีใหม่
5. สำเนาใบเสร็จค่าเครื่องยนต์
6. ลอกลายหมายเลขเครื่อง หมายเลขแฟรม
7. เอกสารในการนำเข้า เช่น ใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร ใบขนสิ้นค้าขาเข้า ใบ INVOICE
8. รูปถ่ายรถจักรยานยนต์ ประมาณ 2 รูป
9. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
10. หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 10 บาท (กรณีให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน)

เมื่อมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
• สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1
โทร. 02 - 6686413 02 - 6686413 FAX : 02 – 6686414
หรือทาง E-mail : Krungtep1@mail.excise.go.th
ทางจดหมาย
สำนักงานสรรพสามิตกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1
กรมสรรพสามิต 1488 ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้ารางวัลดีเด่นด้านความปลอดภัยทางท้องถนน

พณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้เกียรติมาเป็นประธานในการมอบรางวัล “ Prime Minister Road Safety Award ” ให้แก่ มร. เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เนื่องด้วยเป็นองค์กรที่มีผลงานดีเด่น และเป็นที่ยอมรับในด้านการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางท้องถนน ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางท้องถนน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ ไบเทค บางนา

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้นำอันดับ 1 ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ได้เป็นผู้บุกเบิกและดำเนินการ สานต่อนโยบายสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี โดยแรกเริ่มทางฮอนด้าได้ดำเนินการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนน ภายใต้โครงการ "เมืองไทยปลอดภัย" หรือ Safety Thailand มาตั้งแต่ปี 2532 พร้อมจัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ ตำบลสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2537 หลังจากนั้นในปี 2544 มีการพัฒนาศูนย์ฝึกฯ ให้มีมาตรฐานและศักยภาพเพิ่มขึ้น ตลอดจนขยายพื้นที่เป็น 15,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ในเวลานั้นศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า เป็นศูนย์ฝึกฯ แห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกกระทรวงคมนาคมรวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรการสอบทำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์

และล่าสุดเมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมานี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนให้มากยิ่งขึ้นอีกครั้ง บริษัทฯ จึงสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ที่ ยิ่งใหญ่ และครบวงจรมากขึ้นในกรุงเทพฯ โดยเป็นศูนย์ฝึกฯ ที่ใหญ่ที่สุดในเขตภูมิภาคอาเซี่ยน ได้รับการรับรองจากกระทรวงคมนาคมและสามารถรองรับการฝึกขับขี่ได้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่หลักสูตรระดับพื้นฐานจนกระทั่งถึงระดับฝึกทักษะขั้นสูง ตลอดจนการสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยร่วมกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจและตระหนักถึงการสำคัญของการขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนน ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่มา
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"ลอเรนโซ" เตรียมแถลงอนาคตที่อินดีวีคหน้า

ฮอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนจากทีมเฟียต-ยามาฮ่า เตรียมตัดสินอนาคตของตัวเองว่าจะอยู่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิมออกไปหรือไม่ ในงานแถลงข่าวศึกอินเดียนาโพลิส จีพี ที่สหรัฐอเมริกา สัปดาห์หน้า หลังตกเป็นข่าวถูกดูคาติ ตามจีบไปร่วมทีม

ยอดนักบิดรุ่นโมโตจีพีวัย 22 ที่กำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์โลก กับวาเลนติโน เพื่อนร่วมทีมในปีนี้ เพิ่งจะตกเป็นข่าวถูกดูตาติ ทีมแข่งคู่ปรับพร้อมทุ่มค่าจ้างก้อนโตดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้า หลังสัญญากับยามาฮ่ากำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้

ล่าสุดมีการเปิดเผยจาก มาร์กอส ฮิร์ช ผู้จัดการส่วนตัวของลอเรนโซ ผ่านเว็บไซต์ motogp.com นักบิดจอมบู๊กำลังพิจารณาข้อเสนอจาก 2 ทางในเวลานี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเตรียมย้ายไปบิดให้กับดูคาติ ยอดทีมอิตาเลียนในฤดูกาลหน้า

"เวลานี้ทุกอย่างกำลังอยู่ในช่วงเจรจาซึ่งเราต้องพิารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งทุกคนน่าจะได้ทราบกันในช่วงแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า ว่าฮอร์เก จะอยู่กับทีมยามาฮ่าต่อไปหรือย้ายออกหลังจบซีซัน" ตัวแทนนัดบิดสแปนิชเผย

สำหรับลอเรนโซ รับค่าเหนื่อยจากยามาฮ่าในสัญญาฉบับปัจจุบันเพียง 2 ล้านยูโรต่อปี (ราว 96 ล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่า "เดอะด็อกเตอร์" เพื่อนร่วมทีมถึง 7 เท่า ขณะที่ดูคาติ พร้อทจ่ายเงิน 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) เป็นการล่อใจ

โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามต่อไป จะไปแข่งขันกันที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐเอเมริกา โดยจะดวลความเร็วกันในช่วงดึงของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ตลาดรวมรถจักรยานยนต์เริ่มต้นเดือน 7 ลดลง ผู้ผลิตโหมกลยุทธ์ชูกิจกรรม อัดแคมเปญหวังกระตุ้นยอดครึ่งปีหลัง

รายงานตลาดรถจักรยานยนต์ในเดือนแรกของครึ่งปีหลัง เริ่มต้นเดือนกรกฎาคมด้วยปริมาณยอดจดทะเบียน 138,898 คัน ซึ่งลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ลดลง 8% ซึ่งเป็นการลดลงหลังจากที่เดือนก่อนหน้าทำยอดขึ้นสุงสุดในรอบ 10 เดือน คาดการณ์เบื้องต้นเป็นผลเกี่ยวเนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล ที่โดยปกติยอดขายช่วงหน้าฝนมักจะลดต่ำลง ขณะที่ค่ายผู้นำอย่างฮอนด้า ยังคงมั่นใจเดินเกมต่อเนื่องชู 2 แคมเปญใหญ่สุดคุ้ม “ผ่อนสนุกขี่สบายกับอิออน” และแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” หวังกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง พร้อมเตรียมรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต วางหมากเดินหน้าเต็มสูบงัดกลยุทธ์นำเสนอความสนุกตลอดครึ่งปี เพื่อตอบสนองในทุกๆ ความต้องการให้สอดคล้องกับทุกไลฟสไตล์ของผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ต้องฝ่าฟันกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโดยรวม และความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะการลดลงแบบชะลอตัว ซึ่งเมื่อดูตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ 7 เดือนแรก นับว่ามีอัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 882,122 คัน ส่งผลให้การขยายตัวของตลาดมีอัตราลดลงเพียง 15% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยเชิงบวกต่างๆ ที่จะกลับเข้ามาช่วยเสริม ทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ค่ายผู้ผลิตต่างทยอยนำเสนอออกมากระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสะท้อนถึงสัญญาณที่ดีของทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในบ้านเราอีกครั้ง”

โดยค่ายผู้นำอย่างฮอนด้า เริ่มต้นส่งกิจกรรมมากระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลัง ด้วยการผลักดัน 2 แคมเปญส่งเสริมการขายยักษ์ใหญ่ “ผ่อนสนุกขี่สบาย...กับอิออน” และแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” ให้ช่วยเป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ประกอบกับการโหมทำกิจกรรมทางการตลาด สร้างความต่อเนื่องให้กับแคมเปญ C’mon Let’s Have Fun ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสโมสรระดับโลก “ลิเวอร์พูล” กับทีมชาติไทย และกิจกรรมที่สร้างปรากฏการณ์คลื่นมหาชนในมหกรรมดนตรีริมทะเล Honda Click i Reggae on the Rock ที่ส่งสัญญาณการตอบรับที่ดีล้นหลามจากประชาชนกว่าแสนคนทั่วประเทศที่มาร่วมงาน นับว่าทั้ง 2 แคมเปญ และ 2 กิจกรรมใหญ่ดังกล่าวช่วยรักษาสภาพตลาดและเป็นการการันตีฐานผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี ส่วนแนวโน้มของสภาพตลาดไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป คาดว่าค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ จะยังคงนำเสนอกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดโดยรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีความคึกคัก และมีความตื่นตัวสูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีแก่การเริ่มต้นตลาดครึ่งปีหลัง

สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนแรกของครึ่งปีหลังนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอ.ที. ขึ้นมาได้รับความนิยมสุงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,802 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% ในขณะที่รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แม้ว่าในเดือนนี้จะมียอดการจดทะเบียนที่น้อยกว่ารถแบบ เอ.ที แต่ก็ต่างกันในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว มีปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,646 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% แต่หากนับปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวม 7 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีมกราคมรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวยังคงมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากที่สุดถึง 435,321 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% และยังคงครองความนิยมเป็นประเภทรถจักรยานยนต์ที่มียอดขายสูงสุดอย่างยาวนาน

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเริ่มเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 411,405 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 21,674 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 6,684 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,038 คัน สัดส่วนตลาด 1%

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 582,443 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 245,872 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 38,076 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 7,935 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 863 คัน, แพล็ตตินั่ม 600 คัน, ไทเกอร์ 473 คัน และอื่นๆ 5,860 คัน

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลือดูคาติทุ่ม 380 ล้านดึง "ลอเรนโซ" บิดโมโตจีพี

ฮอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดแห่งทีมเฟียต-ยามาฮ่า ส่อแววโบกมือลาต้นสังกัดหลังจบฤดูกาลนี้ หลังถูกดูคาติยอดทีมแข่งจากอิตาลีเสนอเงินค่าเหนื่อย 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) ต่อปี ดึงตัวไปซิ่งโมโจตีพีในฤดูกาลหน้า

"AS" สื่อดังแดนกระทิงดุเปิดเผยว่า ลอเรนโซ ที่กำลังไล่ล่าแชมป์โลกโมโตจีพีกับวาเลนติโน รอสซี เพื่อนร่วมทีมในฤดูกาลนี้ กำลังถูก 2 ทีมคู่แข่งทั้งเรปโซ-ฮอนด้า และดูคาติ ตามตื้ออย่างหนักเพื่อดึวตัวไปร่วมทีม

โดยเฉพาะทีมดูคาติ ที่เวลานี้ หมดสิทธิ์ใช้บริการเคซีย์ สโตเนอร์ อดีตแชมป์โลกปี 2007 เนื่องจากนักบิดออสเตรเลียน ยังคงอยู่ในช่วงพักรักษาอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะต้องพักยาวไปจนถึงฤดูกาลหน้า

ส่งผลให้ยอดทีมแข่งอิตาเลียน พร้อมทุ่มค่าจ้าง 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) ต่อปี ในระยะสัญญา 2 ปี ดึงตัวอดีตแชมป์โลก 250 ซีซี ไปร่วมทีมกับนิคกี เฮย์เดน ในฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นจำนวนค่าเหนื่อยที่มากกว่าสโตเนอร์เกือบเท่าตัวเลยทีเดียว

โดยเวลานี้นักบิดวัย 22 ปีรับค่าจ้างจากทีมยามาฮ่าต้นสังกัดปัจจุบันเพียง 2 ล้านยูโร (ราว 96 ล้านบาท) ต่อปีเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่า "เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี ที่รับรับค่าเหนื่อยสูงถึง 14 ล้านยูโร (ราว 672 ล้านบาท) ถึง 7 เท่า

สำหรับลอเรนโซ ยังคงมีลุ้นแชมป์โลกโมโตจีพี ประจำฤดูกาลนี้ แม้ว่าในสนามล่าสุดจะพลาดล้ม จนมีแต้มตามหลังรอสซีไปแล้ว 50 คะแนน เนื่องจากศึกเวิลด์ จีพี 2009 ยังเหลือโปรแกรมให้ลุ้นอีกถึง 6 เรซ ซึ่งสนามต่อไปจะแข่งกันที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 30 ส.ค.นี้

ที่มา http://www.manager.co.th/

Honda Radio.net สถานที่วิทยุออนไลน์แห่งแรก

http://www.hondaradio.net/: ได้เวลาสนุกกับฮอนด้าหัวฉีด ในแบบฉบับของคอมมิวนิตี้แห่งเสียงเพลงบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เอาใจวัยรุ่นผู้รักความสนุก เสนอสถานีวิทยุออนไลน์แห่งแรกของคนรักมอเตอร์ไซต์ เดินหน้าตอกย้ำไลฟ์สไตล์ความสนุก C’mon Let’s Have Fun ต่อยอดความอิสระแห่งการขับขี่และเสียงเพลงบนโลกไซเบอร์ ให้คนรักมอเตอร์ไซต์อัพเดตสาระความรู้เกี่ยวกับการขับขี่ได้อย่างสนุกสนาน พร้อมเปิดโลกความบันเทิงที่สดใหม่กับดีเจหนุ่มสาวทันสมัยได้ทันทีแบบไม่มีตกเทรนด์ ออกอากาศสดทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เพียงคลิกเข้าไปลงทะเบียนที่ http://www.hondaradio.net/ หรือเข้าไปฟังกันแบบชิวล์ๆ ได้ที่ Honda Wing Center และร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ

นางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อการการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “นับเป็นครั้งแรกของวงการรถจักรยานยนต์ไทยที่ได้สร้างสรรค์คลื่นวิทยุออนไลน์เพื่อคนรักมอเตอร์ไซต์ขึ้น และนับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้สร้างสรรค์ความสนุกครั้งใหม่ตอกย้ำแคมเปญ “ได้เวลาฮอนด้าหัวฉีด C’mon Let’s Have Fun ก็มันสนุกอะ” เอาใจผู้มีไลฟ์สไตล์รักในเสียงเพลง และมีความชื่นชอบในรถจักรยานยนต์ โดยสถานีวิทยุออนไลน์ Honda Radio…Fun & Fresh Station แห่งนี้ ถูกพัฒนาให้มีรูปแบบที่ทันสมัยโดนใจวัยรุ่นยิ่งขึ้น คาดว่าคลื่นวิทยุออนไลน์แห่งแรกสำหรับคอมอเตอร์ไซต์นี้ จะสามารถตอบโจทย์ให้กับคอมมิวนิตี้คนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยนอกเหนือจากการฟังคลื่นวิทยุนี้ผ่านทางออนไลน์แล้ว ยังสามารถรับฟังได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใกล้บ้าน”

สำหรับวิธีการสนุกกับสถานีวิทยุออนไลน์แห่งนี้ง่ายๆ เพียงคลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ www.hondaradio.net แล้วเข้าไปลงทะเบียนสมัครสมาชิกเพื่อรับรหัสผ่านส่วนตัว หลังจากนั้นก็ทำการล็อคอินเข้าสู่ระบบ เพียงแค่นี้ก็ทะยานเข้าสู่โลกแห่งความสนุกกับเสียงเพลง และสาระความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ รวมถึงข่าวคราวรถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆ ของวงการรถจักรยานยนต์ Tips & Tricks และกิจกรรมต่างๆ มากมาย ให้กับคนรักมอเตอร์ไซต์ได้ตรงใจทุกไลฟ์สไตล์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถร่วมดูภาพการจัดรายการสดของดีเจ พร้อมร่วมพูดคุย ร่วมแชท ฝากความคิดเห็นผ่านรายการได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญที่สุดสามารถเข้าไปรับฟังความสนุกนี้ได้ที่ Honda Wing Center และร้านจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าใกล้บ้านท่านทั่วประเทศ

“การสร้างสรรค์ www.hondaradio.net สถานีวิทยุออนไลน์แห่งแรกของคนรักมอเตอร์ไซต์ในครั้งนี้ จะเป็นการช่วยย้ำภาพลักษณ์ความสนุก และแสดงการเชื่อมต่อวัฒนธรรมระหว่างโลกของเสียงเพลง กับผู้ที่รักและชื่นชอบในรถจักรยานยนต์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งนี่คือก้าวสำคัญในการส่งเสริมความสนุก และความสดใหม่ให้เกิดขึ้นอีกมิติในทุกๆ สถานที่ โดยเฉพาะภายในร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ” นางจุฑามาศ กล่าวสรุป

“ได้เวลาฮอนด้าหัวฉีด C’mon Let’s Have Fun ก็มันสนุกอ่ะ”

ที่มา http://www.aphonda.co.th/

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ขอขอบคุณทุกความตั้งใจ ที่ร่วมกันทำให้โลกต้องบันทึก

ยามาฮ่า ขอขอบคุณ ชาวฟีโน่กว่า 5,356 คัน
จากทั่วประเทศที่ร่วมสร้างความเป็นหนึ่งเดียว
และเป็นครั้งแรกในโลกในการสร้างสถิติโลก Guinness World Records 2009
"ขบวนรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่ยาวที่สุดในโลก
"โดยขบวน ยามาฮ่า ฟีโน่ ที่ขี่ต่อเนื่อง จำนวน 2,474 คัน
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2552 ที่สันเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก
ความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ จะถูกจารึกไว้ในหัวใจชาวยามาฮ่าทุกคน

BANGKOK ARTE' WEEKEND #2

กิจกรรมดีๆ ที่ยามาฮ่าร่วมสนับสนุน 29-30 สิงหานี้ มาเดินเล่นในงาน ARTE' Market Fair ใน Theme แบบ Beautiful Day (เข้าฟรี!!) เดิน Shopping เพลินๆ คลอเสียงดนตรีเพราะๆ พร้อมชมงานศิลปะ และโชว์พิเศษต่างๆ แล้วยังมีอาหารอร่อยให้ชิม ในบรรยากาศสบายๆ และอีกมากกก..ก..ก..

พิเศษ!! Landmark:illustraion ชิ้นยักษ์ที่จะมาวาดกันให้ดูสดๆ พร้อมฟังดนตรี สบายๆ สไตล์ Bossa

เสาร์ อาทิตย์ 29-30 สิงหานี้ บ่ายโมง - 2ทุ่ม สนามฟุตซอล Arena 10 กลางทองหล่อ ซ.10 บริการ รถรับส่งจากสถานี BTS ทองหล่อ ตั้งแต่บ่ายโมงเป็นต้นไป สอบถามรายละเอียด 083-257-1590

และ ARTE' Concert Marsha เสาร์ที่ 29 สิงหา 5โมง - 1 ทุ่ม บัตรคอนเสิร์ตราคา 800 บาท จำหน่ายที่ Thaiticketmajor ทุกสาขา

ที่มา www.yamaha-motor.co.th

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ตลาด"มอเตอร์ไซค์"ครึ่งปีหลังระอุ ยามาฮ่า-ฮอนด้าถล่มมิวสิกมาร์เก็ตติ้งกระตุกยอด

ตลาดมอเตอร์ไซค์ระอุ 2 ค่ายยักษ์ถล่ม อีเวนต์ยักษ์งัดมิวสิกมาร์เก็ตติ้งตีตลาดหวัง ดึงลูกค้าสร้างแบรนด์เข้มแข็ง "ยามาฮ่า" เตรียมเข็นกิจกรรม "บีโลว์เดอะไลน์" มั่นใจปีนี้ขาย 4.2 แสนคันขอเป็นผู้นำรถออโตเมติกต่อเนื่อง ขณะที่ฮอนด้าชูคอนเสิร์ต ต่อเชื่อยอดรวมแบรนด์ตัวเองไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน

พลันที่ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถจักรยานยนต์ประกาศเดินหน้าจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายแบบต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่เหลือของครึ่งปีหลัง ก็ทำให้ตลาดสองล้อที่ดูจะเงียบเหงาเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง และเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าหลังจากนี้ตลาดที่เดิมผู้ขายกุมบทบาทไว้ทั้งหมด กำลังจะเปลี่ยนมาเป็นของผู้ซื้อมากขึ้น รวมถึงงบประมาณทั้งหมดจะถูกทุ่มใส่ตลาดอย่างเต็มที่ แต่ละค่ายพร้อมจะงัดกลยุทธ์ที่มีอยู่ทั้งหมดออกมาห้ำหั่นกันสนุกมือ

แหล่งข่าวในวงการรถจักรยานยนต์เปิดเผยว่า ตลาดจักรยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจหดตัวไปกว่า 15% แม้แต่ละค่ายจะพยายามให้ข้อมูลว่าจะใช้เงิน แต่เอาเข้าจริงก็ยังไม่เห็นเป็นรูปเป็นร่าง พอจะจับต้นชนปลายได้โดดเด่นหน่อยก็มีค่ายบางค่ายที่ใช้เงินกับการ แข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ และแคมเปญคืนเงิน 2,000 บาท

นอกนั้นก็เป็นแคมเปญลดแลกแจกแถม อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า บัตรเติมน้ำมัน

แต่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การถล่มอีเวนต์ครั้งสำคัญของ 2 ค่ายยักษ์ซึ่งจัดกิจกรรมเต็มรูปด้วยยุทธวิธี "มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง" ด้วยการเนรมิต 2 มหกรรมดนตรี อย่าง คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน "FINO RAINY MUSIC FESTIVAL" ณ สันเขื่อน ขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ของค่าย ยามาฮ่า ซึ่งจัดได้เหมาะเจาะกับคอนเสิร์ตเต้นฮึกๆ แล้วชาวเรกเก้ Chick ka Chick แข่งกันร้องว้ากในงาน Honda Click i Reggae on the Rock มหกรรมดนตรีริมชายหาดชะอำของค่าย เอ.พี.ฮอนด้า เท่ากับเป็นการลั่นกลองรบอย่างเต็มตัวทั้งการ สร้างแบรนด์รวมถึงการช่วงชิงพื้นที่บนหน้าสื่อต่างๆ

นางจินตนา อุดมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ "ยามาฮ่า" กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงความสำเร็จหลังจากที่บริษัทได้ทุ่มงบประมาณมูลค่า 30 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับจัดกิจกรรม "รวมพลฟีโน่" เพื่อบันทึกลงในกินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นการกระตุ้นกระแสการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของ ยามาฮ่า ฟีโน่ แล้วยังถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น การมีส่วนร่วมการบันทึกสถิติโลกครั้งนี้

โดยมีรถจักรยานยนต์ฟีโน่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่มีรถร่วมขบวนถึง 2,474 คัน ในระยะทางยาวกว่า 3 ก.ม. เพื่อบันทึกสถิติโดยได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่กินเนสส์ เวิลด์เร็กคอร์ด ในการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานและมอบใบประกาศนียบัตรแก่ผู้ร่วมกิจกรรม

งานครั้งนี้มีรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ฟีโน่เข้าร่วมงานมากถึง 5,000 คัน และมีกองทัพฟีโน่-ยามาฮ่าคลับ พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 15,000-20,000 คน

ทั้งนี้ บริษัทต้องการจะสร้างแบรนด์ "ยามาฮ่า" ให้อยู่ในใจของลูกค้า พร้อมทั้งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ให้กับรถจักรยานยนต์ฟีโน่ รวมทั้งรถจักรยานยนต์รุ่นอื่นๆ อนาคตมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าว เพิ่มความหลากหลายและความแตกต่างออกไป

"น่าพอใจอย่างยิ่งทีมงานยามาฮ่าใช้เวลาเตรียมงานมาล่วงหน้าถึง 4 เดือน เพื่อให้ทุกอย่างออกมาพร้อมและสมบูรณ์แบบมากที่สุด ซึ่งเราคิดว่างานครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยและยังไม่มีใครทำมาก่อนด้วย" นางจินตนากล่าว

สำหรับรถจักรยานยนต์ฟีโน่หลังจากเปิดตัวออกสู่ตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน ถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี โดยบริษัทได้ใช้แผน "โมเดลคลาสสิก" ส่งรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ออกมาทำตลาด พร้อมจุดกระแสความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยามาฮ่า ฟีโน่มียอดขายสะสมอยู่ที่ 500,000 คัน จากปัจจุบันที่มียอดผลิตอยู่ที่ 23,000-24,000 คันต่อเดือน หรือประมาณ 65% ของยอดผลิต คาดว่ายามาฮ่าจะมียอดขายทั้งสิ้น 420,000 คัน ในปีนี้

สำหรับแผนการทำตลาดในช่วงระยะเวลาที่เหลือของยามาฮ่าในปีนี้ นางจินตนากล่าวว่า บริษัทจะเน้นทำตลาดของรถจักรยานยนต์เกียร์ออโตเมติกและเกียร์ธรรมดาควบคู่กันไป โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลจำหน่ายอีกครั้ง เชื่อว่าค่ายรถจักรยานยนต์ต่างๆ จะเริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการตลาดเพิ่มการ ช่วงชิงยอดขายให้ได้มากที่สุดด้วย

"ต้องบอกว่าที่ผ่านมายามาฮ่าเน้นการแข่งขันกับตัวเองมาโดยตลอด เราเน้น รูปแบบแฟร์ๆ ไม่ฟาดฟันกับใคร ยามาฮ่ามุ่งสร้างแบรนด์ของเราให้ดีขึ้นเป็นลำดับ อย่างฟีโน่ก็ถือเป็นความสำเร็จของเราที่มีการศึกษาและปรับกลยุทธ์มาตลอด ครั้งนี้ก็แสดงถึงความเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมของยามาฮ่าได้ค่อนข้างมาก"

จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมในรูปแบบของ "บีโลว์เดอะไลน์" เพิ่มมากขึ้น โดยพยายามชูความหลากหลายและเน้นความแตกต่างพร้อมทั้งหารือรวมกับดีลเลอร์ถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายของรถจักรยานยนต์ในแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับการสร้างแบรนด์ด้วย อย่างรถจักรยานยนต์ประเภทเกียร์ธรรมดาที่ ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งเพียง 5% เท่านั้น บริษัทได้ส่ง "สปาร์ค นาโน" มาเจาะตลาดในกลุ่มสินค้าเพื่อการใช้งาน โดยเตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อให้ลูกค้ามาทดลองขับ 450 ครั้งภายใน 3 เดือนแรกของการเปิดตัว

ด้านนางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า งานฮอนด้า คลิก ไอ เร็กเก้ ออนเดอะ ร็อก มหกรรมดนตรีริมทะเลได้ผลดีเกินคาด มีผู้สนใจเข้าร่วมงานครั้งนี้มากกว่า 1 แสนคน โดยจุดประสงค์หลักของการจัดงานครั้งนี้ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จ จากการจัดงาน HIC & TIST ON THE BEACH ครั้งที่ 1 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

และจากความสำเร็จจากการเข้าเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมทั้ง 2 ครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้อนาคตบริษัทอาจจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะถือเป็นการช่วยสร้างแบรนด์ "ฮอนด้า" ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากการแข่งขันในเรื่องของยอดขายหน้าร้านแล้ว การสร้างความประทับใจและภาพลักษณ์สินค้านั้น ฮอนด้าก็จำเป็นจะต้องเลือกใช้รูปแบบการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้ง 2 รูปแบบควบคู่กันไป

นางจุฑามาศกล่าวอีกว่า ส่วนยอดขายฮอนด้าในปีนี้คาดว่าจะทำได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 1.4 ล้านคันด้วย

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

"รอสซี" ม้วนเดียวจบคว้าชัยโมโตจีพีที่เช็ก

วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดจากค่ายเฟียต-ยามาฮ่า ขยับเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์โลกเข้าไปทุกขณะ หลังบิดคว้าชัยชนะได้เป็นสนามที่ 5 ของตัวเองในฤดูกาลนี้ในศึกสาธารณรัฐเช็ก กรังปรีซ์ พร้อมทำแต้มทิ้งห่างฮอร์เก ลอเรนโซ ที่พลาดล้มในช่วงท้ายออกไปถึง 50 คะแนน
จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 11 ของรุ่นโมโตจีพี (800 ซีซี) ประจำฤดูกาลนี้ รายการสาธารณรัฐเช็ก กรังปรีซ์ แข่งขันกันที่ เบอร์โน เซอร์กิต ประเทศสาธารณรัฐเช็ก มีระยะทางต่อรอบ 5.4043 กิโลเมตร ดวลความเร็วกัน 22 รอบสนาม

ผลปรากฎว่า วาเลนติโน รอสซี ยังคงอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม หลังจากควบรถออกจากตำแหน่งโพลโพซิชัน นำม้วนเดียวจบด้วยเวลาราวม 43 นาที 08.991 วินาที ทิ้งห่างดานี เปโดรซา จากค่ายเรปโซลฮอนด้าอันดับ 2 ถึง11 วินาที โดยมีโทนี อีเลียส จากค่านเกรซินีฮอนด้า ตามเข้าป้ายเป็นที่ 3 ตามหลัง 20วินาที

ขณะที่คู่แข่งแย่งแชมป์โลกของ "เดอะด็อกเตอร์" อย่างฮอร์เก ลอเรนโซ มีอันต้องพลาดการเก็บแต้มสำคัญอีกครั้ง หลังพลาดล้มระหว่างที่กำลังขับเคี่ยวกับรอสซีอย่างสนุก จนต้องออกจากการแข่งขันในช่วง 5 รอบสุดท้ายส่งผลให้แชมป์โลก 8 สมัยทำแต้มทิ้งห่างเพื่อนร่วมทีมไปแล้วถึง 50 คะแนน

สำหรับศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามต่อไป ทั้งรุ่น 125 ซีซี ,250 ซีซี และรุ่นโมโตจีพี จะโยกไปแข่งขันกันที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ในสหรัฐอเมริกา ในวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมนี้

สรุปคะแนนสะสมรุ่นโมโตจีพี
1 วาเลนติโน รอสซี (อิตาลี/ยามาฮ่า) 212
2 ฮอร์เก ลอเรนโซ (สเปน/ยามาฮ่า) 163
3 เคซีย์ สโตเนอร์ (ออสเตรเลีย/ดูคาติ) 150
4 ดานี เปโดรซา (สเปน/ฮอนด้า) 135
5 โคลิน เอ็ดเวิร์ดส์ (สหรัฐ/ยามาฮ่า) 112
6 อันเดรีย โดวิซิโอโซ (อิตาลี/ฮอนด้า) 107

ที่มา http://www.manager.co.th/

"ฟีม" ถูกแซงช่วงท้ายบิดเข้าที่ 11 เช็ก จีพี

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทย พลาดถูกคู่แข่งแซงทีเดียว 2 อันดับในรอบสุดท้าย ส่งผลให้จบการแข่งขันในอันดับที่ 11 พร้อมเก็บเพิ่มอีก 5 แต้ม ในศึกเช็ก กรังด์ปรีซ์ รุ่น 250 ซีซี ขณะที่มาร์โก ซิมอนเชลลี คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปครอง
จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 10 ของรุ่น 250 ซีซี ประจำฤดูกาลนี้ รายการสาธารณรัฐเช็ก กรังปรีซ์ แข่งขันกันที่ เบอร์โน เซอร์กิต ประเทศสาธารณรัฐเช็ก มีระยะทางต่อรอบ 5.4043 กิโลเมตร ดวลความเร็วกันทั้งสิ้น 20 รอบสนาม

"เจ้าฟีม" นักบิดสังกัดไทย-ฮอนด้า-พีทีทีแซค ที่สตาร์ทจากกริดที่ 12 ออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเลี่ยงอุบัติเกตุในโค้งแรกได้ ก่อนจะไล่แซง เฮคตอร์ เฟาเบล เพื่อนร่วมทีม และ อเล็กซ์ เดบอง จนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 10 เมื่อผ่าน 10 รอบสนาม

จากนั้นในช่วงท้ายของการแข่งขันนักบิดหน้าตี๋ ที่ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 9 กลับต้องเสียไปถึง 2 อันดับ หลังถูก ไมค์ ดิ เมกลิโอ และ เฟาเบล แซงคืน ก่อนจะนำรถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 11 เก็บเพิ่มอีก 5 คะแนนเข้ากระเป๋าเป็นการปลอบใจ

โดยภายหลังจบการแข่งขัน ฟีม" เผยความรู้สึกว่า "วันนี้มีปัญหาความร้อนทำเครื่องยนต์ฮอนด้าของทุกคันอืดไปพอสมควรจนแผ่วในช่วงท้าย แต่จากการที่ผมวืดเก็บแต้มมา 2 สนามติด การเก็บคะแนนได้อีกครั้งก็ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจ"

ขณะที่ผู้ชนะในรุ่นนี้ตกเป็นของมาร์โก ซิมอนเชลลี แชมป์โลกจากอิตาลีสังกัดทีมกิเลรา ที่เบียดแมตเธีย ปาซินี นักบิดเพื่อนร่วมชาติเข้าป้ายด้วยเวลารวม 41 นาที 6.409 วินาที เฉือนปาซินี อันดับ 2 เพียง 0.6 วินาที โดยมีอัลบาโร เบาติสตา นักบิดสแปนิช ตามขึ้นโพเดียมอันดับที่ 3 ตามหลังผู้ชนะ 4.3 วินาที

ผลการแข่งขัน 10 อันดับแรก เช็ก กรังปรีซ์ 2009 รุ่น 250 ซีซี
1.มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 41 นาที 6.409 วินาที
2.แมตเธีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) +0.684
3.อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) +4.381
4.ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) +8.746
5.โรแบร์โต โลคาเตลลี (อิตาลี / กิเลรา) +9.172
6.รัฟฟาเอเล เด โรซา (อิตาลี / ฮอนด้า) +10.870
7.เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) +15.639
8.จูเลส คลูเซล (ฝรั่งเศส / อพรีเลีย) +18.411
9.ไมค์ ดิ เมกลิโอ (ฝรั่งเศส / อพรีเลีย) +18.563
10.เฮคตอร์ เฟาเบล (สเปน / ฮอนด้า-แซค) +19.958
11.วิไลโรจน์ (ไทย / ไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค) +20.084

สรุปคะแนนสะสม รุ่น 250 ซีซี
1.ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 172
2.อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) 160
3.มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 140
4. เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) 123
5.แมทเทีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) 100
*14 รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทย ฮอนด้า พีทีที แซค) 43

ที่มา www.manager.co.th

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"ฟีม" สตาร์ทกริด 12 "รอสซี" ซิวโพลฯโมโต เช็ก จีพี

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในเวิลด์จีพี จะได้ออกสตาร์ทจากกริดที่ 12 ในแถวที่ 3 ในศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซี รายการสาธารณรัฐเช็ก กรังด์ปรีซ์ วันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ขณะที่ในรุ่นโมโตจีพี วาเลนติโน รอสซี คว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไปครอง

จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 11 ของรุ่นโมโตจีพี และเป็นสนามที่ 10 ของรุ่น 250 ซีซี ประจำฤดูกาลนี้ แข่งขันกันที่ เบอร์โน เซอร์กิต ประเทศสาธารณรัฐเช็ก มีระยะทางต่อรอบ 5.4043 กิโลเมตร ช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นเป็นการแข่งขันในรอบควอลิฟาย

โดยในรุ่น 250 ซีซี ปรากฎว่า "เจ้าฟีม" นักบิดสังกัดไทย-ฮอนด้า-พีทีที-แซค ที่ประสบปัญหาเรื่องการเช็ตอัพรถตั้งแต่รอบฝึกซ้อมวันศุกร์ทำเวลาเข้ามาในระดับพอใช้ ด้วยเวลาต่อรอบ 2'02.921 นาที ช้ากว่าเจ้าของตำแหน่งโพลโพซัน 1.310 วินาที ได้ออกตัวจากกริดที่ 12 ในแถวที่ 3

ขณะที่ตำแหน่งโพลฯตกเป็นของมาร์โก ซิมอนเชลลี แชมป์โลกจากทีมกิเลรา ที่ทำเวลาเข้ามา 1'56.145 นาที โดยมี ฮิโรชิ อาโอยามา ,เฮคตอร์ บาร์เบรา และอเล็กซ์ เดบอง ออกสตาร์ทเคียงค้างในแถวแรก ในลำดับที่ 2 , 3 และ 4 ตามลำดับ

ส่วนผลการควอลิฟายรุ่นโมโตจีพี (800 ซีซี) "เดอะด็อกเตอร์" วาเลนติโน รอสซี ผู้นำคะแนนสะสมจากทีมเฟียตยามาฮ่า แม้จะพลาดล้มในรอบสุดท้าย แต่ก็ยังดีพอที่จะทำเวลาต่อร่อบดีที่สุด ที่ 2'01.611 เฉือน ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมคว้าตำแหน่งโพลไปครอง

สำหรับศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการสาธารณรัฐเช็ก กรังด์ปรีซ์ ทั้งรุ่น125 ซีซี ,250 ซีซี และโมโตจีพี (800 ซีซี) จะดวลกันที่เบอร์โน เซอร์กิต ประเทศสาธารณรัฐเช็ก ในวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้ โดยรุ่น 250 ซีซี จะแข่งกันเวลา 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา www.manager.co.th

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2552

รับสมัคร Riding Course ครั้งที่ 5

กิจกรรมดีๆ จาก Kawasaki ครั้งนี้เปิดคอร์สอบรมการขับขี่รถมอไซค์ Kawasaki KSR เป็นครั้งที่ 5 ทุกอย่างฟรี! เหมือนเดิม ติดตามได้ที่ นี่ http://www.kawasakiksr.com

ซูซูกิ ส่ง “New Skydrive 125 Limited Edition" 2 สีใหม่กระตุ้นตลาด


เลิศศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ซูซูกิ เปิดตัวรถจักรยานยนต์ “New Suzuki Skydrive 125 Limited Edition” ระบบหัวฉีดอัจฉริยะ DCP-FI (Fuel-Injection) เกียร์อัตโนมัติ Super CVT 125 ซีซี 4 จังหวะ ออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาสนี้

ซูซูกิ สกายไดร์ฟ 125 ลิมิเต็ด เอดิชัน มาพร้อมกับรูปลักษณ์ไฟหน้า 5 ดวงครั้งแรกของเมืองไทย กับลายกราฟฟิก และสีสันใหม่ตลอดทั้งคัน ถึง 2 แบบ 2 สไตล์ ทั้งแบบสีน้ำเงิน-ขาว และ สีชมพู-ขาว” ล้อแม็ก 5 ก้าน พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน สามารถใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ขึ้นไปได้ โดย “ซูซูกิ” กล้ารับประกันรถคุณตลอดทั้งคัน เป็นเวลา 3 ปี หรือ 30,000 กม. พร้อมให้คุณมั่นใจด้วยการรับประกันอุปกรณ์ระบบหัวฉีด DCP-FI ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กม.”

“จากกระแสความนิยมของตลาดรถจักรยานยนต์ออโต้หัวฉีดที่กำลังเติบโตนั้น ในช่วงเดือนกันยายนนี้ “ซูซูกิ” เตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์ออโต้หัวฉีดสไตล์แฟชั่นรุ่นใหม่ล่าสุดขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย เพื่อตอบสนองกลุ่มวัยรุ่น และเตรียมพบกับพรีเซนเตอร์ระดับเอเชีย ที่เป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นทั่วประเทศ”เลิศศักดิ์ กล่าว

ที่มา http://www.manager.co.th/

วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"ฟีม" หวังขึ้นโพเดียมก่อนจบซีซันแม้อันดับวูบ

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ ชิงแชมป์โลก ตั้งเป้าขอขึ้นโพเดียมให้ได้สักครั้งก่อนจบฤดูกาลนี้ แม้ว่าอันดับโลกรุ่น 250 ซีซีจะหล่นลงมาอยู่ที่ 14 พร้อมยันไม่ท้อถอยกับความผิดหวังใน 2 เรซล่าสุดที่ไม่จบการแข่งขัน

นักบิดสังกัดไทย-ฮอนด้า-พีทีทีแซค ใช้เวลาพักครึ่งฤดูกาลร่วม 3 สัปดาห์ เดินทางกลับมาพักผ่อนร่วมกับครอบครัวในประเทศไทย ก่อนจะออกเดินทางกลับไปยังประเทศสเปน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมทำศึกสาธารณรัฐ เช็ก กรังด์ปรีซ์ ในสุดสัปดาห์นี้

ซึ่ง "เจ้าฟีม" ที่ตั้งเป้าในการชิงชัยรุ่น 250 ซีซีไว้ที่ท็อป 6 ในช่วงต้นฤดูกาลยอมรับกับทีมข่าว MGR Sport ว่า "จากผลงานของผมในช่วง 9 เรซแรก ต้องยอมรับว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้คงเป็นเรื่องที่ไกลเกินไปแล้ว แต่ผมยังยืนยันที่จะขึ้นโพเดียมให้ได้สักครั้งในฤดูกาลนี้ เพราะหากเราสามารถทำได้ คะแนนในตารางแชมเปียนชิปจะก้าวกระโดดขึ้นมาทันที"

พร้อมกันนี้นักบิดหน้าตี๋ยังยืนยันถึงกำลังใจอันเต็มเปี่ยมด้วยว่า"ที่ผ่านมารู้สึกแย่พอสมควรโดยเฉพาะ 2 สนามล่าสุดที่ผมไม่จบการแข่งขัน แต่สำหรับผมแล้วไม่มีคำว่าท้อแน่นอน ที่สำคัญผมยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยม ซึ่งกับอีก 7 สนามที่เหลือของปีนี้ผมจะข้อสู้อีกเฮือกเพื่อให้ความฝันของตัวเองและคนไทยเป็นจริง"

โดยฟีมสามารถจบการแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมา (2008) ได้ทุกสนาม อย่างไรก็ดีจากสภาพรถที่ไม่เอื้ออำนวยในปีนี้ ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันถึง 3 ครั้งในช่วง 9 เรซแรก โดยเก็บไป 38 รั้งอันดับ 14 ในตารางแชมป์เปียนชิปรุ่น 250 ซีซี

สำหรับศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการสาธารณรัฐ เช็ก กรังด์ปรีซ์ จะมีขึ้นที่เบอร์โน เซอร์กิต ประเทศสาธารณรัฐเช็ก วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคมนี้ โดยรุ่นจีพี 250 จะแข่งขันกันเวลา 17.00 น. ตามวลาประเทศไทย

ที่มา ASTV

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

โปรแกรมคำนวณสินเชื่อเงินผ่อน

โปรแกรม คำนวณ สินเชื่อเงินผ่อน (Credit Determinater) : สำหรับ โปรแกรมนี้ เป็นโปรแกรมที่ใช้คำนวน ยอดผ่อนชำระสินค้ารายเดือนโดยผ่านบริษัทสินเชื่อเงินผ่อนต่างๆ สามารถคำนวณยอดผ่อนชำระรายเดือนได้อย่างแม่นยำ โดยการกรอกข้อมูลที่จำเป็นประกอบด้วย ..

1. มูลค่าสินค้า (โปรดดูรายละเอียดหมายเหตุด้านล่าง)
2. เงินดาวน์ (ถ้ามี)
3. อัตราดอกเบี้ย
4. งวดการผ่อนชำระ

เมื่อกรอกรายละเอียดที่จำเป็นข้างต้นแล้ว เพียงกดปุ่ม "คำนวณ" ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดก็จะปรากฎให้ท่านเห็น ข้อมูลที่ปรากฏมีดังนี้ ...

1. มูลค่าสินค้า (โปรดดูรายละเอียดหมายเหตุด้านล่าง)
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ในกรณีมูลค่าสินค้ายังไม่รวมภาษี)
3. ราคาสินค้าที่รวมภาษีแล้ว
4. เงินดาวน์ (ถ้ามี)
5. อัตราดอกเบี้ย
6. งวดการผ่อนชำระ
7. ดอกเบี้ยต่อเดือน
8. ดอกเบี้ยรวม
9. มูลค่าสินค้ารวมดอกเบี้ยแล้ว
10. ยอดจัดเช่าซื้อสุทธิที่ต้องชำระ
11. ยอดผ่อนชำระต่องวดที่ต้องชำระจริง

ข้อดีของการใช้โปรแกรมนี้ก็คือท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าควรเลือกผ่อนชำระกี่งวด, อัตราดอกเบี้ยเท่าใด โดยเพียงท่านทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการผ่อนชำระของบริษัทสินเชื่อที่ท่านต้องการ ก็สามารถนำข้อมูลนั้น ๆ มาใช้ในการตัดสินใจเลือกบริษัทสินเชื่อที่เหมาะสมได้ โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ร้านด้วยตนเอง ประหยัดทั้งเวลา, ค่าน้ำมัน และค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ...

PS. หมายเหตุ :
1. มูลค่าสินค้าหรือยอดจัดเช่าซื้อต้องมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 3,000 บาทและไม่เกิน 50,000 บาท ...
2. กรณีที่มูลค่าสินค้ายอดจัดเช่าซื้อเกิน 50,000 บาท สามารถวางเงินดาวน์ในส่วนที่เกินมาได้ ทั้งนี้ยอดเช่าซื้อต้องไม่เกินวงเงินที่คุณได้รับ ...
3. หากเลือกอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0 งวดการผ่อนชำระจะเป็น 6 เดือนเท่านั้น เงื่อนไขนี้อาจเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดของบริษัทสินเชื่อต่างๆ
4. สินค้าบางประเภทไม่อยู่ในเงื่อนไขผ่อนชำระ กรุณาตรวจสอบรายละเอียดกับบริษัทสินเชื่อโดยตรง ..
5. โปรแกรมนี้คำนวณจากยอดจัดเช่าซื้อ บริษัทสินเชื่อบางแห่งอาจมีการเรียกเก็บค่าประกันความเสี่ยง ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในยอดจัดเช่าซื้อ
6. การอนุมัติวงเงินสินเชื่อเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัท กรุณาสอบถามรายละเอียดกับบริษัทสินเชื่อโดยตรง
7. โปรแกรมนี้อ้างอิงจากข้อมูลบริษัทสินเชื่อที่มีอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน หากมีข้อสงสัยกรุณาติดต่อบริษัทสินเชื่อโดยตรง
8. โปรแกรมนี้เป็นฟรีแวร์ (Freeware) สามารถคัดลอกแจกจ่ายกันได้ ..
9. โปรแกรมนี้สร้างขึ้นจาก Visual Basic 6.0 ดังนั้นคุณควรแน่ใจก่อนว่าได้ติดตั้งตัว Runtime ไว้ที่เครื่องของท่านเรียบร้อยแล้ว (ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไปจึงไม่ได้รวมตัว Runtime ไว้ด้วย) หากใช้ Microsoft Windows XP สามารถเรียกใช้งานได้เลย ...

Download here

ที่มา http://www.thaiware.com/

เคทีบีบุกตลาดลิสซิ่ง เจาะกลุ่มขรก.-รสก.ระดับบิ๊ก

นายปรีชา ภูขำ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ในฐานะประธานกรรมการบริษัทเคทีบี ลิสซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่าเคทีบี ลิสซิ่งจะเริ่มรุกตลาดลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อีกครั้งหลังจากที่ชะลอการทำตลาดไป 2 ปีเนื่องจากสภาพตลาดไม่ดีหากปล่อยสินเชื่อไปจะเกิดปัญหาหนี้เสีย โดยปัจจุบันเห็นสัญญาณความต้องการสินเชื่อประเภทดังกล่าวมากขึ้นและเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้การหมุนเวียนของเงิน

คณะกรรมการบริษัทจึงได้อนุมัติออกแคมเปญการตลาดปล่อยกู้ให้กับข้าราชการ(ขรก.)ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการกองขึ้นไป และพนักงานรัฐวิสาหกิจ(รสก.)ตั้งแต่ผู้อำนวยการฝ่ายขึ้นไปใช้ผลิตภัณฑ์การเงินของบริษัททุกประเภทปล่อยกู้วงเงิน 100 % ไม่ต้องมีเงินดาวน์ ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน และอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด

เสนออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2.25% ดาวน์25% มีระยะเวลาการผ่อนไม่เกิน 48 งวด โดยคาดในช่วง 6-12 เดือนหลังจากนี้จะมียอดสินเชื่อดังกล่าวเติบโต 1,000-2,000 ล้านบาท เพราะว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีฐานะที่มั่นคงและเป็นผู้บริหารระดับกลางขึ้นไปที่มีความสามารถอยู่แล้ว

"ลูกค้าไม่ดีจริงเราก็จะไม่ปล่อย แต่เราจะเน้นลูกค้ากลุ่มข้าราชการและรัฐวิสาหกิจ เพราะว่ายังไงก็ไม่ตกงาน ส่วนลูกค้าอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นฐานลูกค้าเดิมที่เรารู้ความสามารถในการชำระหนี้" นายปรีชา กล่าว

สำหรับยอดการอนุมัติสินเชื่อของบริษัทตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอนุมัติสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 2,000-3,000 ล้านบาทคาดว่าสินปีนี้จะปล่อยได้ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีบริษัทมีกำไร 95 ล้านบาทเชื่อว่าทั้งปีนี้จะมีกำไรเพิ่มเป็น200 ล้านบาทจากปี 2551 ที่กำไร 64 ล้านบาทสาเหตุที่กำไรเพิ่มเพราะมีการบริหารสินเชื่อ ควบคุมหนี้เสียและค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น

ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า

ริเทียบชั้นภราดร...นาดาลสอย"ฮาร์เลย์"คันละ 4 แสนบาท

สำหรับโลกรถสปอร์ต แน่นนอนว่า เฟอร์รารี่, พอร์ช และลัมบอร์กินี คือ ชื่อที่อยู่ในหัวแถวของยานพาหนะที่ขึ้นชื่อในความเร็ว ความสวย และความคลาสสิคซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจของบรรดานักกีฬาระดับโลกที่มีรายได้มากมายจนน่าอิจฉา แต่ถ้าเป็นโลก 2 ล้ออย่างมอเตอร์ไซค์ ตรงนี้ต้องยกให้ ฮาร์เลย์-เดวิดสัน แบรนด์ดังจากฝั่งสหรัฐอเมริกาที่ครองใจนักบิดทั่วโลก

ชื่อของ ฮาร์เล่ย์-เดวิดสัน ได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อยอดนักเทนนิสของโลกอย่าง ราฟาเอล นาดาล ลงทุนควักกระเป๋าจ่ายเพื่อแลกกับความสวยและความแรงของฮาร์เลย์-เดวิดสันรุ่น XR1200 ให้เข้ามาอยู่ในครอบครอง ซึ่งมอเตอร์ไซค์ทรงสปอร์ตตัวถังสีส้มสลับดำของนาดาลมาพร้อมกับความเร้าใจของเครื่องยนต์ 91 แรงม้า และถือเป็นโมเดลใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวทำตลาดเมื่อปีที่แล้ว โดยมีราคาอยู่ระหว่าง 11,000-12,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 385,000-420,000 บาท นาดาลให้เหตุผลของการเลือกมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้จากค่ายฮาร์เลย์-เดวิดสันว่าเป็นเพราะมีรูปทรงที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และมอเตอร์ไซค์ของค่ายนี้อยู่ในความสนใจของเขามาตั้งนานแล้ว แต่บางคนก็ให้ความเห็นว่าการเป็นเพื่อนและอาศัยอยู่กับละแวกใกล้เคียงกับ Jorge Lorenzo นักแข่ง MotoGP หมายเลข 2 ในทีมยามาฮ่าน่าจะมีส่วนด้วยเหมือนกัน

จะว่าไปแล้วตรงนี้ก็น่าสงสารนาดาลเหมือนกัน เพราะจากการที่เป็น Brand Ambassador ให้กับแบรนด์รถยนต์เกียจากเกาหลีใต้ ซึ่งเขาเพิ่งขยายสัญญาออกไปอีก 3 ปีหลังจากหมดสัญญาในปี 2008 อาจจะเป็นเรื่องยากที่ทำให้เขาหันไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถยนต์ยี่ห้ออื่น

การสนองความต้องการด้านความแรงและภาพลักษณ์ด้วยซูเปอร์คาร์เหมือนกับนักกีฬาดังๆ ชื่อก้องโลกก็เลยต้องเปลี่ยนมาสู่ความเร้าใจในแบบ 2 ล้อที่แรงและโดดเด่นไม่แพ้กัน

อนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัท พาวเว่อร์ สเตชั่น มอเตอร์สปอร์ต จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้แต่งตั้ง นักเทนนิสชื่อดัง “บอล” ภราดร ศรีชาพันธ์ มาเป็นฑูตตราสินค้าหรือ Brand Ambassador พร้อมส่งมอบรถฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน รุ่น สตรีท กิลด์(Street Glide) มูลค่า 1.4 ล้านบาทไว้ให้ใช้งาน

ที่มา http://www.manager.co.th/

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สัดส่วนยอดจดทะเบียนรถมอไซค์ทั่วประเทศ ประจำเดือน ก.ค.52

ยอดจดทะเบียนรถมอไซค์ทั่วประเทศ ลดลง 12% จากเดือนที่แล้ว โดยแบ่งเป็น
- Honda ลดลง 13%
- Yamaha ลดลง 10%
- Suzuki ลดลง 11%
- Kawasaki ลดลง 24%
- Tiger ลดลง 27%
- อื่นๆ ลดลง 10%
*เทียบกับเดือน มิ.ย.52

ที่มา http://www.mocyceasy.com/

“Honda Click i Reggae on the Rock” สุดยิ่งใหญ่ คลื่นมหาชนกว่าแสนทะลักหาดชะอำ-เงินสะพัดกว่า 30 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวเพชรบุรี เป็นเมือง

เอ.พี.ฮอนด้า และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ให้วงการรถจักรยานยนต์และเพลงไทย เมื่อคลื่นมหาชนแฟนพันธุ์แท้ “ฮอนด้า” ควบรถจักรยานยนต์คู่ใจ พร้อมคอเพลงไทยและต่างประเทศเทศจากทุกสารทิศ หลั่งไหลมาร่วมสนุกกว่าแสนคน ในมหกรรมดนตรีสุดมันส์ร็อกๆ เร็กๆ “Honda Click i Reggae on the Rock” จนล้นทะลักชายหาดชะอำ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องภายในท้องถิ่นมหาศาล เพียงแค่ 1 คืน 2 วัน เงินสะพัดเกินกว่า 30 ล้านบาท

ดร.อรรณพ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงความสำเร็จในการจัดมหกรรมสุดมันส์ร็อกๆ เร็กๆ “Honda Click i Reggae on the Rock” ณ ริมชาดหาดชะอำฝั่งเหนือ เมื่อวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคมต่อเนื่องถึงวันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม 2552 ที่ผ่านมาว่า กิจกรรมความมันส์ครั้งนี้ เป็นมหกรรมดนตรีริมทะเลครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของประเทศ ที่มีการผสาน 2 ขั้วแนวดนตรีที่แตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายร่วมกันที่สร้างความสุข ความสนุกให้เกิดขึ้นในทุกๆ มิติ ซึ่งสอดคล้องและเข้ากันกับกลยุทธ์ทางการตลาดภายใต้แคมเปญ “C’mon Let’s Have Fun ก็มันสนุกอะ” ที่ฮอนด้าสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

ทั้งยังสะท้อนถึงกลิ่นอายของการผสมผสานสิ่งของ 2 สิ่งที่ขัดกัน แต่เมื่อถูกนำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถผสานกันได้อย่างสวยงามและลงตัว คล้ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิกไอ สีดำ-ส้ม รุ่น B.O. Project ซึ่งนับเป็นกิจกรรมดีๆ ที่มีความแปลกใหม่และมีความน่าสนใจสำหรับวัยรุ่นทุกแนว รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

“ ต้องขอขอบคุณคลื่นมหาชนทั้งแฟนพันธุ์รถจักรยานยนต์ฮอนด้า และคอเพลงชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมสนุกในงานดังกล่าวนับแสนคน ซึ่งสะท้อนภาพความสำเร็จในการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่และสร้างประวัติศาสตร์ให้วงการรถจักรยานยนต์และวงการเพลง เนื่องจากสถิติผู้ส่ง SMS มาทางหมายเลข 480266 แล้วส่งข้อความ HONDA มาสมัครร่วมสนุกในงานนี้มีมากกว่า 70,000 ราย ย่อมเป็นการสะท้อนและเป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็มีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ร่วมถึงจังหวัดใกล้เคียงกับพื้นที่อำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี มาร่วมงานอีกจำนวนมาก ซึ่งเราเอ.พี.ฮอนด้า และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของฮอนด้า ที่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป โดยกลุ่มใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ที่มาร่วมงานมีหลากหลายรุ่น ทั้งฮอนด้ารุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เครื่องยนต์หัวฉีดระบบ PGM-FI ที่ให้ประสิทธิเต็มที่ทั้งสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน ประหยัดน้ำมัน มีความทนทาน และเป็นต่อมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

“อีกทั้งภาพของคลื่นมหาชนที่ปรากฎ ณ ริมหาดชะอำ ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแต่จะทำให้ประชาชนทุกท่านที่มาร่วมงานได้รับความสุขสนุกสนานกับการแสดงดนตรีเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ ผู้ประกอบธุรกิจในทุกระดับ มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่าปรกติ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นหนึ่งในนโยบายเพื่อตอบแทนสังคมไทย ที่เอ.พี.ฮอนด้าตระหนักและใส่ใจต่อสังคมรงมถึงประชาชนคนไทยทุกระดับ นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมดีๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย การอบรมการขับขี่อย่สงปลอกภัย และกิจกรรมบันเทิงต่างๆ ที่เตรียมจะนำเสอในโอกาสต่อไป”

ด้านนางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ ทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้มีโอกาสต้อนรับผู้ที่สนใจ และนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศที่มาร่วมสร้างความสนุกให้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เกินความคาดหมาย พร้อมรู้สึกชื่นชมเด็กๆ วัยรุ่นยุคใหม่ที่มีความกล้าแสดงออกเป็นตัวของตัวเอง กล้าแสดงความสนุกและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งไลฟสไตล์ลักษณะนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่ฮอนด้าสนับสนุนมาโดยตลอด สอดคล้องกับแคมเปญ “ ได้เวลาฮอนด้าหัวฉีด C’mon Let’s Have Fun…ก็มันสนุกอะ” ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งความสนุกดังกล่าวจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้าจะยังคงเนรมิตความสนุกในรูปแบบอื่นๆ ให้วัยรุ่นได้มีส่วนร่วมอีกอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นายนุกูล พรสมบูรณ์ศิริ นายกเทศมนตรีเทศบาลชะอำ จังหวัดเพชรบุรี กล่าวถึงความสำเร็จและการสร้างปรากฎการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของมหกรรมสุดมันส์ร็อกๆ เร็กๆ “Honda Click I Reggae on the Rock” ณ ริมชาดหาดชะอำว่า “ที่สังเกตด้วยตนเองและเจ้าหน้าที่มารายงานให้ทราบว่า ตลอดแนวชายหาดชะอำ จนจรดทิศเหนือของหาด ซึ่งเป็นจุดตั้งเวทีของงานนี้ มีผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าและประชาชนทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวชาติเข้าร่วมงานครั้งนี้เกินกว่า 100,000 คน และยังไม่รวมผู้สนใจที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับชายหาด และถนนหน้าหาดชะอำอีกจำนวนมาก ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจของเทศบาลอำเภอชะอำ ทำงานอย่างหนักเพื่ออำนวยความสะดวกทางการจราจรและรักษาความปลอดภัย หากประมาณการณ์คร่าวๆ กับรายได้ที่หมุนเวียนในพื้นที่เฉลี่ย 100,000 คนๆ หนึ่งใช้จ่ายคนละ 1,000 บาท ทำให้มีเงินสะพัด ณ หาดชะอำไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท เพราะโรงแรมต่างๆ ริมหาดชะอำและบริเวณใกล้เคียงถูกจองเต็มหมดทุกห้อง ร้านค้าสะดวกซื้อ พ่อค้าแม้ค้ารวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจำหน่้ายสินค้าของตนเองหมด ซึ่งสร้างรายได้และสร้างคววมพึ่งพอใจให้กับทุกฝ่าย”

“ที่สำคัญหากไม่มีฮอนด้าให้การสนับสนุน กิจกรรมนี้คงเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากต้องใช้งบประมาณในการบริหารจัดการสูง และจากภาพของงานที่ปรากฏให้เห็นถือว่าประสบความสำเร็จมาก ประชาชนในท้องถิ่นได้รับปะโยชน์จากการท่องเที่ยว ซึ่งต้องขอบคุณเอ.พี่.ฮอนด้า ที่ทำให้เกิดกิจกรรมดีๆ ในพื้นที่และสังคมไทย”

ด้านนายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลดนตรีในครั้งนี้ถือเป็นการช่วยสนับสนุนส่งเสริมการท่องเที่ยวของชะอำและจังหวัดเพชรบุรี ที่ผ่านมาเคยมีการจัดมหกรรมดนตรี ใช้ชื่อว่าชมวัง ฟังเพลงที่ชะอำมาแล้ว เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากงานในครั้งนี้แล้ว ยังคาดว่าจะมีการจัดงานแสดงดนตรีที่ชะอำตามมาอีก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เพชรบุรีเป็นเมืองแห่งดนตรีและเสียงเพลง เพราะมีการจัดแสดงดนตรีหลายๆ แนวเช่นสุนทราภรณ์ จนมาถึงแนวร็อคและเร็กเก้ในครั้งนี้ และสนับสนุนให้เพชรบุรีเป็นเมืองท่องเที่ยวของกลุ่มเฉพาะทางหรือนิช มาร์เก็ตที่ชอบทางด้านดนตรีด้วย

ที่ผ่านมางานเทศกาลดนตรีมีการจัดประจำที่หัวหิน ในชื่องานหัวหินแจ๊สเฟสติวัล สำหรับการขยายมาจัดงานที่ชะอำจะช่วยกระจายกลุ่มผู้ฟังในดนตรีอีกแนวเข้ามายังพื้นที่นี้ และช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจโรงแรมที่มีอยู่ในชะอำไม่ต่ำกว่า 4 พันห้องมีความคึกคัก ซึ่งขณะนี้หลายโรงแรมก็ถูกจองเต็มแล้ว

สำหรับพื้นที่เขตชะอำนั้น ไม่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ภาวะไข้หวัด 2009 และภาวการณ์ท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยขณะนี้กลุ่มประชุมและสัมมนาได้เข้ามาแถบชะอำจำนวนมาก ทำให้โรงแรมหรือรีสอร์ทที่มีห้องประชุมและสัมมนาถูกจองเต็มล่วงหน้าหลายเดือน ขณะนี้บางแห่งถูกจองยาวไปจนถึงเดือนกันยายนแล้วเป็นต้น

ทั้งนี้โดยเฉพาะช่วงศุกร์-อาทิตย์ ขณะนี้จะมีนักท่องเที่ยวประเภทรถบัสเข้ามายังพื้นที่ชะอำจำนวนมาก เนื่องจากกลุ่มที่นิยมการท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวยังนิยมชะอำเช่นเดิม สำหรับบรรยากาศภายในงาน เริ่มต้นด้วยผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พร้อมด้วยสมาชิกคลับร่วมแสดงความเป็นเจ้าภาพที่ดีด้วยการรักษาความสะอาดของชายหาด เดินขบวนเก็บขยะและสิ่งสกปรกเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและเพื่อนๆ ชาวไทยจากทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย พร้อมมีแรงสบทมร่วมรักษาความสะอาดจาก ดร. อรรณพ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักแข่งหนึ่งเดียวของชาวไทย, ดิว เดอะสตาร์ นักร้องขวัญใจชาวไทย และพิธีกรขวัญใจวัยรุ่นจากรายการ ไฟว์ไลฟ์ และ โอ ไอ ซี รณรงค์รักษาความสะอาดของชายหาดในครั้งนี้ด้วย และต่อเนื่องด้วยกิจกรรมก่อนเปิดมหกรรมดนตรีด้วยการจำลองเวทีขนาดกำลังชิวล์ อุ่นเครื่องด้วยวงดนตรีเร็กๆ แนวเร๊กเก้ สกา หน้าใหม่หลายวง ให้ชาววัยรุ่นรักดนตรีได้ขยับซักซ้อมความมันส์กันก่อน พร้อมด้วยกิจกรรมความสนุกเล่นเกมส์จากบูธรถจักรยานยนต์ฮอนด้า และพื้นที่ตลาดนัดเด็กแนวที่จัดขึ้นแสดงไอเดียสร้างสรรค์ให้ได้เพลิดเพลินกันอย่างหนำใจ นี่ยังไม่นับรวมมหกรรมดนตรีริมทะเลที่กำลังจะเกิดขึ้น ความสนุกจากงาน Honda Click I Reggae on the Rock ก็มากล้นจนชายหาดชะอำ แทบคลั่งด้วยความสนุก และท้ายสุดก็ถึงช่วงเวลาความสนุกกับฮอนด้าหัวฉีด มหกรรมดนตรีริมทะเล คอนเสิร์ตสุดแนวจึงเกิดขึ้น เริ่มปะทะความมันส์เอาใจชาวสกาด้วยศิลปินแนวๆ อย่าง Jofax, Madacascar 11 circle สลับดนตรีมันส์ๆ จากชาวร็อค The Mousses, Plastic Surgery, SIX C.E. และ Play Ground ต่อเนื่องความสนุกท้าทายราตรีอย่างไม่มีหยุดผสมความมันส์ทั้งร็อค เร๊กเก้ กับ Klear, Bis Ass, Sriracha Rocker, Moderndog, T-Bone พร้อมปิดท้ายความสนุกด้วยวงดนตรีเด็กแนวที่มาแรง Teddy Ska Band

นับว่ากิจกรรมดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น และสามารถตอกย้ำนโยบายความสนุกกับทางรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี และทางฮอนด้าจะดำเนินการสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ เฉกเช่นนี้ขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มความสนุกให้กับทุกสีสันของชีวิต

โลกของซูซูกิ

โลกแห่งเทคโนโลยีของซูซูก็เริ่มเป็นเงาขึ้นอย่างเลือนลาง เมื่อครอบครัวของชาวไร่ฝ้ายชานเมืองฮามา มัทซึ คนหนึ่ง ให้กำเนิดทารกเพศชายขึ้น เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2430 ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวทุกคน ซึ่งเป็นคติธรรมเนียมของชาวเอเชียตะวันออกไกล มักจะให้ความสำคัญของเด็กที่เกิดใหม่เป็นเพศ ชายเสมอ เพราะนั่นเป็นกำลังงานสำคัญสำหรับประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัวสืบไปเด็กคนนี้ได้รับการขนานนามตามชื่อสกุลของเขาว่า "Mishio Suzuki"

หลังผ่านพ้นภาวะของความเป็นเด็กไปไม่นาน หนุ่มน้อย ซูซูกิ ก็ได้เป็นกำลังของครอบครัวด้วยการออกไปฝึกการเป็นช่างไม้ ด้วยอายุเพียง 14 ปี แล้วแววอัจฉริยะของเขาก็ปรากฎเมื่อ ซูซูกิ เข้าไปฝึกงานที่โรงงานทอผ้าอยู่ 4 ปี ก็เริ่มใช้ความชำนาญในเชิงช่างประดิษฐ์เครื่องทอผ้าได้สำเร็จ จนต่อมาสามารถตั้งโรงงานทอผ้าของตนเองได้ในปี 2463 ใช้ชื่อโรงงานว่า "Suzuki Loom Manufacturing" ด้วยทุนจดทะเบียน 500,000 เยน มีผู้ถือหุ้น 72 คน เป็นวันเดียวกับที่ตลาดข้าว ฝ้าย ไหม และหุ้นพังทลายโรงงานขนาดเล็กจำนวนมากต่างล้มละลาย แต่บริษัทของ ซูซูกิ สามารถประสบความสำเร็จได้เป็นอย่างดีอย่างไรก็ตาม ซูซูกิ ได้เล็งเห็นความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นสินค้าประเภทอุปโภคเขาได้ทำการศึกษาและได้ข้อสรุปว่า รถยนต์ ขนาดเล็ก จะเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวได้ดีที่สุด ซึ่งนี่คือ จุดเริ่มต้นแห่งความเป็นอัจฉริยะของเขาอย่างชัดเจน เนื่องจากตลาดรถยนต์ในขณะนั้นมียอดจำหน่ายเพียง 20,000 คัน เท่านั้น SUZUKI เริ่มผลิตเครื่องยนต์ขนาด 750 ซีซี.4 ลูกสูบขึ้น เป็น ครั้งแรก หลังการจัดตั้งโรงงานได้สำเร็จแต่กิจการต้อง หยุดชะงักลง เนื่องจากในขณะนั้เเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นทำสงครามกับประเทศจีนทำให้รัฐบาล
สั่งห้ามดำเนินกิจการที่ไม่สำคัญเพื่อใช้โรงงานในการสร้างอาวุธทำให้ ซูซกิต้องย้ายมาตั้งโรงงานใหม่ที่Takatsuka (ปัจจุบันเป็นสำนักงานใหญ่ของซูซูกิ) เพื่อใช้ในการเสริมสร้างการผลิตของโรงงานที่ Hamamatsu อีกส่วนหนึ่ง ในปี 2487 บริษัทเริ่มประสบผลการขาดทุนเป็นครั้งแรก เนื่องจากแผ่นดินไหว ทำให้ตึกถล่มไป 3 หลังและอีก 2 หลังเสียหายเป็นบางส่วน แต่ก็ไม่เป็นผลทำให้กิจการของ ซูซูกิ ชะงักลงทั้งหมด

หลังสงครามสิ้นสุดลง ผลจากสงครามส่งผลให้วัตถุดิบต่างๆขาดแคลนทำให้ Mr. Mishio Suzuki ประสบปัญหาต่าง ๆ มากมายจึงหาทางออกด้วยการพักผ่อนโดยการขี่จักรยานท่องเที่ยวไปแบบไม่มีจุดหมายปลายทาง และจากการเดินทางในครั้งนั้น ทำให้ SUZUKI พบว่าระบบขนส่งถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงน้อยคนนัก ที่จะมีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ใช้ หลายบริษัทเริ่มผลิตรถจักรยานยนต์แบบหยาบๆและขาดคุณภาพ SUZUKI จึงคิดว่า ตนน่าจะเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่มี คุณภาพได้ดี และดีพอที่จะสร้างให้เข้าสู่ ระบบอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากซูซูกิเคยมีประสบการณ์จากการสร้างรถยนต์มาแล้ว . . ระบบการบริหารงานจึงอยู่ในสมองของเขาทั้งหมด ตรงนี้เอง คือ จุดกำเนิดนวตกรรมใหม่หลังสงครามโลกของเครือข่ายในนามของ ซูซูกิ เมื่อเขานำเอา เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ที่เหลือจากสงคราม มาเป็นต้นกำลังของรถจักรยานติดเครื่องโดยให้ชื่อรถรุ่นแรกเป็นแบบ A Type และได้รับการต้อนรับจากมหาชนอย่างล้นหลาม ทำให้ซูซูกิหันไปพัฒนาโรงงาน เดิมที่ Hamamatsu นกลายเป็นเศูนยกลางการ ผลิตรถจักรยานยนต์ซูซูกิในเวลาต่อมา

ในช่วงของการเริ่มต้นที่ผ่านมา Mr. Mishio Suzuki ได้ผลิต แต่ตัวเครื่องอย่างเดียว จึงเริ่มต้นการปรับกลยุทธ์การผลิตอีก ครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อรัฐบาลกลางสามารถบูรณะถนนหนทางได้ดี ขึ้นกว่าเดิมแล้วยานยนต์ หลายชนิดเริ่มเพิ่มความเร็วของเครื่องยนต์ ได้มากขึ้นการใช้ตัวถังรถจักรยานยนต์เริ่มเป็นอุปสรรคต่อ ความเร็วดังนั้น ซูซูกิ จึงผลิตรถจักรยานยนต์ทั้งคันเพื่อรองรับขีดความสามรถของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น โดยเริ่มผลิต 90 ซีซี. สูบเดียว 4 จัวหวะให้รอบเครื่องยนต์ 4,000 รอบต่อนาที โดยให้ชื่อ รุ่นประเดิมชัยครั้งนี้ว่า Coleda นับเป็นรุ่นสำคัญของสายการผลิตแบบครบระบบตามแผนพัฒนาที่ซูซูกิตั้งเป้าหมายเบื้องต้นเอาไว้ได้ รถรุ่นนี้ได้มีการปรับแต่งลงสนามแข่งขันเพื่อแสดงให้ประชาชน เห็นถึงสมรรถนะอันสูงเยี่ยมของระบบเครื่องยนต และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในกลุ่มผู้นิยมความเร็วในช่วงต้น ปี 2510 บริษัท ซูซกิ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ขยายกิจการมาตั้งโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ที่เมืองไทย โดยใช้ชื่อโรงงาน"ไทยซูซูกิมอเตอร์" โดยร่วมทุนกับบริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) และบ้านซูซูกิ จำกัด ดังที่เรารู้จักดีแล้ว Mr. Mishio Suzuki ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางเทคโนโลยีต่างๆ ด้วยการจัดตั้งกองทุน สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและเทคโนโลยีต่างๆร่วมมือกับ Industry-University โดยแต่งตั้ง Mr.Osamu Suzuki เป็นประธานบริษัท และ Mr. Jitsujino Suzuki เป็นประธานกรรมการ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน

ที่มา http://www.spsuzuki.com/

FINO RAINY MUSIC FESTIVAL

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด สุดยอดผู้นำแห่งความแตกต่าง จัดกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึก ให้กับลูกค้ายามาฮ่า และผู้จำหน่ายทั่วประเทศได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ผนึกกำลังกับผู้จัดมืออาชีพ บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด จัดงานคอนเสิร์ตสุดยอดแห่งปี คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน “FINO RAINY MUSIC FESTIVAL” ครั้งแรกในโลก ที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเคยทำ กับรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตแนวใหม่ท่ามกลางสายฝน พร้อมชมการแปรขบวนด้วยรถฟีโน่ และตื่นตากับขบวนรถฟีโน่ นับพันคันจากทั่วประเทศที่จะขับขี่เข้ามาร่วมงาน ได้สนุกกันตั้งแต่เที่ยงวันยันเข้าสู่วันใหม่ ในวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2552 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก

สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ หรือแม้แต่ลูกค้าที่อยู่ในอำเภอรอบนอก ซึ่งยามาฮ่าได้เตรียมการสำหรับกิจกรรมนี้เป็นพิเศษเพื่อชาวยามาฮ่าโดยเฉพาะ โดยได้จัดพื้นที่ให้ลูกค้า และยามาฮ่าคลับ ได้สนุกสนานผ่อนคลายกันสุดๆ ไปกับกิจกรรมโดนๆ มากมาย อาทิ ซุ้มเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์หมุนไข่ สาวน้อยตกโฟม ปาป๋อง ปาโป่ง ยูโรบันจี้สนุกสนานท้าทายความเสียว พร้อมสะสมความมันส์รับของรางวัลสุดฮิบกลับบ้าน หรือจะผ่อนคลายเข้ามานั่งมานอนเอนหลังให้นวดคลายเส้นกันสบายใจกับซุ้มนวดเท้า แถมมีซุ้มหมอดูเอาไว้ให้ทำนายทายทักกัน ใครใคร่อยากรู้เรื่องอะไรจะเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องคู่ ก็ตามใจเต็มที่กันไปเลยงานนี้ หรือถ้าใครอยากจะเก็บภาพประทับใจยากที่จะลืมยามาฮ่าก็จัดมุม Photo Corner เอาไว้ให้ หลังจากได้สนุกสนานผ่อนคลายกันมาแล้ว ยามาฮ่ายังได้เตรียมซุ้มอาหารที่บรรจงคัดสรรมาจากร้านดังในจังหวัดนครนายกมารวมเอาไว้ที่นี่ทั้งหมด ให้ยามาฮ่าคลับได้พุงกางอร่อยอิ่มท้องกันอย่างเต็มที่จนกว่าอาหารจะหมดกันเลย และยังได้จัดเตรียมเต็นท์ที่พักไว้ให้กับลูกค้าได้พักผ่อนในแบบผจญภัยเข้ากับบรรยากาศความเป็นธรรมชาติของเขื่อนขุนด่านปราการชล

บรรยากาศของกิจกรรมช่วงบ่ายผู้คนที่กำลังทยอยกันเข้ามาร่วมงาน ต้องหยุดให้กับความยิ่งใหญ่ของกองทัพรถฟีโน่ และยามาฮ่าคลับ จากทั่วประเทศกว่า 5,000 คัน รวมตัวขับขี่ทัวร์ริ่งเข้ามาในงาน โดยมียามาฮ่าเป็นผู้ริเริ่มสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข ซึ่งทุกคนมีเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นของตัวเอง มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขี่รถท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ และพร้อมกับการทำสถิติโลก “World Record” ของกองทัพรถฟีโน่ จากทั่วประเทศมาร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ กับสถิติ "ขบวนรถฟีโน่ที่ยาวที่สุดในโลก" นำโดยผู้บริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด พรีเซ็นเตอร์ กอล์ฟ ไมค์ สิงโต วงแคลช และนักแข่ง ยามาฮ่าแชมป์ และรองแชมป์เอเชียปีล่าสุดอย่าง เดชา ไกรศาสตร์ เฉลิมพล ผลไม้ และนักแข่งเกรดเอ ปรีชา ยงค์สว่างอรุณ และธิดารัตน์ แย้มรักษา ร่วมขับขี่นำขบวนกองทัพรถฟีโน่ ขึ้นบนสันเขื่อนขุนด่านปราการชล ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเขื่อนคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยการทำสถิติโลกในครั้งนี้ยังได้รับใบประกาศรับรองจาก Guinness World Records สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผู้จำหน่าย และยามาฮ่าคลับ เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ความยิ่งใหญ่ของกิจกรรมยังไม่จบลง ครั้งแรกกับการแปรขบวนด้วยรถฟีโน่ ทั้งหมด 100 คัน ออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ กันอย่างพร้อมเพียง ซึ่งเป็นไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ลูกค้ายามาฮ่ายังได้ดื่มด่ำกับความสนุกของเพลงจากศิลปินมากมายที่ถือว่าเป็นการรวมเอาเหล่าศิลปิน ROCK และ HIP HOP ไว้มากที่สุด จากทุกค่าย ทุกสังกัดทั่วฟ้าเมืองไทย ให้มาร่วมระเบิดความมันส์กันแบบสุดๆ ซึ่งยังไม่เคยมีใครจัดงานได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยผู้คนที่เริ่มทยอยกันเข้ามาตั้งแต่ก่อนเที่ยง เพื่อร่วมชมงานคอนเสิร์ตครั้งแรกของโลกกับเทศกาลดนตรีฤดูฝน “FINO RAINY MUSIC FESTIVAL” จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาเที่ยงกองทัพศิลปิน ROCK และ HIP HOP ระดับแนวหน้าทั่วฟ้าเมืองไทย ที่นำมาโดยพรีเซ็นเตอร์ยามาฮ่ากับวงแคลช ขวัญใจขาโจ๋มากระแทกเสียงในเพลงร็อคให้ได้มันส์กันสุดเหวี่ยง มาพร้อมกับ HIP HOP ขวัญใจเด็กแนวอีกเพียบที่มาร่วมกันเขย่าเวทีให้สนั่นสั่นกันทั้งเขื่อนไปเลย ทั้ง ROCK และ HIP HOP ต่างทยอยกันออกมาสร้างความมันส์ด้วยเพลงนับร้อยๆ เพลง ท่ามกลางผู้คนเกินหมื่น ชนิดที่ว่าไม่มีใครยอมถอยกันเลย นอกจากนี้ยังให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกับการสร้างคลื่นผ้าขนาดยักษ์พร้อมคำว่า FINO Makes the World Record มาช่วยเพิ่มสีสันให้กับงานได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ และให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งทางยามาฮ่า ตั้งใจสร้างสรรค์ความสุข ความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราที่มีจำนวนมากทั่วประเทศ เป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่างอย่างโดดเด่นที่บริษัทฯ ได้ทำการตลาดที่แตกต่างมาโดยตลอด ทั้งในด้านสินค้า และกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th

นวลิสซิ่งปรับแผนเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์

นวลิสซิ่งปรับแผนเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์รับบริหารหนี้เอสเอ็มอีแบงก์เพื่อเพิ่มรายได้ลดต้นทุน

นวลิสซิ่งปรับยุทธศาสตร์ครี่งปีหลัง ลุยสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ รับบริหารหนี้ให้กับเอสเอ็มอีแบงก์ เพื่อเพิ่มรายได้ลดต้นทุน หลังแบงก์พาณิชย์ลุยจำนำทะเบียนรถ พร้อมปฏิเสธการเข้ามาถือหุ้นของแบงก์ ยันเป็นแค่พันธมิตรทางธุรกิจเท่านั้น

นายรัตนชัย นันทปราโมทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทนวลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ NVL เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับยุทธศาสตร์ในการทำธุรกิจใหม่ในครึ่งปีหลัง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์หันมาให้ความสำคัญกับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินสูงกว่า จึงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยหันมาเน้นการทำสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์แทน เพราะมีการแข่งขันที่ไม่รุนแรง และจากการศึกษาพบว่ามียอดการซื้อขายอยู่ที่ 1.7 ล้านคันต่อปี มูลค่ารวมกว่า 5.1หมื่นล้านบาทต่อปี และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ โดยเน้นในภาคใต้เป็นหลัก เพราะคู่แข่งน้อย และยังไม่มีใครให้ความสำคัญ ในเบื้องต้นได้เสนอโครงการไปยังธนาคารอิสลามฯ แล้ว และรอผลการอนุมัติสินเชื่อจำนวน 200 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ยืม 3 ปี เพื่อนำไปปล่อยกู้สำหรับมอเตอร์ไซค์ต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ไตรมาส 4 เป็นต้นไป ซึ่งแผนที่วางไว้จะสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและมีโครงการต่างๆ และให้ความสำคัญกับระดับรากหญ้า ซึ่งมาตรการของรัฐบาลจะเห็นผลได้ประมาณไตรมาส 4 พอดี

นอกจากนี้แล้วบริษัทได้ยื่นแผนในการเข้าไปบริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประเภทสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จำนวน 1,000 ล้านบาท จากธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือ เอสเอ็มอีแบงก์ได้เลย โดยบริษัทจะได้รับค่าธรรมเนียมในการบริหารประมาณ 10-15% ส่วนจะติดตามหนี้มาได้มากน้อยแค่ไหนนั้นต้องขอเข้าไปดูลูกหนี้ก่อน ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการแรกของเอสเอ็มอีแบงก์

ส่วนกรณีที่มีข่าวลือว่า ธนาคารทิสโก้ ธนาคารอิสลามฯ และเอสเอ็มอีแบงก์ จะเข้ามาถือหุ้นในนวลิสซิ่ง ไม่เป็นความจริง แต่ทั้ง 3 รายถือว่าได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทอยู่แล้ว และบริษัทก็ไม่มีนโยบายในการเพิ่มผู้ถือหุ้นที่เป็นแบงก์ในขณะนี้ แต่เนื่องจากเป็นลิสซิงขนาดเล็ก จึงเป็นที่ต้องการของหลายแห่ง

นายรัตนชัย กล่าวว่า รายได้ในครึ่งปีหลังหลักๆ จะมาจากสินเชื่อมอเตอร์ไซค์ กับการบริหารหนี้ ส่วนพอร์ตสินเชื่อคงค้างในสิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ในขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 4% โดยจะควบคุมไม่ให้เกิดไปจากนี้ เพื่อไม่ต้องสำรองเพิ่มและลดต้นทุนการดำเนินงานต่างๆ ลงเพื่อให้ผลประกอบการทั้งปีเป็นบวก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

HONDA RACING FEST

เปิดซิง...สนามแก่งกระจาน
ประลองความเร็วศึกฮอนด้า

เกาะติดการแข่งขันในรายการฮอนด้า เรซซิ่ง เฟสท์ สนาม 3 นัดประเดิมเปิดซิงสนามใหม่ ที่แก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี มีความยาวต่อรอบถึง 2.912 กิโลเมตร ทางตรงที่ยาวถึง 1.2 กิโลเมตร นักแข่งสามารถทำความเร็วได้ถึง 200 กม./ชม. โดยปิติ ภิรมย์ภักดี ที่ระยะหลังปล่อย ให้ยอดขายสิงห์ โดนคู่แข่งแซงหน้า แต่รถแข่งไม่ยอมใคร ควบฮอนด้า อินเทรก้า ทำ เวลาในรอบควอลิฟายจัดอันดับสตาร์ตของรุ่นโปร คัพ มาดีที่สุด 1.29.550 นาที สร้าง สถิติให้สนามใหม่แห่งนี้ โดยในรุ่นฮอนด้า แจ๊ซ วันเมคเรซ คลาส เอ อาภาธร กรรณสูต มีคะแนนสะสมนำเป็นจ่าฝูง 31 คะแนน ส่วน รุ่นฮอนด้า แจ๊ซ วันเมคเรซ แชมป์ 4 เรซ ที่ผ่านมาของฤดูกาลนี้ อลงกรณ์ ยั่งยืน มีคะแนนสะสมนำโด่ง 43 คะแนน

นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ในฐานะผู้ดำเนินการแข่งขันเปิดเผยว่า “สำหรับสนามแก่งกระจาน เซอร์กิต” ที่จัดการแข่งขันในครั้งนี้ ถือเป็นสนามที่ท้าทายความสามารถของนักแข่ง เนื่องจากสนามนี้ได้รับการออกแบบโดยนักแข่งรถระดับแถวหน้าของเมืองไทย มีทางตรงที่ยาวมาก และโค้งหลากหลายรูปแบบ ถือว่าเป็นสนามที่นักแข่งสามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ แต่อย่างไรก็ตามก็คือวัตถุประสงค์ของการจัด การแข่งขันคือให้ผู้ชมได้สัมผัสกับเกมการแข่งที่เร้าใจ

ไฮไลต์การแข่งขันรุ่นฮอนด้า แจ๊ซ วันเมคเรซ เรซ1 อลงกรณ์ ยั่งยืน ควอลิฟายมาอันดับที่ 5 แต่อาศัยประสบการณ์ที่มากกว่า และรถไม่สมบูรณ์มีอุบัติเหตุตั้งแต่รอบซ้อมรักษาอันดับเกาะกลุ่มแรก ผ่านธงหมากรุกมาอันดับ 3 โดยมี ภาสฤทธิ์ พรหมสมบัติ นำแบบม้วนเดียวจบคว้าแชมป์ในเรซนี้ไป

ในเรซที่ 2 ความมันเริ่มทวีคูณขึ้น ออก สตาร์ตเพียงรอบเดียวรถของธนิน ไพศาลศรีศิลป์ เกิดอุบัติเหตุ เซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่งนำ รถแข่งต้องทำการสตาร์ตใหม่ แต่เพียงแค่ 2 รอบ รถของสรศักดิ์ แสงชูโต ก็มีอุบัติเหตุในสนาม รถเซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งนำอีกครั้งหนึ่ง และไม่มีปัญหาสำหรับนักแข่งดาวรุ่งเพียว หงส์ปาน ขึ้นนำแบบม้วนเดียวจบ คว้าแชมป์ฮอนด้า แจ๊ซ วันเมคเรซ เรซ2 ไปครอง โดยมีเต็งหนึ่งอลงกรณ์ ยั่งยืน ขับแบบประคองเพราะรถไม่สมบูรณ์ตามเข้ามาในอันดับที่ 2 และยังรั้งผู้นำคะแนนสะสมในรุ่นนี้เหมือนเช่นเคย 59 คะแนน ตามมา ด้วย ภาสฤทธิ์ 45 คะแนน และภัทรพล วงษ์ไพร 23 คะแนน

รุ่นฮอนด้า ซีวิค วันเมคเรซ เรซ 1 นักแข่งชื่อดังอย่างชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม มีอุบัติเหตุตั้งแต่รอบซ้อม ต้องออกจากการแข่งขันไป ส่วน วรพจน์ บุญช่วยเหลือ ไม่คุ้นกับสนามใหม่ทำ เวลาควอลิฟายไม่ดีออกสตาร์ตในอันดับที่ 10 เช่น เดียวกับจักษ์ทอง นาวาศุภพานิช รถไม่สมบูรณ์ออกสตาร์ตอยู่ในอันดับที่ 18 โดยมีสุทธิศักษ์ บุญเจริญ ทำเวลามาดีที่สุด เรซแรกไม่มีปัญหาสำหรับนราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ เข้าวินแบบไร้ความกดดัน

แต่ในเรซ 2 นราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ ต้องเจอกับ สุทธิศักดิ์ บุญเจริญ ช่วงชิงตำแหน่งแชมป์ตลอด 12 รอบสนามแข่งขัน แต่นราศักดิ์ อาศัยปิดไลน์ในโค้งได้ดีกว่า คว้าแชมป์ในรุ่นนี้อีกครั้ง ส่วนคะแนนสะสมนราศักดิ์ อิทธิริทพงษ์ เป็นผู้นำในคลาส เอ 52 คะแนน ส่วนสุทธิศักดิ์ บุญเจริญ เป็นจ่าฝูงในคลาส บี 53 คะแนน

ส่วนในรุ่นโปร คัพ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หลุดโค้งตั้งแต่รอบซ้อม ไม่สามารถลงแข่งในรอบชิงชนะเลิศได้ ปล่อยให้ ปิติ ภิรมย์ภักดี ที่มี “น้องนุ่น” วรนุช วงษ์สวรรค์ มาเชียร์ถึงขอบแทร็ค คว้าแชมป์ไปทั้ง 2 เรซ

ที่มา สยามธุรกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง